เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

บันทึกพัฒนาการสองภาษา KK&TK (6th-11th mo. of OPOL)

ห่างหายไปนานเลยค่ะ เพราะช่วงที่ผ่านมา มีหลายอารมณ์ที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องอื่นๆ และเรื่องจากการสอนลูกให้เป็นเด็กสองภาษา บางที่ก็เบื่อกับความซนของลูก เซ็ง ท้อ บ่นปรับทุกข์กับเพื่อน แต่สิ่งที่ยังคงอยู่ก็คือ ยังไม่หยุด ทำมาตลอดๆเรื่อยๆ มาเรียงๆ background ของครอบครัวเรา จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ค่ะ ไม่ได้เป็นลูกน้องใคร ตัวเองก็อิดออดอย่างเลี้ยงลูกอย่างเดียวไปจนคนเล็ก(แทนคุณ) อายุ 2 ขวบ แต่ก็ทำไม่ได้ต้องลุกขึ้นมาทำงาน เพราะตรงกับจังหวะที่คุณพ่อของเด็กๆ ต้องไปดูแลงานที่ต่างจังหวัดบ้าง เราก็ต้องมาทำงานแทน ชั่วโมงทำงานของแม่คือ 8.00น.-20.00น. ทุกวัน ไม่มีวันหยุด เริ่มต้นสอนลูก ตอน พ.ย. 52 ขอบคุณ ลูกสาว อายุ 3 ขวบ 5 เดือน(เรียนอนุบาล 1) ส่วน แทนคุณ ลูกชาย อายุ 1 ขวบ 2 เดือน (เริ่มไปอยู่เนิสเซอรี่เดือนนั้นพอดี) ขอบคุณเริ่มตอนที่โตแล้วและไปนอนกะคุณยายตั้งแต่แม่คลอดน้อง ส่วนแทนคุณอยู่กับแม่ตลอดและอยู่ในช่วงกำลังเริ่มหัดพูดพอดีพัฒนาการเป็นไปตามวัยเลยไม่เจอปัญหาการต่อต้านเหมือนพี่ อุปสรรคและปัญหาหลักจึงอยู่ที่ขอบคุณ แม่มีเวลาพูดกับลูกแค่ช่วง 1.ก่อนลูกไปโรงเรียนซึ่งเวลาก็จะหมดไปกับการหลอกล่อให้แต่งตัวและทานอาหารเช้าและไม่มีวันไหนที่ยอมแต่งตัวง่ายๆกินข้าวง่ายๆ ทั้งหลอกล่อ ทั้งดุ ทั้งขู่ สารพัดกลยุทธงัดมาใช้ คิดเอาเถอะค่ะผู้ปกครองหลายท่านคงเข้าใจว่าขนาดพูดอธิบายเป็นภาษาไทย บทจะเข้าใจยากก็ยากจริงๆ แล้วแม่ต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษอีก ขอบอกว่าเธอไม่กระดิก ไม่ซาบซึ้ง และไม่อินเลย เป็นช่วงแรกที่เริ่มด้วย แม่พูดอะไร ไม่เข้าใจ ไม่สน แม่เลยต้องพูด E 1 ประโยคและตามด้วย ภาษาไทยอีก ประมาณ 1 paragraph ค่ะ สลับกันประมาณนี้ (เหนื่อยใจจริงๆ) 2. ช่วงเย็นประมาณ 10 นาที ในรถระหว่างที่ไปรับกลับจากโรงเรียน กลับมาที่ร้าน ขึ้นชั้นสองอาบน้ำแต่งตัว ทานอาหารเย็น ทำการบ้าน ดูทีวี (ภาษาอังกฤษ) (จ้างเด็ก ม.ปลายสองคน มาเลี้ยงน้องช่วงเย็นให้ work นะคะ ฉลาดดี สอนการบ้านน้องได้ด้วย ประกบหนึ่งต่อหนึ่งไปเลย) พอหกโมงเย็น คุณยายก็มารับขอบคุณกลับไปนอนด้วย เวลาที่จะได้คุยกันนานๆหน่อยก็คือช่วงที่เธอเป็นไข้ไม่ได้ไปโรงเรียนนั่นแหละถึงจะได้อยู่กับแม่ เป็นอย่างนี้ทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ไม่ต้องพูดถึง หายหน้าหายตาไปเลยทั้งตา-ยายทั้งหลานสองคน ตายายไม่ต่อต้านเรื่องสอนภาษาให้ลูกแต่ก็ไม่ได้ช่วยส่งเสริมมาก ฝากวีซีดีไปเปิดให้หลานดูหน่อยก็เอาไปแต่ไม่เคยเปิดค่ะ แถมซื้อแผ่นใหม่ให้อีกบ้างก็ การ์ตูนญี่ปุ่น การ์ตูนไทย ที่เน้นความบันเทิงไม่มีวิชาการเข้ามากี่ยวข้องเลย ส่วนแทนคุณก็นอนกับแม่วันธรรมดา แต่กว่าแม่จะเสร็จงานก็ปาไป สองทุ่มแล้วเจอหน้ากันอีกทีก็งอแงง่วงนอน ช่วง 5 เดือนแรกที่เริ่ม ก็ได้เขียนบล็อกเล่าเอาไว้บ้าง ตามลิ้งค์ เลยค่ะ

