เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

รวบรวมบล็อกเริ่มต้น ,How to..... สัมภาษณ์ประสบการณ์คนดัง สอนยังไง ฝึกภาษาอังกฤษยังไงให้ได้ผล

วันนี้ขอทำเรื่องที่ติดค้างกับพี่หน่อย (แม่กายแก้ม) มานาน พี่หน่อยเคยบอกว่าให้ภาเอากระทู้บล็อกต่างๆที่เคยรวบรวมไว้ในห้องขอนแก่น มารวบรวมให้เพื่อนๆชาวอุบลฯ ได้อ่าน วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี อิอิ ขอไปก๊อปจากห้องขอนแก่นมาก่อน แล้วถ้ามีเวลา จะไปสัมภาษณ์เพิ่มนะคะ มีคนที่สอนลูกสำเร็จเพิ่มขึ้น และมีคนที่เก่งภาษาอังกฤษหลายๆท่านที่เข้ามาเป็นกำลังสำคัญใน web จะไปสัมภาษณ์มาให้ว่า เค้าทำยังไง ฝึกฝนยังไงกันบ้าง ถึงได้เก่งภาษาอังกฤษกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์กับสมาชิกในห้องเรา ให้ไปฝึกลูกและฝึกฝนตนเอง ให้เป็นเด็กสองภาษาและผู้ใหญ่สองภาษานะคะ :)

บล็อกนี้ขอรวบรวม บล็อกเริ่มต้น บล็อก How to... พัฒนาการคร่าวๆให้เห็นภาพ จากหลายๆคนในเวปที่น่าสนใจ สำหรับคนเข้ามาใหม่ยังไม่ได้อ่าน หรือว่า อยากอ่านแล้วอ่านอีกปลุกความมุ่งมั่นตั้งใจนะคะ ช่วยภาไป link  ที่ตัวเองชอบมาด้วยนะคะ บางทีภาจำไม่ได้

 

บล็อกภาเอง เขียนเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา ตอนฝึกเจ้าขาได้ประมาณ 5 เดือน เขียนสำหรับคนไม่เก่งอังกฤษและสอนลูกตอนโตนะคะ

 

ตอนพัฒนาตัวแม่

 

http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/2456660:BlogPost:76988

 

ตอนสอนลูกยังไงดีน้า

 

http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/2456660:BlogPost:76989

 

อันนี้ฝึกประสบการณ์ภาเอง ในการฝึกเป็นผู้ใหญ่สองภาษา แต่ใช้ฝึกภาษาจีน เริ่มต้นจาก 0 ก็ฝึกได้จริงๆนะ (สำหรับคนที่อยากเป็นผู้ใหญ่สองภาษา ไม่ควรพลาด :)  )

 

http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/2456660:BlogPost:680895

 

 

จากกระทู้นี้นะคะ ของห้องขอนแก่นเค้า ยังไม่ได้ขออนุญาตประธานห้องเค้าเลย อดีตประธาน อนุญาตไปก่อนละกันค่ะ 555

http://go2pasa.ning.com/group/khonkaen/forum/topics/how-to-1

 

 

อันนี้ ผู้ใหญ่สองภาษาก็ไม่ควรพลาดเช่นเดียวกัน สัมภาษณ์ครูในห้อง eng นะคะ ทำไมถึงเก่งภาษาอังกฤษกัน โดยแม่อ้อ คุณแม่น้องฟ้าใสค่

 

http://go2pasa.ning.com/group/englishclub/forum/topics/2456660:Topi...

 

 

Views: 1643

Replies to This Discussion

พัฒนาการคร่าวๆของน้องภูมิตอน 6-7เดือนแรกนะคะ เริ่มตอน 1.8 ขวบ

หกเดือน เจ็ดก้าวเดินของผม (และน้องภูมิ)

http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/2456660:BlogPost:111364

พี่เล็กต้นแบบแห่งความมุ่งมั่นตั้งใจค่า...

ฤกษ์งามยามดี

http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/2456660:BlogPost:76190

1 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก

http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/2456660:BlogPost:191122

พี่อ๊อบบอกวิธีการเริ่มต้น และแนะนำเทคนิคสอนเด็กโต และมี tip อังกฤษให้อ่านด้วยค่ะ

On your mark...Get set...Go!!!

http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/on-your-markget-setgo

ทำไมต้อง 2 ภาษา

http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/2456660:BlogPost:95672

Tips of the day!!
http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/tips-of-the-day

บล็อกของดา แม่น้องเคท

ทำอย่างไรให้ภาษาอังกฤษดีขึ้น
http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/2456660:BlogPost:103542

ขอคั่นเวลา บล็อกกับกระทู้เป็นสัมภาษณ์คนดัง อิอิ ที่ผ่านประสบการณ์การสอนมาแล้ว มาแชร์ให้เพื่อนๆฟังนะคะ เพื่อจะเป็นประโยชน์เอาไปปรับใช้กับลูกๆเราบ้าง (จริงๆมีบล็อกที่เล็งไว้หลายอัน แต่ยังไม่มีเวลานะคะ เอาอันนี้ แจมๆกันไป เพิ่มสีสัน)

เริ่มที่พี่อ๊อบของเราก่อนเลยค่า...

