July 2011 Blog Posts (44)

หนังสือเล่มนี้เขียนโดยคุณแม่ชาวเกาหลีที่สอนภาษาอังกฤษให้กับลูกด้วยตนเอง ซึ่งหากวิเคราะห์ดูแล้วก็ค่อนข้างสอดคล้องกับแนวคิดของผู้ใหญ่บิ๊กค่ะ และน่าจะช่วยส่งเสริมกันเป็นอย่างดีด้วย ซึ่งหนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นเสมือนกรณีศึกษาของการใช้ระบบ OTOL ที่ประสบความสำเร็จ (ตามความรู้สึกของแม่นกนะคะ)

โดยคุณแม่ท่านนี้จะเน้นการสร้างนิสัยรักการอ่านให้กับลูกก่อน…

เป็นคุณแม่ part-time มีเวลากะลูกแค่ช่วงเย็น กะวันอาทิตย์ เริ่ม baby sign ตอนน้อง 10 เดือน ตามคำแนะนำของคุณบิ๊ก ไม่ต้องเยอะ เริ่มจากคำง่าย 5-6 คำ พอ ทำซ้ำๆ 3 ช่วงแรกๆที่แม่พยายาม คุณปู่+คุณย่า ก็งงๆ "พูดภาษาอะไรกัน" "จะได้เรื่องเหรอ"  "ไม่ต้องก็ได้มั้ง" 2เดือน ผ่านไป ตอนนี้น้องเอลฟ์ 1 ขวบ ทำ baby sign ได้แล้วค่ะ ดีใจมาก เวลากิน บอก EAt ๆๆ แตะที่ปาก เค้าจะหัวเราะ แตะปากตัวเอง พร้อมอ้าปากหม่ำด้วย ค่ะ ล่าสุดเมื่อวานเค้าชี้ๆๆ ไปที่โต๊ะ ร้องเสียงดังพร้อมเอามือแตะปากตัวเอง ชี้ๆๆ หลายรอบ…

คุณแม่คิดว่าน้องยังไม่เข้าใจว่าจะใช้ I หรือ you ค่ะ แล้วก็ my กับ your ด้วย เวลาเราพูดกับเค้าเราจะให้ you แทนตัวน้อง เช่น you  fall down ตอนนี้เวลาน้องเค้าล้มเค้าจะพูดตามค่ะ you fall down  เราก็บอกว่า I fall dawn แต่น้องก็ยัง you อยู่เลยค่ะ 

my กับ your ก็เหมือนกัน ตัวอย่างนะคะ  เวลาอาบน้ำเราจะพูดกับเค้าว่า soap your arms, soap your legs ค่ะ  เวลาน้องถูแขนตัวเองก็จะพูด your ตามเราค่ะ  บอกน้องให้ไปล้างมือ wash your hands. เค้าก็เดินไปล้างมือ แล้วตอนล้างก็จะพูดว่า wash your hands.…

ยังไม่พูดเลยค๊าาา...

แต่บอกให้ทำอะไรทำหมดนะคะ แต่ยังไม่พูด ถามว่าอะไรอยู่ตรงไหน หันไปหาได้หมดค่ะ แต่ทำไม๊ ทำไมยังไม่พูดก็ไม่ทราบคะ ใครมีประสบการณ์แบบนี้ช่วยแชร์กันหน่อยนะคะ เผื่อมีความคิดเห็นไหนดีดี จะได้เอามาใช้กับ พี่เพ็ชรบ้างน่ะค่ะ

ขอบคุณไว้ล่วงหน้านะคะ

สวัสดีค่ะสมาชิกสองภาษาค่ะ ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะีคะ ชื่อ แม่เล็กค่ะ เป็นแม่ของน้องหนูอินค่ะ พอดีได้อ่านหลาย ๆ ข้อความแล้วก็รู้สึกดี อยากจะเป็นหนึ่งในสมาชิกที่สามารถพูดสื่อสารได้บ้างน่ะค่ะ ก็เลยอยากขะคำแนะนำจากท่านผู้มีประสบการณ์หน่อยค่ะ พอดีตัวเองไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย รู้ศัพท์บ้างนิดหน่อย แต่อยากให้ลูกเก่งและพูดได้ค่ะ ต้องเริ่มอะไรก่อนดี ตอนนี้หนูอินอายุ 3.9 ปีแล้วค่ะคงยังไม่สายนะคะ