http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/2456660:BlogPost:188109

http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/spidershoe-grandma-mommy

http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/5-opol-1

http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/5-opol-2

หลังจากเดินทางมาได้เกือบเดือนที่ 6 ขอบคุณก็เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพราะความที่อิจฉาน้อง เห็นน้องเก่งกว่าไม่ได้ คือไม่ปฏิเสธเวลาแม่สอนและเข้าใจประโยคมากขึ้น แต่พัฒนาการการพูดของขอบคุณก็ยังไม่ได้กระเตื้องขึ้นมากซักเท่าไหร่ เหตุผลเพราะความถี่ภาษาอังกฤษของแม่ยังน้อยอยู่ และโดนความถี่ภาษาไทยของคุณตาคุณยาย ขโมยซีนไปซะงั้น เหนื่อยก็เหนื่อยลูกยิ่งโตก็ยิ่งซนทั้งสองคนเริ่มมีทะเลาะกันตีกัน พี่แกล้งน้อง น้องแกล้งพี่ พอๆกันทั้งสองคน(แม่ต้องคอยเป็นกรรมการห้ามมวยด้วย สอนไปด้วย สอนเป็นภาษาอังกฤษจะทันกับฝ่ามือน้อยๆของลูกไหมเนี่ย) รบกับความดื้อความซนของลูกแล้วต้องมารบกับเรื่องภาษาอีกแค่พูดภาษาไทยไม่เพราะไม่มี คะ ข๋า ไม่มีหางเสียง ก็เป็นปัญหาของพ่อแม่ต้องคอยแก้ไข มีช่วงหนึ่งที่การ์ตูนแขก(อินเดีย) ระบาดมาขายคุณยายก็ซื้อให้ดู ไม่ยอมดูการ์ตูนภาษาอังกฤษของแม่เลย แถมยังร้องเพลงตามการ์ตูนได้ภาษาละโก๋ละเก๋มน๊อกดึ๋งดึ๋ย น้องก็กำลังอยู่ในช่วงเลียนแบบก็พลอยพูดละโก๋ละโก๋ตามไปด้วย (ช่วงนี้ทำเอาแม่ละเหี่ยใจสุดๆต้องแอบทิ้งซีดีเรื่องนั้นตอนลูกเผลอ ไม่งั้น E ของแม่ไม่ได้เกิด) และอีกอย่างเพื่อนก็ได้ช่วยแนะนำว่า เราพูดกับลูกเร็วไป(พูดประโยคยาวและเร็ว) ซึ่งต้องพูดช้าๆ เป็นคำๆ เหมือนที่เริ่มสอนลูกตอนหัดพูดภาษาไทย ถึงได้คิดว่าเราลืมหลักการง่ายๆไปเลยนะเนี่ย และการพูดช้าๆเป็นคำๆ ทำให้มีโอกาส ออกเสียง final sound ได้ชัดเจนขึ้นอีกด้วย ก็เลยปรับการพูดใหม่ป็นแบบเน้นๆ ชัดๆ คำต่อคำ ซึ่งก็ดีขึ้นค่ะ

