เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

เลี้ยงลูกไม่เหนื่อยแล้วก็เครียดมากเท่ากับการประมือกะพ่อของลูกเลย

ตอนนี้มันรู้สึกว่า การที่สามีไม่สนับสนุนในการเลี้ยงและสอนลูก มันเริ่มจะส่งผลกระทบต่อลูกแล้ว คือ เรารู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรเลย ไม่อยากจะสนใจลูกอีกแล้ว อยากจะเปิดทีวีให้เด้กดูไปเรื่อยๆ แล้วเราก็อยู่ในโลกส่วนตัวของเรา ไม่อยากจะสนแล้วว่าลูกจะเป็นออทิสติกไหม จะพูดช้าไหม จะโง่ไหม จะเหงาไหม มันเหนื่อยใจจริงๆ

การสอนลูกสองภาษาแบบ OPAL มันเป็นไปไม่ได้เลยในบ้านเรา ที่ลูกกะพ่อมีเวลาเจอกันแค่วันนึงไม่ถึงสองชั่วโมง เสารือาทิตย์พ่อก็ยังทำงานทั้งวันทั้งคืน พอตอนที่พ่อเขาอยู่บ้านเขาก็จะเหนื่อย หลับ ไม่งั้นก็ดูทีวีคลายเครียด มีเล่นกะลูกบ้างแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับลูกหรอกเวลาเล่น จะเล่นซ่อนแอบแล้วก็พูด จ๊ะเอ๋ บูๆ อย่างมาก ก่อนหน้าที่เราจะเริ่มพูดอังกฤษกะลูก ลูกกำลังหัดพูดนั่นพูดนี่ภาษาไทยเยอะเชียว แต่พอเราเริ่มภาษาอังกฤษ ลูกกลับหยุดชะงักเลย เพราะว่าภาษาไทยมันหยุดชะงักไปด้วย เราต้องกลับมาทบทวนใหม่แล้ว บางอย่างก็ต้องการการสื่อสารที่ลึกซึ้ง เช่น การคุยกันเวลาห้ามไม่ให้ลูกทะเลาะกัน ภาษาอังกฤษมันก็ไม่ไหว ภาษาไทยเรายังสื่อด้วยน้ำเสียงได้ แล้วลูกก็ทะเลาะกันบ่อยจนเราไม่ไหวที่จะสองภาษาแบบ OPAL แล้ว มันเหนื่อยจริงๆ

ผู้ชายสนับสนุนอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไง อยากรู้จริงๆ บ้านอื่นพ่อเขาทำอะไรกะลูกบ้าง

จะเอายังไงกับผู้ชายที่ต้องทำงานขนาดนี้ดี บอกก่อนนะว่า เราลูกแฝด เลี้ยงเองแบบไม่มีคนช่วย ทุกวันนี้เลี้ยงเองเกือบจะทั้งวันแล้ว ถ้าช่วงไหนพ่อเขาทำงานถึงเที่ยงคืน ตีสามตีสี่ติดกันสามสี่วัน เราอยากจะร้องไห้เลยแหละ


Views: 917

Replies to This Discussion

เข้ามาเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณ sopana นะคะ

ส่วนตัวคิดว่าปัญหาการเลี้ยงลูก และใช้ชีวิตร่วมกับสามี ของแต่ละครอบครัวนั้น เป็นเรื่องไม่ง่ายเลย ที่จะประคับประคองทุกอย่างให้สมดุล ทั้งลูก (บทบาทความเป็นแม่) ทั้งสามี (บทบาทของภรรยา) และ การดูแลตัวเอง ไม่ให้เครียดและเหนื่อยเกินไป... แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แต่ละครอบครัวต้องออกแบบกันเองเพื่อความเหมาะสมกับ lifestyle ... สามีเป็นแรงกำลังสำคัญสำหรับภรรยา ในการเลี้ยงดูลูก มิใช่เป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง (ถึงแม้ว่าจะแบ่งหน้าที การทำงานนอกบ้านกับในบ้านกันแล้วก็ตาม) .. ลองหันหน้าพูดคุยอย่างจริงๆจังๆ ซักครั้งดีมั๊ยคะ... เพื่อการแก้ไข ปรับเปลี่ยนสถานการณ์ แต่ในการพูดคุยนั้น คงต้องอาศัยการควบคุมอารมณ์ อย่างดีซักหน่อย.. เพื่อไม่ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิม...