 

ภาอ่ะ เป็นทางการไปได้ ต้องขออนุญาตไรกัน..คนกันเองทั้งนั้น...ยินดีแชร์ค่า และจะดีใจมากถ้าปสก.ของพี่มีประโยชน์กับคนอื่นๆ

เริ่มเลยนะค่ะ

เก่งๆแบบพี่อ๊อบ มีปัญหากับการสอนลูกมั้ยคะ ถ้ามี...คืออะไรเอ่ย ....ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งนะค่ะ แต่คิดว่าตัวเองเป็นคนกล้า กล้าทดลอง กล้าพูด กล้าแสดงออกมากกว่า เรื่องเก่งอ่ะำไม่เท่าไหร่หรอกค่ะไหลลื่นไปได้มากกว่า ปัญหาก็มีมาเป็นระยะๆนะค่ะ แต่พี่มองว่าปัญหามันเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่มีซิแปลก...สิ่งที่เราทำกันอยู่นี้เป็นเรื่องระดับชาติเลยนะค่ะ เห็นมะเรื่อง 2 ภาษาเข้ากระทรวงไปเรียบร้อยแล้ว...ปัญหามีไว้ท้าทาย มีไว้ให้เราเก่งขึ้นค่ะ...ปัญหามีอะไรบ้างเดียวลงไปต่อข้างล่างนะค่ะ

แล้วพี่อ๊อบเคยท้อมั้ยคะ ตอนสอนลูก แล้วจัดการกับมันยังไง มีบ้างค่ะ แต่ไม่เคยท้อนาน....เพราะเชื่อว่าทุกอย่างมีทางแก้ เช่น ถ้าใครท้อว่าคิดไม่ออกว่าจะพูดกับลูกว่ายังไง การแก้ปัญหาของพี่ก็คือ ก็พูดไทยซิ..OTOL ซิ..สบายๆ ชิวๆ อีกอย่างถือว่าเรื่องสอนสองภาษานี่เป็นเรื่องสนุกนะ...ชอบ...เลยไม่มีอะไรให้ท้อ อาจจะมีบ้างแรกๆที่ลูกต่อต้าน หรือตอนเจอเรื่องครูเบรคต้นกล้า เรื่องนั่นถือว่าเกือบจะเลิกทำสองภาษาแล้วนะค่ะ คิดว่าตัวเองทำผิดมาก กลัวลูกจะมีปัญหากับครู กับเพื่อนที่ร.ร. แต่พอปัญหาคลี่คลายพอย้อนกลับไปมอง มันแทบจะไม่เรียกว่าปัญหาเลยค่ะ แค่สะดุดก้อนหินนิดนึง...แต่ก็ดีทำให้เราเรียนรู้ที่จะทรงตัวให้ดีขึ้น

1.ต้นกล้า เริ่มสอนตอนอายุเท่าไหร่คะ .......4.10 ขวบค่ะ
1.1 ความยากอยู่ตรงไหนคะ สำหรับเด็กโต ...........ยากตอนที่เด็กเค้ายังไม่เห็นภาพแรงบันดาลใจเค้าชัดเจน และต่อต้าน
1.2 เทคนิคที่ทำให้ผ่านความยากไปได้ ทำยังไงเอ่ย .......... ใช้ทั้งไม้อ่อน ไม่แข็งเลยค่ะ ถ้าไม่ร่วมมือดุกันก็มี ขู่ว่าจะสอนแต่น้องไม่สอนต้นกล้าก็มีค่ะ
1.3 มีเทคนิคพิเศษที่ทำให้ลูกพูดได้ยังไงบ้างเอ่ย ใช้อะไรบ้างเป็นตัวช่วยคะ ...........การ์ตูนเป็นผู้ช่วยที่ดี แต่ไม่ใช้ทั้งหมด...ตอนต้นกล้าฝึกแรกๆมีคายู่ 2 แผ่นเองค่ะ กล่องดำก็ยังไม่มี เทคนิคคือ ความสนุก การให้คำชมเชย สร้างแรงบันดาลใจที่ชัดเจนและเป็นเหตุเป็นผลที่เค้ายอมรับได้จริงๆ

2.จันทร์เจ้า เริ่มสอนตอนอายุเท่าไหร่คะ ......... 1.7 ขวบค่ะ
2.1 ความยากของเด็กเล็กอยู่ตรงไหนคะ.........พี่ว่าเด็กเล็กไม่ยากนะค่ะ แค่ต้องรอพัฒนาการตามวัยให้เค้าพูดออกมาให้เราชื่นใจ
2.2 เคล็ดลับสอนเด็กเล็ก ทำยังไงคะ (ล้วงเทคนิค อิอิ) ต่างจากเด็กโตมั้ยคะ ตรงไหนเอ่ย ...... พี่ว่าคือ การทำให้เห็นภาพชัดเจน..การสื่อสารที่ชัดเจน body language / facial expression เอาออกมาใช้ให้หมด + ความสนุกอันนี้ขาดไม่ได้
2.3 เทคนิคที่ทำให้เด็กเล็กออกเสียงชัด มีมั้ยค้า.. ...จันทร์เจ้าก็ยังไม่ชัดเท่าไหร่นะค่ะ แต่คุณบิ๊กเคยบอกว่าพอผิดให้แก้ทันทีอย่าปล่อยผ่าน ซึ่งข้อนี้พี่สอบตก..ปล่อยผ่านประจำ หุหุ