     ขอบคุณล่วงหน้าเลยค่ะ

แม่ข้าวหอมพึ่งเริ่มจะเข้าสู่การสร้างเด็กสองภาษา แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้มารู้แบบงูๆปลาๆ

อยากขอคำแนะนำหรือแชร์ประสบการณ์หน่อยค่ะ ว่ามีเทคนิคในการเตรียมตัวเองยังไงบ้างค่ะ ตัวแม่เองควรเริ่มจากอะไรดี

มีหนังสือหรือสื่อการเรียนรู้อะไรแนะนำบ้างค่ะ เท่าีที่อ่านหนังสือเล่มแรกจบเข้าใจว่าแม่ต้องเตรียมตัวให้ดีก่อน

เพราะจะเป็นต้นแบบให้น้อง ถึงแม้จะบอกว่าเริ่มเรียนไปพร้อมกับลูกแต่ก็ยังสับสนอยู่ว่าตัวเราเองจะเริ่มจากการศึกษาอะไรก่อน

วันนี้ตอนเช้าจะออกมาจากบ้านพร้อมกันเพื่อไปส่งที่เนอส เหตุการณ์เกิดขึ้นในรถ 

Mom      :     Where is papa?

Baby      :    Papa  working chumporn.

Mom      :     What Mommy's doing?

Baby      :     Mommy driving car.

Mom      :     What baby's doing?…

อารัมภบทกันก่อน

เนื่องด้วยตัวแม่ เป็นเด็ก 2 ภาษาด้วยความบังเอิญ จริงๆน่าจะบอกว่าด้วยความรักชาติสุดๆ ของปะป๊า กะ หม่าม๊า ภาษาจีนมาก่อนเลยค่ะ ภาษาไทยงูๆปลาๆ ไปรู้เอาในโรงเรียน ตอนเป็นเด็กเล็กภาษาจีนคล่องปรื๊ดด เรียนโรงเรียนไทย (มีสอนจีนด้วยค่ะ) จนกระทั่ง ป. 2 มั้ง (อ่านในหนังสือ เค้าบอกเด็กๆจะรักภาษาของสังคม และเริ่มไม่ค่อยยอมพูดภาษาที่บ้านกันตอนประมาณ ป. 2 เลยเดาว่าตัวเองน่าจะเข้ากรณีนี้ด้วย)

ป. 2 เป็นต้นมา ก็เริ่มพูดกะที่บ้านเป็นภาษาไทยมากขึ้นๆ…

จากการคลุกคลีกับภาษาอังกฤษตลอดเวลาทำให้คุณพัชมนเห็นความสำคัญของการถ่ายทอดภาษาอังกฤษให้กับลูก ๆ ประสอบการณ์ตรงกับการสอนลูกสาวคนโต-น้องเอ็นดูที่นำไปฝากคุณตาคุณยายเลี้ยงจนถึง 3 ขวบ หลังจากนำกลับมาเลี้ยงเองแล้วจึงเริ่มต้นสอนภาษาอังกฤษด้วยการสรรหาการ์ตูนสนุก ๆ เป็นภาษาอังกฤษมาให้ดูเป็นประจำ สลับกับการพูดคุยในชีวิตประจำวัน แต่การเริ่มต้นที่ค่อนข้างช้าทำให้น้องเอ็นดูชินกับภาษาไทยเกินกว่าที่จะยอมพูดภาษาอังกฤษแล้วเพราะขัดเขิน และไม่กล้าพูด ในที่สุดก็ทำให้เธอยอมเป็นคนฟังมากกว่าจะยอมโต้ตอบ…

แม่พูดกับลูกเป็นประโยคภาษาอังกฤษบ้าง สอนคำศัพท์ โดยไม่แปล แต่ก็มีพูดภาษาไทยกับลูกด้วย ตอนนี้แม่เลือกสอนแบบหนึ่งเวลาก่อน ในระยะแรกจะเริ่มแบบไหนถึงจะเหมาะสมและถูกต้องคะ? ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ

ปกติจะเล่นกับลูกและจะชมเขาเวลาทำดี Good Job,   Good Girl พร้อมกับกอดเขาตลอด แต่เขาก็ไม่โต้ตอบอะไรได้แต่ยิ้ม

จนกระทั่งเมื่อวานเย็นนี้  กำลังทำอะไรบางอย่างจำไม่ได้แล้วก็ชมเขาเหมือนเคย

Mommy   :  Baby good girl ก็กอดเขาเหมือนเดิม

August     :  Mommy good girl  แล้วเข้ามากอดเราตบหลังเบาๆ เราก็????? ok .... Mommy good girl ก็ได้…

ขอโชว์เล่น Ukulele กันก่อน

เทคนิคฝึกลูกอ่านภาษาอังกฤษ จากประสบการณ์ตรง...

