Featured Blog Posts – April 2011 Archive (17)

กลางเดือนมีนาคม 2554ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเด็ก 2 ภาษา พ่อแม่สร้างได้ ด้วยความบังเอิญที่ไปเดิน Central Rama 2 และเข้าไปหาหนังสือเกี่ยวกับเด็กตามปรกติตามประสาแม่ลูกอ่อน ก็ได้เห็นหนังสือน่าสนใจเล่มนี้ ไม่รีรอรีบซื้อกลับมาบ้าน อ่านจบในเวลาอันสั้น ตอนเช้าของวันใหม่เริ่มพูดกับลูกเลย พร้อมทั้งกลับไปที่ร้านหนังสืออีกครั้งซื้ออีก 2 เล่มมาอ่านทันที พร้อมทั้งซื้อ Flash Cards มาสอนลูกด้วยค่ะ

แม่ปุยใช้ระบบ OTOL เพื่ออุ่นเครื่องก่อน และวางแผนไว้ว่าเมื่อลูกโตขึ้นจะพยายามใช้ระบบ…

    ก่อนอื่น ต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ  ชื่อจานะคะ  จามีลูกชาย 1 คน ชื่อ น้องกัณต์ กิตติกวิน ตอนนี้น้องกัณต์อายุ 1 ปี กับ 7 เดือนแล้วค่ะ จาได้รับคำแนะนำให้เข้ามาเป็นครอบครัวของ หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ จากพี่อ้อ @แม่อ้อ - พ่ออาร์ต & ฟ้าใส แรกเลยนั้น จารู้จักพี่อ้อ เพราะ จาได้เห็นคลิปน้องฟ้าใสที่คุณครู anne…

สัก 2 เดือนก่อนได้มีโอกาสคุยกับอาจารย์สอนภาษาท่านหนึ่งซึ่งปกติท่านจะสอนอยู่ ร.ร.นานาชาติ ในชั้นป.1

ท่านได้มีโอกาสอ่านหนังสือ "เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้" และได้ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องที่ดีที่จะให้อนาคตเด็กไทยพูดภาษาอังกฤษแบบเป็นธรรมชาติ และเห็นด้วยกับผู้เขียนว่าเด็กจะมีความมหัศจรรย์อยู่ในตัว สามารถเรียนรู้ได้เร็วและแยกแยะได้ ไม่สับสน

ผมมีเวลากับลูกน้อยมาก จึงอาศัยเวลาที่มีเล่นกับลูกช่วงเช้าตอนตื่นนอน GOOD MORNING ลูกทุกวัน และตอนเย็นๆหลังกลับจากทำงานก็เล่นบอลกับลูก…

อยากบันทึกพัฒนาการสองภาษาของน้องกุน เอ๋ ต้องเป็นพี่กุนซิ เธอกำลังมีน้องใหม่แล้วไว้เพื่อนเล่น 555 คงสมใจ อาจเล่าไม่หมด เพราะว่า ช่วงกำลังเหนื่อยของคนท้อง 555 อาจมีตกหล่นบ้าง ช่วยแนะนำด้วยนะคะ

1 ปี กับ อีก 7 เดือน เริ่มสอนน้องได้อายุ 2 ขวบพอดี ประมาณต้นเดือนกันยายน ปี 2009 ก็มีเรื่องราวมากมายให้เล่าในแต่ละเดือน ตามลิงค์ที่ให้ไว้ข้างล่าง

 …

          บล็อคนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ของตัวเองที่เป็นสมาชิกหมู่บ้านนี้มาเป็นเวลา 1 ปี 3 เดือน  และได้เริ่มสอนภาษาที่ 2 ให้ลูกตอนอายุ 3 ขวบพอดี นำมาแบ่งปัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ครอบครัวอื่นๆ ที่เพิ่งเริ่มใหม่ หรือติดปัญหาต่างๆ ค่ะ

          ขอออกตัวก่อนนะคะว่าอ้อเองก็ยังไม่ได้เก่งมากมาย ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ

          มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ ทำอย่างไรจึงจะทำให้ลูกของเราเป็นเด็ก 2 ภาษาได้ และพ่อแม่เองก็มีความสุขที่ได้สอนลูกด้วยตัวเอง

1.…

เล็กพูดภาษาอังกฤษกับลูกตามแนวคิดเด็กสองภาษามาร่วม 2 ปี 1 เดือน แล้วค่ะ

เราเลือกใช้ระบบ OPOL หนึ่งคนหนึ่งภาษา

ช่วงแรกเราลำบากกันทั้งแม่ทั้งลูก ท้อ ฮึด อยู่อย่างนั้น

https://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/2456660:BlogPost:76190