ช่วงเดือนที่ 7 (พ.ค.53) เปิดเทอมใหม่ ขอบคุณขึ้นอนุบาล 2 แทนคุณอยู่เนิสเซอรี่หมือนเดิม โรงเรียนเดียวกัน คุณแม่สังเกตว่า ขอบคุณชอบโวยวายแบบประมาณว่าตีตนไปก่อนไข้ ในทุกเรื่องทีตัวเองไม่พอใจ แม่ก็พยายามอธิบายด้วยเหตุเป็นภาษาอังกฤษ ได้ 1-2 ประโยค เธอสวนภาษาไทยมาฉอดๆ แม่ปรี๊ดแตก พูดไม่ทันลูก ถึงขนาดบ่นกับเพื่อนเลยว่าจะเลิกแล้ว จะเลิกพูดภาษาอังกฤษกับขอบคุณแล้ว เพราะเบื่อความแข็งแรงของภาษาไทยของเธอเหลือเกิน แล้วจะพูดเฉพาะกับแทนคุณ มันก็เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบที่เราคิดขึ้นมาเวลาโมโหเหมือนที่เพื่อนว่าแหละ เพราะนี่คือสิ่งที่มีค่าที่เรากำลังจะมอบให้ลูกด้วยเงินลงทุนที่มันน้อยมากเมื่อเทียบกับการส่งลูกไปเรียนเมืองนอกหรือเรียนโรงเรียนอินเตอร์ (ที่นี่ไม่มีโรงเรียนอินเตอร์ค่ะมีเฉพาะหลักสูตรที่เป็นโปรแกรมมินิอิงลิชซึ่งเริ่มตอน ป. 1) และสิ่งที่แม่ให้มันจะติดตัวลูกไปตลอด ก็เลย keep walking ทำต่อไปไม่สนแล้ว พยายามพูดอังกฤษให้มากขึ้นแม้จะพูดไม่ทันลูกก็ตาม เวลาจะบ่นให้ลูกก็จะบ่นๆๆๆๆๆเป็นภาษาอังกฤษ ไม่หวังให้ลูกเข้าใจด้วย เข้าใจหรือไม่ก็ช่างก็จะพูดกรอกหูเธอทุกวันนี่แหละ ลูกฉอดๆมาแม่ก็ฉอดๆกลับ (คนละภาษาสวนไปเลย) ลูกอึ้ง เป็นไงล่ะเล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับแม่เหรอ สิ่งที่คิดต่อไปคือแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่ดีของลูก ขี้โวยวายเอาแต่ใจมากเวลาอยู่กับคุณยาย(คุณยายตามใจ)และติดคุณยายมากขนาดนอนตื่นกลางดึกไม่เห็นยายต้องโวยวายให้พ่ออุ้มไปส่งที่ห้องยาย คุณยายตื่นเช้าขอบคุณตื่นมาไม่เจอคุณยายก็ร้องให้โวยวายว่าปล่อยให้หนูอยู่คนเดียวทำไม คำพูดคำจาที่ไม่ดีแม่กับยายไม่เคยสอนแน่ๆแต่พูดบ่อยๆ(คาดว่าได้จากเพื่อนที่โรงเรียน) ซึ่งต้องหาเวลาให้กับลูกมากขึ้นเพื่อจะได้มีเวลาอบรมสั่งสอนพฤติกรรมด้วย จึงตัดสินใจเอาลูกทั้งสองคนมานอนด้วย ให้ไปนอนที่บ้านตายายเฉพาะคืนวันศุกร์-เสาร์ ตอนเย็นถ้าไม่มีลูกค้า ก็จะขึ้นมาอยู่กับลูกเร็วขึ้น 1 ชม. มีลูกค้าค่อยลงไปใหม่ พยายามสอนการบ้านลูกเองเพราะเป็นช่วงที่ได้คุยโต้ตอบกันเยอะ(การบ้านภาษาไทยสอนและอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ)