และหากการสอนให้ลูกเป็นเด็กสองภาษาทำให้ชีวิตลำบากมากขึ้น ทำแล้วไม่สนุก เพราะชีวิตมีอุปสรรคมากขึ้น เครียดมากขึ้น จนเกิดความท้อ ก็ขอแนะนำเหมือน คุณอ๊อบ และคุณเล็ก ว่า ลองผ่อนซักหน่อย เพื่อให้ตัวเราสบายขึ้น ซึ่งทำได้ทั้ง ปรับเป็น OTOL หรือ แม้กระทั่ง พักไว้ก่อน พร้อมแล้วค่อยเริ่มกันใหม่ ก็น่าจะดีนะคะ...

ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ
บ้านคุณยังแค่จิ๊บๆ บ้านแอนยังหนักกว่าอีก สอนภาษาอังกฤษให้ลูก ก็บอกให้แปลด้วยสิ เลยบอกว่า เวลาแม่เธอสอนเธอไม่เห็นต้องแปลเป็นไทยให้ฟังเลย ให้อ่านหนังสือคุณบิ๊กก็ไม่ยอมอ่าน

ความที่ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ สามีส่วนใหญ่อยู่กรุงเทพ จะมาหาลูกเดือนละครั้ง อยู่ด้วยกันประมาณ4-5วัน มาแต่ละครั้งก็เอาแต่นอน ไม่ทำอะไรเลย ลูกก็ไม่ค่อยจะดูแล ยิ่งตอนเช้าลูกจะไปโรงเรียน แอนก็ต้องรบก้บลูกสองคนอยู่คนเดียวทุกวัน ไม่ยอมแต่งตัวเอง ทำนั้นทำนี่ไม่เป็น แอนก็เลยว่าลูกเสียงดัง พ่อมันก็ออกมาว่า ทำไมต้องเสียงดังด้วย คนจะนอน เฮ้อ!รู้ก็รู้นะว่าเค้าวุ่นวายกัน จะมาช่วยจับลูกสักคนก็ไม่ได้ ไม่รู้จะนอนหาอะไรนักหนา

ตอนเย็นลูกกลับมาเอาอีก ทำไมไม่ไปเตรียมชงนมให้ลูกกิน อยากจะบ้าตาย! เด็ก2ขวบ กับ4ขวบ มันพูดไม่เป็นหรือไง ว่ามันหิวหรือไม่หิว ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจลูกแต่เพราะเรารู้ว่าเค้าจะกินเค้าจะบอกเราเองเมื่อเราถามเค้า (แอนจะรู้เวลาที่ลูกอยากกินนม) ถึงชงมาให้มัน มันก็ไม่กินจะชงมาทิ้งทำไม นมแพงจะตาย

พอวันหยุดแทนที่จะพาลูกเมียไปเที่ยวไปทานข้าว บอกไม่ไป เหนี่อย! แต่พอเพื่อนโทร.มา รีบแจ้นไปเลย ความเหนื่อยไม่เคยปรากฏ

ตอนกลางวันลูกไปโรงเรียนหมด ก็เป็นเวลาของแอน แอนก็เปิดคอมเล่น พ่อตัวดีก็เอาอีกจะเล่นอะไรกันนักกันหนา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนอื่นเค้าติดเกมส์กันนัก แอนก็เลยว่าให้ที่ฉันเปิดอยุ่นี่ ฉันก็เอามาสอนลูกทั้งนั้นแหละ จะมาว่าทำไม กลับมาว่าเราต่ออีกว่าทำไมไม่ไปทำอย่างอื่น จะให้แอนไปทำอะไร ผ้าลูกก็พับก็รีดหมดแล้ว จะให้ทำทั้งวันไม่ต้องโงหัวไปไหนเลยหรือไง จะเอายังไงกับฉันอีก