ผ่านไป 6 เดือน-1 ปี เนยเริ่มพูดคล่องขึ้น แต่แม่ละเลยไม่ได้เน้นเรื่องการออกเสียงให้ชัด…

หลังจากได้รับคำแนะนำให้กระตุ้นด้วยคำพูดสั้นๆชัดๆก่อน ตอนนี้เวลาจะขอเล่นสบู่เหลว น้องโป้ยจะพูดว่า "soap, please" แล้วค่ะ (เค้นตัวSแทบตาย) ไม่งั้นอดเล่นค่ะ

ดูการ์ตูนคายุ ก็ทำหน้าเฉยๆ พอถึงตอนที่คายุนั่งอยู่บนเครื่องซักผ้าที่กำลังปั่นอยู่ แล้วพูดเสียงสั่นตามแรงเครื่องซักผ้าว่า "mommy,look at me" แล้วลงมาเดินเซไปเซมา ถูกใจน้องโป้ยเค้าล่ะค่ะ ขอดูอีกๆอยู่นั่นแหละ

วันรุ่งขึ้นน้องโป้ยปีนป่ายอยู่ในรถ แล้วเรียกให้แม่บุ๋มดู "mommy,look at me"

เล่นทาย flash card…

หลังจากได้อ่านหนังสือเด็กสองภาษาตอนลูกอายุประมาณ 4-5 เดือน ก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้จึงเริ่มพูดอังกฤษกับลูกบ้างในเวลาหลังจากเลิกงานวันละประมาณ 2 ชั่วโมง และต้องอยู่กันลำพังพ่อแม่ลูก เพราะยังไม่กล้าพูดต่อหน้าญาติคนอื่นเพราะอาย แต่ถ้าวันไหนหยุดงานได้อยู่กับลูกก็จะพูดอังกฤษกับลูกทั้งวัน โดยไม่พูดไทยเลย

เริ่มแรกก็พูดศัพท์และวลีง่ายๆที่เราทำกิจวัตรประจำวันกับเค้า ตอนอาบน้ำ กินข้าว เดินเล่น ดื่มนม เช่น Take a bath/shower, Wash your hands, Sit down, Stand up, Come on…

บันทึกครบ 1 ปี บนแนวความคิดของเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ ด้วย OTOL (มากเท่าที่จะมากได้)

ยังจำได้อยู่ว่า วันนี้ของปีที่แล้ว (16 April) แม่ยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเริ่มพูด Eng กับอิ่ม แต่ด้วยความเชื่อมั่น ความตั้งใจบวกกับความพยายามอย่างไม่ลดละ ผ่านมา 1 ปีแล้ว อิ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จากสายตาของแม่เอง และคำทักจากคนรอบข้าง

อิ่มเริ่มบทสนทนาเองด้วยภาษาที่สองกับแม่แบบไม่ต้องคอยเตือนเหมือนก่อนแล้ว สร้างประโยคแบบที่แม่คาดไม่ถึง หรือแม้แต่พยายามจะเล่าเรื่องต่างๆ…

          การเล่นเปียโนจากทฤษฎี 4ท.ผมตั้งขึ้นมาเพื่อฝึกลูกครับโดยใช้หลักอิทธิบาท 4 ของหลักธรรมศาสนาพุทธเพื่อการทำงานหรือปฏิบัติภาระกิจให้ลุล่วงครับขออนุญาตบอกถึงอิทธิบาท 4 หน่อยครับข้อแรกคือ

        ฉันทะ ความพอใจ คือความต้องการที่จะทำ ใฝ่ใจรักจะทำสิ่งนั้นโดยใช้เหตุผลไตร่ตรองอย่างรอบคอบว่าอะไรเป็นสิ่งดีที่เราต้องการ ต้องสร้างความพอใจกับสิ่งนั้น และปรารถนาจะทำให้ได้ผลดียิ่งๆขึ้นไป…

เคยเห็นผู้ใหญ่บิ๊กและน้องเพ่ยเพ่ยออกรายการโทรทัศน์พูดถึงเรื่องการสอนเด็กให้เป็นเด็ก 2 ภาษา ความรู้สึกในตอนนั้น คือ จะได้ผลเหรอ, เดี๋ยวน้องก็สำเนียงเพี้ยนหรอก, ภาษาไทยใช้บ่งบอกความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ของเราได้ดีกว่าใครจะอยากพูดภาษาอังกฤษกับลูกตลอดเวลา บลาๆ...  แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก คิดว่ามีลูกแล้วค่อยจับเข้าโรงเรียนที่มีหลักสูตรอินเตอร์ก็ได้