เดือนที่ 8-9 ด้านภาษาเริ่มดีขึ้น เพราะความถี่เริ่มเยอะขึ้น เริ่มรู้สึกว่าไอ้ที่เราพูดอยู่ทุกวันเนี่ยมันก็แทรกซึมเข้าหูลูกเหมือนกันแฮะ (น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน นี่คือเรื่องจริงค่ะ) การดูทีวีแทบไม่มีโอกาสดูภาษาไทยเลย ดูภาษาอังกฤษตลอดจากที่เมื่อก่อนดูการ์ตูนอังกฤษบอกแม่เอาภาษาไทยได้ไหมหนูไม่รู้เรื่อง ตอนนี้ถ้าการ์ตูนเป็นภาษาไทยบอกแม่มันพูดเป็นภาษาไทยเปลี่ยนช่องเลยแม่ เริ่มต้นพูดอังกฤษกับแม่ก่อน แต่ส่วนใหญ่เป็นประโยคคำถาม พูดโต้ตอบกับแม่ได้ประมาณ 2-3 ประโยค ก็กลับไปพูดภาษาไทยเหมือนเดิม สงสัยเมมโมรีหมดสต็อค เดาความหมายของคำใหม่ๆจากประโยคที่แม่พูดได้มากขึ้น(เริ่มรู้จักใช้บริบท) พอพี่ขอบคุณเริ่มพูดมากขึ้น แทนคุณก็พัฒนาตามเพราะเลียนแบบพี่ตลอด ประโยคไหน คำไหน วลีไหน ที่พี่พูดบ่อยๆ แทนคุณก็จะพูดตาม (แบบว่าก๊อปปี้พี่ 100%) แต่เด็กสองคนนี้คุยกันเป็นภาษาไทยค่ะ แต่พูดภาษาอังกฤษกับแม่ทั้งคู่ เคยถามขอบคุณว่าทำไมไม่พูด E กับน้อง เธอตอบว่าเวลาหนูพูดอังกฤษด้วยน้องก็มีแต่พูดภาษาไทยค่ะ หรือเป็นเพราะความเคยชินของแทนคุณที่พี่ขอบคุณพูดภาษาไทยกับเค้าตั้งแต่แรกคะ