อยากฝากอะไรกับคุณพ่อ คุณแม่สองภาษาบ้างคะ (เกี่ยวกับสอน/ให้กำลังใจ) ............ ภาระกิจนี้สำคัญนะค่ะ ทำแล้วต้องทำให้สม่ำเสมอ ตั้งใจกับมัน แต่ก็อย่าทิ้งความสนุก ความสุขเด็ดขาด..เพราะเป็นเรื่องที่วัยนี้ต้องการมากๆ...เราเครียดลูกก็เครียดด้วย พอเราอ้าปากพูดภาษาอังกฤษลูกอ่านได้เลยว่าภาษานี้จะมากับความเครียด...ถ้าคิดว่าตัวเองไม่คล่องก็ต้องฝึกมากๆ
ฝึกคิด ฝึกจินตนาการว่าถ้าลูกพูดแบบนี้เราจะตอบยังไง...
ฝึกฟัง ฟังการ์ตูนไปกับลูก ฟังเพลง ฟังข่าว...
ฝึกพูด พูด พูด พูด..ลองสลับปย.หน้าหลังเรียนรู้การพูดหลายๆแบบ เพื่อความคล่อง
ฝึกอ่าน..หนังสือบางเล่มยังไม่ใช่วัยลูก แต่เราอ่านก่อนเพื่อเอาคำเหล่านั้นมาใช้กับลูกได้

Practice Makes Perfect!

หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์บ้างนะค่ะ พี่เป็นคนเขียนยาวๆ อธิบายละเอียดๆไม่ค่อยเป็น ได้แต่สั้นๆห้วนๆ ถ้าไงถามกันได้ค่ะ

พี่อ๊อบบอกใช้ไม้อ่อนและไม้แข็ง อยากรู้ว่าไม้อ่อนนี่มีอะไรบ้างคะ ที่บ้านเล่นอะไรกัน อะไรที่ถือว่าทำแล้ว work สุดในการสอนภาษาของบ้านพี่อ๊อบคะ หุหุ(อยากรู้เรื่องเค้าไปโม้ด)

 

ไม้อ่อนของพี่ก็คือการพูดจาหว่านล้อม ชักแม่น้ำทั้ง 5 ว่าทำไมถึงต้องฝึกภาษาอังกฤษอ่ะึค่ะ ไม้แข็งก็คือดุเลย หุุหุ แม่โหด!

การเล่นที่พี่คิดว่าทำให้ต้นกล้าได้พื้นฐานคำศัพท์เยอะคือการเล่มเกมส์ I see คล้ายๆ I spy อ่ะค่ะ เล่นกันมาตั้งแต่ยังไม่ได้ฝึกสองภาษา เล่นได้ทุกทีในรถ ในห้องนอน สะสมคลังคำศัพท์นี่คือพื้นฐานเลย ถ้าไม่รู้ศัพท์มากพอจะพูดจะบอกอะไรก็ติดขัด เพราะระยะแรกของการฝึกขอให้เค้าพูดบอกความต้องการสั้นๆได้(วลี) ก็ถือว่าสร้างความมั่นใจให้เค้าได้มากค่ะ เมื่อไหร่ที่เค้าเอ่ยปากพูดออกมา..ชมเชยเยอะๆเลยค่ะ เอาให้มันเว่อร์ๆไปเลย สร้างความมั่นใจให้หน่อย ^__^

http://go2pasa.ning.com/group/englishclub/forum/topics/2456660:Topi...

 

มาต่อด้วยคนต่อไป พี่เล็ก แม่น้องเนย ขอจั่วไว้ก่อนนะคะ รอหน่อยเน้อ...เพราะพี่เล็กยุ่งมากเลยค่ะ

ขึ้นขั้นจั่วไว้ก่อนเลยหรือคะเนี่ย อิอิ แอบอ่านของอ๊อบ ลอกของอ๊อบได้เปล่า...555
เพราะว่าพี่ก็ได้ความรู้อะไรๆจากอ๊อบเยอะเลย เวลาไปหาที่บ้าน
การได้เข้ากลุ่ม ทำให้ได้เก็บเทคนิคอะไรไปได้ประจำ เห็นชาวขอนแก่น
เข้ากลุ่มเหนียวแน่นดีมาก ดีมากเลยค่ะ

เริ่มสอนน้องเนยครั้งแรกตอนอายุเท่าไหร่ค่ะ
เราเริ่มสอนเนยตอนอายุ 2.6 ปีค่ะ

อุปสรรคในการสอน คืออะไรบ้างคะ
อุปสรรคเริ่มแรกคือ เนย เค้าต่อต้าน เพราะว่าแม่อยู่ๆก็เปลี่ยนมาเป็นอังกฤษ

แล้วพี่เล็กทำยังไงถึงผ่านอุปสรรคนั้นไปได้คะ
สร้างแรงบันดาลใจค่ะ หาอุปกรณ์ช่วยก็คือพวก การ์ตูนเทพ ทั้งหลาย
แต่ก่อนที่จะเจอเวปนี้ ก็ไม่ได้ดูทีวี และ ไม่ได้ให้ลูกดีดีวีดี
พอเนยเจอ คายุ ก็ติดใจเลย 5555