ต้องออกตัวเอี๊ยดไว้ก่อนว่าไม่ได้เก่ง หรือมีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ เราฝึกลูกชายวัย 3 ขวบกว่าๆ อ่านหนังสือ แบบค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินตามความรู้สึก และแนวคิดส่วนตัว อาจจะไม่ตรงกับแนวทางอื่นๆ…

ตอนนี้น้องบีมอายุเพิ่งได้ 4 เดือน เริ่มอ้อแอ้ ไม่ได้เลี้ยงลูกเองค่ะ คุณยายเป็นคนเลี้ยงแต่โทรคุยให้คุณยายเปิด Phone ให้น้องบีมได้ยิน

ทุกวันที่คุยก็จะคุยกับเค้าเป็นภาษาอังกฤษ เค้าก็ส่งเสียงตอบกลับ เป็นภาษาเค้าฟังไม่รู้เรื่อง แต่คุยอะไรไปเค้าก็จะตอบกลับนะ

เหมือนจะคุยกันรู้เรื่องเลยอะ ก็พยายามด้วยวิธีนี้แหละค่ะ ไม่รู้ว่าผลจะเป็นยังไง ต้องรอช่วงที่เค้าพูดได้นั่นแหละถึงจะรู้กัน

..อ็อ..สาเริ่มคุยเป็นภาษาอังกฤษกับลูกตั้งแต่เค้าแค่สองเดือนนะค่ะ…

เบื่อมากค่ะที่บางครั้งมักจะมีคนชอบถามลูกว่า นกภาษาอังกฤษคืออะไร แมว หมู เห็ด เป็ดไก่ ภาษาอังกฤษคืออะไร

ทำให้ concept เรารวนเลย ไม่รู้จะแก้อย่างไรดี

      หลังจากเดินทางกลับจาก ดูไบ 2009 ก็แทบจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ กับลูกสาวคนโตเลย แต่ก็ยังดูการ์ตูนเป็นภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะ คายุ เป็นการ์ตูนเรื่องโปรด ประโยคแรกที่พูด จากการ์ตูนเรื่องนี้คือ mommy i found something. แล้วเขาก็วิ่งเอาของเล่นมาโชว์what's happen ,what are you doing  ด้วยความที่ท้องลูกคนที่สอง ก็เกิดอาการขี้เกียจ พูดภาษาอังกฤษ (ไม่ดีเลย) จนเวลาล่วงเลยผ่านไป จนคลอด ลูกคนเล็ก มาตั้งต้นใหม่ กับ สองภาษาอย่างจิงๆ จังๆ ตอน ปลายๆ เดือน พ.ค. 2011 OPOL กับคนเล็ก  ส่วนคนโต ก็ยังเจออุปสรรค…

ลูกอายุ 2 ขวบอยู่กับยายตั้งแต่เกิดที่ฉะเชิงเทราค่ะ  จะได้เลี้ยงเองตอนวันเสาร์ครึ่งวันบ่าย ถึงวันอาทิตย์เย็นๆๆ ค่ะ เพราะต้องมาทำงานที่ระยอง  ได้เริ่มสอนน้องเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนโดยการพูดศัพท์ที่เราจะพูดได้  และให้ดู CD เพลงค่ะ เมื่อวันเสาร์ที่ 16 ก.ค 54 ไปเที่ยวกันแล้วเจอวัวกินหญ้าอยู่ที่ทุ่งนา น้องบอก แม่จ๋า Cow  แม่จ๋า Cow ดีใจมากเลยไม่คิดว่าจะพูดได้เพราะว่ามีเวลาอยู่กับลูกน้อย เสียใจมากที่เจอหนังสือเด็กสองภาษาช้าไป

ขอบคุณหนังสือและผู้ที่เกี่ยวข้องมากค่ะ ไม่งั้นคงหลงทางอีกนานค่ะ