แอนสอนเลขให้ลูกด้วย ตอนกลางคืนก็ให้พ่อมันสอน พ่อมันกลับมาด่าแอนอีก อยากให้ลูกเก่ง ดี นัก ไม่รู้จักหาข้าวหาปลาพูดกับมันดีๆ อยากจะสลับร่างให้มั่นรู้แล้วรู้รอด โอ๊ย!จะเอาอะไรกับฉันนักหนา

ท้อได้คะแต่อย่าถอย วันนึงที่เราสอนให้ลูกเราเป็นคนดี มีความสุข เป็นคนเก่งเมื่อไหร่ คนที่ภูมิใจก็คือตัวเรานี่แหละ แอนก็ได้แต่รอวันนั้นแหละคะ สู้ๆคะ เดินไปด้วยกันนะคะ
อ่านแล้วขำค่ะ ขำกับทุกๆตัวอย่างของพ่อ(สามี)ที่ทุกคนเอามาคุยให้ฟังเลย เออนะ ผู้ชายนี่มันก็เหมือนๆกันหมด อย่างกะเข้าโรงเรียนมางั้น แล้วก็เริ่มเห็นจริงว่า แม่ทุกบ้านต้องพยายามทำอะไรหลายอย่างมาก หลายด้านมาก ทั้งสอนลูกทั้งดูแลลูกทำงานบ้าน มันก็เหมือนๆกะชีวิตเราเลยล่ะนะ บางคนต้องอดทนมากกว่าเราอีก ...ต้องสู้ต่อไป..ขอบคุณทุกกำลังใจเลยค่ะ
เข้ามาอ่านชีวิตของแต่ละบ้านค่ะ
อือ...ผู้ชายเค้าก็คิดแบบผู้ชายนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้แม่ๆ ทุกคนค่ะ
ยังไงเราก็รักลูก เดินทางสายกลางนะคะ อย่าเครียดให้มาก เดี๋ยวไม่สวยนะคะ
เข้ามาเป็นกำลังใจให้ค่ะ ชีวิตคู่มันไม่สำเร็จรูปหรอกค่ะ