แล้วพี่เล็กเคยท้อมั้ยคะ ตอนสอนลูก แล้วจัดการกับมันยังไง
คำถามนี้...อืม....ท้อ ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเลยภา และท้อ ไปตลอดช่วงเดือนหรือ 2 เืดือนแรก
แต่ท้อแล้วก็อ่านหนังสือคุณบิ๊ก ว่าเรายังทำอะไรไม่ครบ อ่านปุ๊บ มีกำลังใจ ฮึดมาก
พอเจอลูกปฏิเสธอีก ท้ออีก อ่านหนังสืออีก ทำแบบนี้อยู่หลายรอบ
และก็สามีก็ให้กำลังใจด้วย แต่พอหลายครั้งเข้า คุณสามีคงเบื่อ
เลยบอกว่า จะเลิกก็เลิกไปเลย 55555555 แต่ "อุตส่าห์ได้มีโอกาสเริ่มแล้ว น่าเสียดาย"
คิดว่าหนังสือเด็กสองภาษาเล่ม 1 เนี่ย
อ่านคุ้มมากๆค่ะ เป็นหนังสือที่อ่านไม่ต่ำกว่า 10 รอบค่า

พี่เล็กบอกว่า พี่เล็กไม่เก่งอังกฤษ มีเคล็ดลับยังไงให้พัฒนาตัวเองให้พูดได้ตลอดคะ และอีกอย่างจะทำยังไงถึงจะขยันได้แบบพี่เล็กคะ :)
ตอนนั้นเป็นแม่บ้านเต็มตัว เนยยังไม่ได้ไปโรงเรียน เพราะฉะนั้น เวลาทุกนาทีอยู่ที่ลูก
ต้องแอบมาเข้าเวป ตอนเช้าตรู่ และ หลังเที่ยงคืนที่ลูกหลับ ก็ใช้เวลาศึกษา
และถามคำถามในห้องอังกฤษนั่นแหละ เป็นแหล่งความรู้ที่ดีจริงๆ
มีทั้ง แพท รี อ๊อบ นางฟ้าชาลี มาช่วยตอบคำถาม ถือเป็นครูที่มีพระคุณจริงๆ
ถ้าไม่ได้เหล่าเทพ พวกนี้นะ กำลังใจมันก็ไม่มี เพราะไม่มีคนประคองการใช้ประโยค

ไม่เก่งอังกฤษ แต่สอนให้ลูกพูดได้เก่งขนาดนี้ใช้เทคนิคอะไรบ้างคะ อะไรที่คิดว่า work สุดในการสอนภาษาของบ้านพี่เล็กคะ (ขอแบบเน้นๆ อิอิ)
คล้ายๆอ๊อบนะ คือ "ต้องกล้าผิด" "ต้องกล้าพูด" เพื่อให้สมองได้คิด พิจารณาว่าผิด ตอนแรกอาจจะผิดทั้งหมด แต่ต่อมาข้อผิดพลาดจะน้อยลง โดยหลังจากผิด "ต้องหาทางแก้ไข" เพื่อคราวต่อไปจะผิดน้อยลง
พี่ว่าการศึกษาอังกฤษ ต้องอาศัย หลายปัจจัยด้วย เช่น การอ่าน การดู การฟัง การพูด ต้องมาพร้อมๆกัน
แล้วก็คิดว่าทุกๆคนที่เริ่มก็ทำคล้ายๆกันนี้เหมือนกันนั่นแหละ

น้องเนยพูดไทยเก่งแล้ว อยู่รร.ไทยด้วย อยากรู้ว่า ต้องใช้ความเข้มข้นขนาดไหน หรือมีเคล็ดลับอะไร ถึงต่อสู้กับสภาพแวดล้อมไทย จนพูดได้ 100% กับแม่คะ
มันเหมือนกับเป็นความเคยชินมากกว่านะ เพราะว่าพอเราสม่ำเสมอ เค้าก็จะอาศัยความเคยชินนี้
ที่จะสนทนากับเราเป็นภาษานั้นๆ เพราะเค้าคุ้นมากกว่า

อยากฝากอะไรถึงพ่อแม่สองภาษาบ้างคะ (คำแนะนำ กำลังใจ)
กำลังใจสำคัญค่ะ สำหรับพ่อแม่ ยึดเป้าหมายไว้ แล้วไปให้ถึงค่ะ
เส้นทางนี้ ผญ.บิ๊ก ผ่านมาแล้ว และหลายคนตามไปถึงแล้ว คุณก็เป็นคนหนึ่งที่กำลัง
จะผ่านทางนี้ไป อาจจะคดเคี้ยว อาจหลงทางไปบ้าง แต่ไม่ช้า ก็จะมีคนมาดึงคุณให้
ผ่านไปได้ เพราะว่า หมู่บ้านนี้มีเพื่อนบ้านที่ช่วยกัน อย่างดีค่ะ

ภาถามพี่เล็กต่อนะคะ

เทคนิคที่เก็บจากพี่อ๊อบหรือจากที่รวมกลุ่มมาได้ เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ ว่าอะไรบ้าง เผื่อเพื่อนๆ รวมทั้งภาจะลอกไปใช้บ้าง หุหุ (จริงๆพี่อ๊อบ มาบอกเองก็ได้นะคะ อิอิ)