เดือนที่ 10-11 ขอบคุณชอบภาษาอังกฤษมากค่ะ ยิ่งมีโอกาสได้เจอเพื่อนที่พูดภาษาอังกฤษเหมือนกันตอนไป วช.ที่ขอนแก่น เจอน้องเจ้าขา น้องยาโยก็ทำให้ยิ่งอยากพูดภาษาอังกฤษจะได้เหมือนเพื่อน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่พูดอังกฤษกับแม่ได้ร้อยเปอร์เซ็น แต่ก็คุยโต้ตอบได้มากขึ้นหลายประโยคขึ้นและเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เห็นความพยายามของลูก คุยๆกันไปไม่รู้ว่าจะพูดE ยังไง ก็จะพูดเป็นภาษาไทย แม่ก็แก้เป็นภาษาอังกฤษให้ ก็พูดดามทุกครั้ง เริ่มแต่งประโยคเองเป็น Do you _____? where, What, ออกไปนอกบ้านไปห้างก็จะพูดเสียงดังๆ Mommy, what is this/that? Mommy, look it's a ________ braaaa........ฯลฯ ใช้เวลาขับรถไปด้วยกันสอนศัพท์เพิ่มเติมตามข้างทาง เห็นอะไรแม่ก็พูดไปเรื่อย ชี้โน่นนี่พูดบ่อยๆกรอกหูบ่อยๆ เดี๋ยวได้เอง เริ่มร้องเพลงภาษาอังกฤษที่เป็นเพลงที่ไม่มีความหมายคือจับคำศัพท์หรือวลีที่รู้จักมาร้องในทำนองของตัวเองเรียงลำดับตามการนึกได้นึกอันไหนได้ก็พูดออกมาร้องไปเรื่อยๆ ไม่สนใจความหมายสนแค่ว่ามันเป็นเพลงที่ร้องด้วยภาษาอังกฤษ(แหม ทำไปได้) สงสัยเป็นความสุขของเด็กวัยนี้ที่ชอบแต่งเพลงเอง สำหรับแทนคุณ นอนหลับ ละเมอเป็นภาษาอังกฤษทั้งที่โรงรียนและที่บ้าน ฟังเพลงหรือซีดีภาษาอังกฤษสามารถจดจำเนื้อเพลงได้ดีกว่าและเร็วกว่าพี่ขอบคุณสงสัยสมาธิอยู่ที่ภาษาอังกฤษดีกว่าเพราะความถี่มากกว่าภาษาไทย แต่พี่ขอบคุณอาจมีสมาธิต่อภาษาอังกฤษน้อยกว่าหรือเปล่าไม่รู้ ฟังเพลงเดียวกัน ด้วยจำนวนครั้งความถี่เท่ากันๆ แทนคุณจำเนื้อเพลงได้ 40% แต่พี่ขอบคุณจำได้ ประมาณ 20% เวลาแม่ test กลับพอเห็นว่าแทนคุณจำได้มากกว่า ครั้งต่อไปจะตั้งใจฟังมากขึ้นเพื่อให้ทำได้เหมือนน้องและทันน้องในที่สุด (ยอมไม่ได้เลยถ้าน้องจะเก่งกว่า) บางสิ่งที่แม่สอนพี่ขอบคุณด้วยความบังเอิญแทนคุณจะได้ไปด้วย ดีจังเลยเหนื่อยครั้งเดียวสอนได้สองคน อิอิ

ส่วนภาษาอังกฤษของแม่ก็อยู่ในระดับกลางๆค่ะ แกรมม่าไม่เคยแม่นเลย อ่านและฟังได้ดี/ พูดพอได้(แต่เรื่องไกลๆตัวเรื่องใกล้ตัวไม่รู้ซักอย่าง)แต่งประโยคหนึ่งประโยคใช้เวลานานมาก เขียนก็อ่อนมาก เรียนมา 12 เทนส์ ใช้เป็นแค่ 3 เทนส์ ฮาฮา ก็พัฒนาขึ้นมากหลังจากได้เริ่มพูดกับลูก(แต่ก็ยังพูดผิดๆถูกๆอยู่อ่ะค่ะ) ได้ซ้อมทุกวันมันก็คล่องปากขึ้น(มีแต่ fluency ไม่มีaccuracy อิอิ) อาศัยเรียนรู้คำศัพท์และประโยคจากหนังสือ ลอกเพิ่มเติมจากคำถามของเพื่อนๆสมาชิกในเวบ คำไหนประโยคไหนไม่มีใครถามก็เขียนถามเอง เป็นอะไรที่ดีมากๆเลยนะคะ (ถามเพื่อนในห้องเรียนยังไม่บอกหมดไส้หมดพุงขนาดนี้ มีกั๊กอีกต่างหาก ชิมิ) เคยเรียนวิชาโฟนิคมาบ้างก็เลยพอจะเข้าใจความสำคัญของไฟนอลซาวด์ก็จะเน้นกับลูกเป็นพิเศษ ต้องขอบคุณแนวคิดนี้มาก(โดยเฉพาะผู้ใหญ่บิ๊กผู้จุดประกายฝัน) ที่ทำให้เราได้มาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในนี้ ภาษาเราดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินไปเทคคอร์สแพงๆ ได้สอนภาษาอังกฤษให้ลูกได้โดยไม่ต้องจ้างครูให้เสียงตังค์ ขอบคุณเพื่อนๆ เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ไม่ได้เจอกันมานานก็มาเจอกันแบบบังเอิญในหมู่บ้านนี้ เพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันแต่ก็รู้สึกสนิทเหมือนรู้จักกันมานาน คอยช่วยเหลือแบ่งปันและให้กำลังใจ ถึงตอนนี้ทั้งแม่ทั้งลูกก็ยังต้องพัฒนาต่อไป ให้มากขึ้นเรื่อยๆ ก็อยากเป็นกำลังใจสำหรับเพื่อนๆที่เพิ่งเริ่ม แล้วท้อเพราะลูกต่อต้าน ให้คิดว่าเราทำเพื่อลูกครูที่ไหนก็ทำได้ไม่ดีเท่าเรา พูดไปเถอะค่ะ พูดทุกวันๆเข้าหูลูกอยู่แล้ว ความถี่มากก็จะเห็นผลเร็ว ความถี่น้อยก็จะช้านิดหน่อย แต่ก็มีโอกาสสำเร็จเหมือนกันถ้าไม่ล้มเลิกไปซะก่อน