เวลาผ่านไปเป็นปี จนตอนนี้มีลูก (เจเจ) อายุได้ 6 เดือน เราก็หาหนังสือทั้งไทยและอังกฤษมาอ่านให้เจเจฟัง…

ผ่านไปแล้วคร๊าบบบบ......1 เดือนนิดๆ คุณแม่อ่อนภาษาขั้นเทพ กับ ลูกชายน้องข้าวเจ้าวัย 2.8 ปี

คุณแม่สอนศัพท์รอบๆตัว ใช้ระบบ 1 เวลา 1 ภาษา เพราะคุณแม่ภาษาอังกฤษอ่อนแอเหลือเกิน

แต่จะพูดประโยคที่ทำกิจกรรมกับเค้าทุกครั้ง ทุกวัน…

ป้อเริ่มพูดอังกฤษกับอี้หมิงตั้งแต่เค้าอายุ 4เดือนครึ่ง ตอนนี้อี้หมิงก็ 1ขวบกับ11เดือนแล้วววว....เริ่มมีผลงานมาให้หม่าม๊าชื่นใจกับเค้ากันบ้างแล้วหล่ะค่ะ

จะว่าไป.....ผ่านไปปีครึ่งแล้วเหรอนี่

จริงๆแทบจะไม่เคยนับเลยค่ะว่าเริ่มเป็นครอบครัว3ภาษา(ที่บ้านจะพูดแต้จิ๋วด้วยค่ะ)มานานแค่ไหนแล้ว …

วันที่ 4 เมษา 54 ที่ผ่านมา เริ่มฮึดใหม่เปลี่ยนจากระบบ 1คน1ภาษา มาเป็น 1 เวลา 1ภาษา ตามที่ท่านผู้ใหญ่บิ๊กแนะนำในเล่ม 2

ปรากฎว่ามันดีเกินคาด น้องกล้ารู้สึกไม่ต่อต้านกับการฟังในสิ่งที่แม่พูด เปิด phonics ให้ดูให้ฟังเต้นและถ้าศัพท์คำในเค้าจำได้เค้าก็พูดเป็นภาษาอังกฤษเป็นคำมาเลยมันดีใจมาก ก่อนหน้านี้ต้องบอกว่าสอนน้องกล้าเรื่องศัพท์มาบ้าง โดยใช้ flash card เป็นตัวสื่อ และวันที่ 3 เมษา ที่ผ่านมาบังเอิญไปเจอการให้สัมภาษณ์ของผู้ใหญ่ ในรายการชีพจรโลกที่youtbue…

สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกเวปมาตั้งนานมากแล้ว (เกือบสองปี) แต่เพิ่งลองเขียนเป็นครั้งแรกครับ อยากจะเล่าให้ฟังนิด ๆ ว่าเราก็รวบรวมความกล้าจากหนังสือเด็กสองภาษามาใช้กับลูกเรา (ตอนนี้ขวบสิบเอ็ดเดือน กับ หกเดือน) คือ จริง ๆ แล้วคิดว่าจะทำตั้งนานแล้วก่อนมีลูกและค้นคว้าจากเวปมาบ้างแล้วแต่ส่วนใหญ่เป็นพวกอังกฤษกับสเปน พอมาเห็นหนังสือ ก็ตัดสินใจได้ทันทีเลยครับ ผมโชคดีที่ผมกับภรรยาพูดภาษาอังกฤษได้คล่องทั้งสองคนครับ ในช่วงต้น ๆ แบ่งกันพูดคนละภาษา แต่เอาเข้าจริง ๆ…

March 23, 2011

หลังจากที่ไม่ได้เข้าร้านหนังสือมานาน..

วันที่ได้เข้าร้านหนังสืออีกครั้ง และได้เจอหนังสือดี ๆ ที่ทำให้ตาเป็นประกาย 2 เล่ม

กลับบ้านรีบอ่านทันที และหลังจากอ่านหนังสือเด็ก 2 ภาษา เล่มแรกจบ

ตัดสินใจด้วยตัวเองทันที ที่จะดิ้นรนมุ่งมั่นให้เจแปนเป็นเด็ก 2 ภาษาให้ได้

ทั้ง ๆ ที่พ่อและแม่ไม่ได้เก่งเรื่องภาษาเอาซะเลย

และคิดว่าคนรอบข้างก็คงจะขำกันไม่ใช่น้อย 55555

แต่วันนี้...

เราตัดสินใจแล้ว !!!

และการเริ่มต้นก็เกิดขึ้น…