แล้วพี่เล็กเล่นอะไรกันค่ะ อย่างบ้านพี่อ๊อบ เล่น I see พี่เล็กเล่นอะไรหรือทำอะไรร่วมกับน้องเนยที่ได้พัฒนาภาษาของลูกคะ

 

ก็เวลาไปที่บ้านอ๊อบ ก็จะได้ยินอ๊อบเค้าคุยกับลูก เราก็แอบเอามาแก้ไขตัวเอง
เพราะจะได้รู้ว่า "เราพูดผิดมานาน" 5555 ก็จะได้รู้ว่าเค้าพูดกันยังไง
หรือบางที เราพูดกับลูก แล้วอ๊อบได้ยิน เค้าก็จะช่วยทักว่า ต้องออกเสียงแบบนี้ อิอิ

เรื่องเล่น ก็ เล่นกันตามประสาน่ะ
แต่ส่วนมากจะเน้นคุยอ่ะ ชอบคุย ชอบบ่น ทั้งแม่ลูก 55555

เอ่อ...ภา คะ เอาของภา มั่งดิ เอามาแชร์หน่อย อิ

สัมภาษณ์ครูแพทของเรานะคะ รอก่อนนะคะ จั่วคำถามไว้ก่อน

เริ่มเลยนะคะ....
พี่แพท เป็นคนแรกๆที่มาตอบคำถามภาษาอังกฤษให้เหล่าบรรดาแม่ๆ จนทำให้ได้เปิดห้อง eng club หนึ่งในคนที่ทำให้ลูกภา พูดได้ด้วย (ปลื้ม..) พี่แพท เก่งอังกฤษมาตั้งแต่แรกเลยรึเปล่าคะ

 

โอเชค่ะ ใครที่ได้อ่านหนังสือเด็กสองภาษาเล่มสองแล้วก็คงพอได้ทราบคร่าวๆ (หรือสรุป)ไปแล้วนะค่ะ ใครยังไม่ได้อ่านไปหาซื้อมาอ่านนะค่ะ เค้ามีสาระอะไรมากมายในนั้น ประสบการณ์ของแพทแค่น้ำจิ้มค่ะ

แต่ตอนนี้ให้เล่า ยาวนะค่ะ อย่าเบื่อซะก่อนละ

ถามมาก็ตอบตรง ว่าตั่งแต่เรียนประถมยังมัธยมปลาย แพทสอบตกวิชาภาษาอังกฤษแทบทุกปี สอบซ่อมตลอด อดไปเที่ยวทัวร์ยุโรปกับคุณแม่และพี่ๆอยู่ปีนึงก็เพราะต้องลงเรียนซัมเมอร์เพราะต้องซ่อมภาษาอังกฤษนี่แหละค่ะ ฉะนั้นภาษาอังกฤษของแพทกับระบบการเรียนการสอนของบ้านเรา แพทรับไม่ได้ค่ะ (ถ้ารับได้ก็เข้าหัวแล้วก็คงสอบผ่านไปแล้วละ) เรียนไม่เข้าใจและไม่รู้เรื่อง แกรมม่าเป็นอะไรที่ หา.......!

ก่อนมาอยู่ที่นิวซีแลนด์ ตอนนั้นอายุประมาณ 14-15ปี แพทมีโอกาสได้ไปเรียนซัมเมอร์ภาษาอังกฤษที่ สิงคโปร์และประเทศอังกฤษอยู่ 2 ครั้งค่ะ ก็ครั้งละเดือน เริ่มจากไป English Summer Camp ที่สิงคโปร์ก่อน ไปครั้งนั้นทางเครือโรงเรียนอัสสัมชัญจัดขึ้น ไปพักกันที่ YWCA แต่เพราะเราอาจจะเป็นคนที่โตที่สุดในกลุ่มนักเรียนที่ไป บวกกับเป็นผู้หญิงด้วย ทางคณะเลยจัดให้เรานอนพักห้องเดียวกับคุณครูผูหญิงฝรั่งจากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี แทนที่จะให้ไปพักรวมกับเพื่อนๆ