มีคลิป ของพี่ขอบคุณ กับแทนคุณ มาให้ดู เป็นคลิปของพัฒนาการเดือนล่าสุด (11th mo. of OPOL)

KhorbKhun 4yrs 3mo. แม่ก็มั่วเยอะเหมือนกัน สงสัยว่าใช้ get cold หรือ got cold คะ ตอนที่ถ่ายลูกเป็นหวัดอยู่พอดี

ThaenKhun 2yrs แรกๆก็ใช้มือชี้ดีๆ หลังๆไหงใช้เท้าชี้แทนล่ะลูก หนังสือเล่มนี้แทนคุณเคยทำขาดมาแล้ว แม่เอามาซ่อมโดยติดแปะเทปใสไว้ สงสัยว่าใช้ don't broke หรือdon't break คะ

ขอบคุณที่ช่วยติชม ตอบคำถาม นะคะ สงสัยคงต้องจบบล๊อกนี้แต่เพียงเท่านี้ ไม่เคยเขียนยาวขนาดนี้มาก่อนเลย แล้วจะมาอัพเดทใหม่ค่ะ

Views: 280

Comment

You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!

Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

Comment by ann&sunshineday on September 21, 2010 at 12:41pm
อ่านแล้วมองเห็นความวุ่นวายจริงๆ-บ้านนี้ก็เป็นคะ-คุณยายตามใจสุดๆ-คนโตไม่เอาสอนคนเล็กก็ได้-เป็นเหมือนกัน-เหนื่อยสุดๆ-แต่ก็ต้องเดินต่อไปแหละเนอะคุณจุ๋ม-เก่งจังเลยเนอะ
Comment by แม่ติ๊ก&น้องต้นกล้า on September 17, 2010 at 4:24pm
ตั้งชื่อน้องได้น่ารักจังคะ คุณแม่สู้จัง แค่อ่านยังเหนื่อยแทน ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆคะ เพราะชอบอ่านประสบการณ์ของทุกท่านเพื่อเอามาเป็นกำลังใจให้ตัวเองคะ
Comment by mom_jenita on September 15, 2010 at 10:14am
อ่านไปก็เห็นถึงความวุ่นวายของบ้านที่มีลูก 2 เข้าใจนะ เพราะแค่ 1 นี่ก็วุ่นวายมากมายก่ายกอง อิอิ แต่ก็เห็นความตั้งใจของจุ๋มด้วยล่ะ ที่พยายาม พยายาม จนพอดูคลิป เด็กๆก็โต้ตอบได้เยอะแล้วนะ เดินต่อไปจ้า.. อย่าท้อ ยังมีเพื่อนอยู่ตรงนี้เสมอ สู้ สู้ เดินไปด้วยกัน

แต่บล็อกที่จุ๋มเขียน ก็เป็นประโยชน์กับคนอื่นด้วยนะว่ามันต้องฝ่าฝันโน่นนี่สารพัด ถ้าไม่ท้อไปก่อน สุดท้ายผลลัพธ์มันก็ต้องดีขึ้นไปเรื่อยๆ

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service