ในครัั้งนั้นก็เป็นการฝึกพัฒนาการพูดและการฟังภาษาอังกฤษเต็มๆ และจะด้วยเพราะความห่วงใยเป็นพิเศษของอาจารย์ที่ร่วมคณะท่านนึง ที่รักและห่วงเราอย่างกับเราเป็นลูกสาวของท่านจริงๆ (ไม่รู้ว่าถูกชะตาอะไรนัก) ในหมายกำหนดการเรียน จะมีชั่วโมงว่างที่ให้นักเรียนทำกิจกรรมอะไรก็ได้รวมทั้งว่ายน้ำ ไอ้เราก็ลิงทะโมนเล็กน้อย เพราะมีลูกเพื่อนคุณพ่อที่เป็นเด็กผู้ชายเยอะ เคยเล่นกันยังงัย เราก็เล่นกับน้องๆในคณะแบบนั้น ก็ไม่คิดว่าเพศไหนเพศไหนหรอกนะ อาจารย์เลยจับตามองเราเป็นพิเศษ และเข้มงวดกับเรามากถ้าเราจะลงเล่นน้ำว่าห้ามเข้าใกล้ไปเล่นกับน้องๆ(ผู้ชาย)ในคณะ [บอกจริงๆ น้องๆผู้หญิงในคณะคนอื่นไม่มีใครโดนเข้มงวดเหมือนอย่างแพทเลยค่ะ แพทเลยลงว่ายน้ำไป 2 ครั้งเท่านั้นแหละ พอเค้าให้ไปว่ายได้อีกเราก็ไม่เอาแล้ว อยู่ในห้องดีกว่า] กลับเข้าเรื่อง เนื่องจากลงว่ายน้ำแล้วก็เล่นกับใครเค้าไม่ได้ เราก็เหงาๆเล่นน้ำอยู่ข้างขอบสระคนเดียว ก็มีฝรั่งที่เค้าพักอยู่ที่นั้น มาเล่นน้ำแล้วก็นั่งอาบแดดอยู่ตรงนั้นพอดี เค้าก็เห็นว่าในระหว่างที่เด็กคนอื่นเค้าเล่นกัน ทำไมมียัยคนนี้ เกาะขอบสระอยู่คนเดียว เค้าก็เลยทักเรา เราก็คุยกลับ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็พอไปได้ เป็นคุณหมอด้วยนะ มีชวนเราไป Dinner อีกแหนะ แต่อดค่ะ อาจารย์ไม่อนุมัติ นี่ขนาดเค้าชวนดินเนอร์ในบริเวณร้านอาหารของ YWCA ที่เราไปพักเองนะ เกือบได้ทานของอร่อย (กับข้าวทัวร์นักเรียนเป็นยังงัยคงพอจะนึกได้นะค่ะ อยู่นั้น 1 เดือนอาหารก็ซ้ำๆกันตลอดแหละ) อดเลย

กลับจากสิงคโปร์ เราก็ชอบละ อยากมีโอกาสได้คุยกับฝรั่งอีก ได้ใช้ภาษา ฉันสอบตก แต่ฉันพูดได้อะ แล้วยิ่งได้พูดยิ่งได้คุย เราก็เข้าใจรูปแบบประโยคมากขึ้น ถึงกับมีอยู่ครั้งนึงไปเจเจ กำลังจะกลับบ้านก็เดินขึ้นสะพานลอยจะข้ามไปขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ได้ยินเสียงฝรั่งแว่วๆมาจากข้างล่าง หันมองลงไปเห็นฝรั่ง 2 คนถือแผ่นที่ถามทางอยู่ ในใจคิด ขึ้นมาดิ เดี่ยวบอกให้ อีกใจก็คิดแล้วตูจะรู้ไหมเนียะ เพราะก็ไม่ได้เก่งเรื่องหนทางแถวนั้นอยู่แล้ว รีๆรอๆอยู่พักนึง เค้าไม่ขึ้นมาซักที เราก็เลยเดินเนียนลงไป แกล้งกระแซะไปใกล้ๆ เห็นเค้าถามคนอื่นๆแล้วคนอื่นก็ไม่มีใครกล้าคุยกับเค้า เราเลยเสียบเข้าไปเลยว่ามีอะไรให้ช่วยไหม ผลของคราวนั้น อิ่มบุญ ได้ช่วยฝรั่งหลงทาง อิ่มใจได้ใช้ภาษาอังกฤษแล้ว เมื่อยขาเพราะต้องเดินขึ้นสะพานลอยใหม่อีกรอบ

คุณพ่อของแพทเป็นคนเข้มงวดเรื่องภาษาอังกฤษของลูกสาวพอสมควร (ก็แหง่คุณลูกตัวดี สอบตกได้ทุกปี ปีไหนไม่ตกก็เกือบตก) ระหว่างทางจากบ้านไปโรงเรียน คุณพ่อจะให้นั่งท่องศัพท์จาก Dictionary เล่มเล็กๆในรถ เพิ่มศัพท์วันละคำ ถึงโรงเรียนต้องท่องได้สะกดได้ คุณพ่อแพทใช้ภาษาอังกฤษคุยกับผู้ร่วมงานที่เป็นคนญี่ปุ่น เป็นลักษณะ Hi. How are you? เออแล้ว Where are you going ละ? แต่คุณพ่อก็ชอบซื้อหนังฝรั่งมาให้ลูกๆได้ฝึกฝน ถึงแม้หนังมันจะไม่เหมาะกับอายุเท่าไหร่นัก ก็หนังเรื่อง Lethal Weapon ครบทุกภาค พูดเร็ว ใช้อาวุธ หนังต่อสู้ เลือดกระจาย ด่ากระจุย แต่แพทดูจนฟังรู้เรื่อง ฟังไม่รู้เรื่องก็ย้อนกลับไปฟังใหม่

ดูหนังไม่ดูที่เค้าพากย์ภาษาไทย เพราะหลายๆที พากย์ไม่ได้เรื่อง ไม่เข้ากับหนัง ไม่ได้อารมณ์ของตัวละคร
หนังที่มีคำบรรยายไม่ว่าจะภาษาอะไรก็ตามข้างล่าง ดูแล้วมัวแต่อ่าน อ่านก็ไม่ได้ดูหนัง สรุป งงค่ะ ดูไม่รู้เรื่อง
เอาเป็นเราดูไป ฟังไป เข้าใจว่าตัวละครกำลังทำอะไร หูก็ฟังว่าเค้าพูดอะไร หมายถึงอะไรในตอนนั้น ฟังไม่ทันย้อนกลับไปดูใหม่ ไอ้ที่เค้าพูดแบบนี้เพราะว่ามันเป็นแบบนี้นะ (เหมาะแกกการนั่งดูคนเดียว เพราะคนอื่นอาจจะไม่พอใจที่เราย้อนอยู่นั่นแหละ) จนหูมันชินภาษา เราดูก็เข้าใจว่าเค้าใช้ประโยคแบบนี้ในตอนไหน เพราะอะไร

มาอยู่ที่นิวซีแลนด์ ตอนแรกๆก็ถือว่าไม่อดตายค่ะ พอจะฟังรู้เรื่องว่าเค้าพูดถึงอะไร เราก็บอกเค้าได้ว่าเราต้องการอะไร พักอยู่กับ Home stay เข้าไปเป็นส่วนนึงของครอบครัวเค้า เวลามัมทำกับข้าวเราก็ไปช่วย เวลาแด๊ดทำสวนเราก็ช่วยเล็กน้อย เวลาตอนเย็นเค้านั่งดูข่าว ดูหนังก็ไปนั่งกับเค้าด้วย เด็กนักเรียนต่างชาติหลายคน มาอยู่กับ Home stay แต่ตัว กลับจากโรงเรียน ทานข้าวเย็นแล้วก็เข้าห้อง ตื่นเช้ามา เซย์ ฮัลโหล แล้วก็ไป ไม่ร่วมกิจกรรมในชีวิติประจำวันกับครอบครัวที่เราพักอาศัยอยู่ด้วย แพทอยู่กับครอบครัวที่นี่ เราทำตัวเหมือนเป็นลูกเป็นหลานเค้า เค้าก็รักก็เอ็นดู เราคุยกันบ่อยๆ แลกเปลี่ยนความคิดประสบการณ์ ที่สำคัญ Home stay คือด่านแรกในการฝึกภาษานอกจากที่โรงเรียน เค้าพร้อมที่จะรับฟัง แม้ว่าสำเนียงเราจะไม่เหมือนเค้า เค้าก็จะพยายามที่จะเข้าใจว่าเราต้องการจะสื่อสารอะไร แล้วเวลาที่เค้าพูดกับเรา เค้าจะพยายามพูดให้ช้าลง เพื่อที่เราจะได้เข้าใจได้ง่าย บางคำที่เราไม่เข้าใจ เค้าก็พยายามที่จะอธิบายด้วยคำง่ายๆ แต่พออยู่กันไปซักพัก ทุกอย่างก็ต้องมีการพัฒนา ปรับตัว ปรับสำเนียงไป เค้าก็พูดเร็วขึ้น เราก็พูดชัดขึ้น เร็วขึ้น สำเนียงของแพทก็ปรับเปลี่ยนไปตามคนที่แพทคุยด้วย มันเป็นไปเองโดยอัตโนมัตินะค่ะ

ยังค่ะ ยังไม่จบ ยังตอบไม่ทุกคำถามเลยนะ

อยู่ Home stay ก็อย่างนึง ไปอยู่หอพักนักเรียนก็อีกอย่างนึง ตอนที่มาเรียนที่นี่ก็มาซ้ำ ม.5 อีกปี อยู่หอก็อยู่กับเด็ก เด็กเค้าไม่มานั่งคอยช่วยเหลือหรือพยายามที่จะฟังเราหรอก แกล้งได้เป็นแกล้ง อยู่นี่ต้องซักผ้าเอง ที่ตากผ้ารวม ยกทรงหายประจำ ต้องคอยไปตามหา ไม่เข้าใจ ดูก็รู้ว่ามันต่างกัน ก็เราเอามาจากเมืองไทยอะ ไม่มีเหมือนกันที่โน้นหรอก นักเรียนไทย ไม่ใช่คนแรก แต่เป็นคนเดียวในช่วงเวลานั้น ม.5 (Form 6) ชั้นเด็กโต แต่โดนเด็กหลอก เด็กโตไม่ต้องล้างจานหลังทานข้าวเสร็จ แต่ไม่มีใครบอกเราเลย ช่วงหลายเดือนแรกเราก็โดนเด็กหลอกให้ไปเก็บโต๊ะล้างจานกับเค้า เด็กฝรั่งพูดเร็วมาก แถมตอนแรกแพทคุยไม่ทันเค้า เพราะเรามัวแต่แปลว่าเค้าพูดว่าอะไร พอแปลเสร็จก็นึกคำตอบ แล้วก็แปลคำตอบเป็นภาษาอังกฤษ พอจะพูดออกมาเค้าก็เปลี่ยนเรื่องไปแล้ว สรุปคือเราแปล 2 ชั้น แล้วยิ่งถ้าแปลคำต่อคำ เรียบเรียงประโยคอีก เค้าก็ไปไม่รอเราแล้วละค่ะ

จุดเปลี่ยนแนวความคิดคือ คุยไม่ทันเพื่อน กับโดนนินทาต่อหน้า แบบที่ว่าเค้าคุยกันเรื่องเรา แล้วเพื่อนเค้าก็สะกิดไอ้คนที่พูดว่า เฮ้ยพูดดัง เดี๋ยวแพทได้ยินหมดหรอก คนที่พูดก็ตอบกลับไปว่า แพทฟังไม่รู้เรื่องหรอก (เพราะที่ผ่านมาเรายิ้มอย่างเดียว โดดเด่นที่สุดก็ยิ้มสยามเนียะแหละค่ะ เค้าว่าอะไรมาเราก็ยิ้ม ไม่สนใจ) ผ่านไปร่วมเดือน ทุกอย่างสะสม ทั้งเรื่องชุดชั้นใน ทั้งเรื่องที่่าโดนหลอกให้ทำงานที่เราไม่ควรที่จะต้องทำ (จริงๆอันนี้ก็ไม่มาน์ดเท่าไหร่หรอกนะที่ไปช่วย แต่โดนหลอกนี่สิที่ยั๊วะ) ทั้งเรื่องที่เค้าทั้งล้อ ทั้งว่า ทั้งนินทาเราอยู่ต่อหน้านี่แหละ เลยคิดว่าต้องโต้ตอบให้รู้ได้แล้วนะว่าฉันก็รู้เรื่อง แต่เดี๋ยวก่อน เถียงไม่ทันแน่ๆเลยถ้ายังแปลประโยคอยู่อย่างนี้ ทำงัยดีละ

คิดละว่าถ้าเค้าพูดมาแบบนี้ เราจะตอบกลับแบบไหน คิดหลายๆแบบหลายๆสถานะการณ์ คิดคำตอบก็ต้องคิดหลายแบบ ตอบแบบนี้แรงไปไหม ตอบแบบนี้จะได้ผลลัพท์กลับมาว่ายังงัย แล้วก็คิดต่อว่าแล้วถ้าเค้าตอบมาว่าแบบนี้ เราจะตอบกลับไปแบบไหนอีก เหมือนเขียนละครเลยค่ะ มีบทสนทนา มีการโต้ตอบ แล้วทีนี้ก็ต้องลองออกเสียง ลองพูด พูดช้าพูดเร็ว พูดชัดแค่ไหน
ในการคิดแบบนี้ แพทไม่ได้แปลเป็นคำๆ แต่เอาความหมายโดยรวมทั้งประโยค พูดออกมาแล้วเข้าใจว่าหมายถึงอะไร หัดพูดเหมือนว่าเรากำลังจะไปแสดงละคร เอาให้คล่อง แล้วก็ถึงวันแตกหัก รอจังหวะให้เค้านินทาเราต่อหน้าอีก มองหน้าเค้าแล้วก้พูดนิ่มๆตรงๆแต่คมๆว่าฉันฟังเธออกหมดแหละ ที่พูดมานะ ไม่ใช่ว่าฟังไม่รู้เรื่องแต่ที่ไม่ตอบเพราะไม่อยากมีเรื่อง แต่ในเมื่อเธอไม่เคยให้เกรียติ์ฉันเลย ฉันก็ขอพูดอะไรหน่อยนะ แค่นั้นก็เห็นเด็กฝรั่ง 5-6 คนนั่งหน้าจ๋อยอยู่ตรงโต๊ะอาหาร แล้วเราก็ชิ่งสิค่ะ อยู่ต่อเดี๋ยวรู้หมดว่าต่อไปอาจจะต่อไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก 555

พยายามจะจบให้ได้ในตอนนี้ เพราะดึกอีกแล้วค่ะ นอนดึกมาหลายคืนละ กลายเป็นแพนด้าแล้ว


อย่าเขินที่ต้องพูดภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะกับคนต่างชาติ สำเนียงต่างจากเค้าก็ไม่ใช้อะไรที่จะทำให้เราต้องไม่กล้าที่จะพูดค่ะ ขนาดฝรั่งเอง แต่ละชาติ หรือแม้แต่ชาติเดียวกัน เค้ายังมีสำเนียงที่ต่างกันออกไปเลย คนไทยจะสำเนียงไหน ถ้าไม่กล้าพูดออกไปแล้วจะรู้ได้ยังงัยว่าพูดผิดหรือถูก ระยะเวลาขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของแต่ละคน พูดมาก ฟังมาก ได้ใช้มาก ก็ได้เร็ว รู้เยอะไม่ได้พูดก็ลิ้นแข็งเป็นเหมือนกันค่ะ

เปิดใจให้กว้าง พร้อมรับที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่เรา เจ้าของภาษาเองก็มีผิดเป็นเหมือนกัน พูดผิดก็แก้ไขเรียนรู้ใหม่ได้ ไม่ใช่ The end of the world. คนเราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลาค่ะ แล้วก็อย่าไปยึดติดแต่ว่าที่เคยเรียนมามันเป็นแบบนี้อย่างเดียวนะค่ะ ภาษาดิ้นได้ค่ะ แถมบางคำยังมีหลายความหมาย และบางประเทศก็ใช้คำนั้นๆไม่เหมือนกันซะทีเดียว

ทุกวันนี้แพทก็ยังไปเรียนเสริมเพิ่มความรู้อยู่ค่ะ แล้วเวลาคุยกับเพื่อนฝรั่ง เค้าก็คอยสอนคอยบอกเราอยู่ตลอด พอเรามีอะไรสงสัย เราก็จดเอาไว้ ลองค้นหาคำตอบ หรือถามเอา คำถามหลายๆอันอย่าคิดว่ามันเป็นคำถามโง่ๆ มันจะเป็นคำถามโง่ๆถ้าเราไม่รู้คำตอบ..........................................................................................................จบได้รึยังเนียะ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service