คุณSopana ลองคุยกับสามีก่อนดีไหมค่ะ

ถึงแนวทางการเลี้ยงลูกและจะให้แฟนเข้ามามีส่วนร่วมยังไง
เข้ามาเป็นกำลังใจด้วยคนค่ะ คุณsopana เก่งมากๆ เลี้ยงลูกแฝดเองคนเดียวโดยไม่มีคนช่วย ขนาดเลี้ยงลูกแค่คนเดียวยังเครียดเลย วันไหนเจอวีน พูดไม่รู้เรื่อง เข้าใจคุณมากๆ เข้าใจว่าเหนื่อยและบางทีท้อ ลองหาเวลาพาลูกๆไปบ้านคุณตาคุณยาย เด็กๆและคุณจะได้เปลี่ยนบรรยากาศ มีคนช่วยดูบ้างจะได้ไม่เครียด เรื่องภาษาอย่ากดดันมาก ให้คุณสามีอ่านเล่ม 1 หลายๆรอบ เค้าน่าจะเข้าใจ เอาใจช่วยนะคะ
สวัสดีคะ เข้ามาเป็นกำลังใจให้อีกแรงนะคะ เห็นด้วยกับทุกท่านคะ พ่อบ้านคงจะคล้ายคล้ายกัน บ้านไหนได้พ่อบ้านดีก็โชคดีเหมือนถูกหวยเลยคะ บ้านนี้ก็เป็นคะ แฟนออกจากบ้านเจ๊ดโมงกลับมาก็สองทุ่มกว่า เสารอาทืตย์ก็ตื่นสาย ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับลูก และไม่ค่อยสนใจในสื่งที่เราทำ ขนาดอ้อมเปิดอินเตอร์เนตบ่อยบ่อย ต่อเข้ากับจอทีวี เวลาเราเล่นเขาก็เห็นทุกวัน เขายังไม่รู้เลยว่าเราทำอะไร คือไม่สนใจอะคะ
เลี้ยงลูกคนเดียวก็เหนื่อยจะแย่นี่ลูฏแผดคงเหนือยน่าดู บ้านนี้พ่อบ้านก็ทำงานอย่างเดียว เราต้องรับส่งลูกที่โรงเรียน ทำงานนอกบ้าน ทำงานบ้าน ไหนจะท้องอีก หาเวลาว่างแทบไม่มีเหมือนกันคะ ถ้าคุณแม่เหนื่อยกับการสอนภาษาน้องลองใช้วิธีนี้ดูไหมคะ คือให้คุณแม่สอนแต่ภาษาอังกฤษอย่างเดียวคะ แต่ก้ไม่ต้องเครียดมาก ถ้านึกไม่ออกก็พูดไทยไปเลยคะ ส่วนภาษาไทยก็ลองหยุดก่อนจะได้ไม่ต้องเครียดมาก ถึงคุณพ่อไม่ช่วยสอน แต่เชื่อเถอะคะเมื่อเด็กไปโรงเรียนภาษาไทยของเขาจะไฟแล๊บเลยที่เดียวคะ ดังนั้นก่อนที่เขาจะไปโรงเรียนคุณแม่ก็สอนอังกฤษอย่างเดียว ส่วนภาษาไทยก็ให้สิ่งแวดล้อมช่วยสอน เช่นดูทีวีไทยบ้าง ดูบ้างนะคะไม่ใช่ดูมาก พาออกไปหาเพื่อนเล่นที่พูดภาษาไทยบ้างให้ไปเจอคนโน้นคนนี้อะคะ อย่างไรเสียเด็กเติบโตในเมืองไทยภาษาไทยต้องได้แน่นอน แต่อาจจะช้ากว่าเด็กคนอื่นที่พ่อแม่พูดไทยอย่างเดียว แต่ก็ไม่นานเดียวก็ทันกันคะ คืออยากยกตัวอย่างลูกชาย ตอนแรกก็กังวลว่าลูกจะไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นเพราะแม่มันมัวแต่สอนภาษาอังกฤษ พ่อก็ไม่มีเวลา อาศัยแค่เวลาพ่อแม่พูดคุยกัน ก็พยายามพาลุกไปเล่นในที่ที่มีเด็กญ๊ปุ่นเยอะเยอะ ไทคิใช้เวลาประมาณหนี่งเดือนในการปรับตัวตอนไปเนอส ครั้งแรก แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้วคะ ภาษาญี่ปุ่นแทบจะแซงหน้าภาษาอังกฤษกับไทยที่แม่พรำสอนมาตั้งนาน ก็อยากแนะนำว่าไม่ต้องกังวลมากกับภาษาไทยคะ หวังว่าคงจะช่วยได้บ้างนะคะ เป็นกำลังใจให้คะ
เป็นเหมือนกันค่ะ เหนื่อยสุดสุด เเต่คิดในเเง่ดียน่ะค่ะ ลูกเราเเข็งเเรง ไม่ป่วย ไม่ดื้อ ไม่มีปัญหาอื่น สามีเราเป็นคนดี เเต่อาจทำงานมากไป ทำงานหนักไป เเต่ก็คงเพราะครอบครัวน่ะค่ะ ทีนี้เราก็เดินหน้าเเบบค่อยเป็นค่อยไป น่ะค่ะ ยังดีซะอีกที่เรามีโอกาสได้สอนลูกเอง ได้อยู่กับลูกเอง บางคนเลือกไม่ได้น่ะค่ะ คิดบวกเข้าไว้ เเม้ใจจะล้า
บ้านนี้ก็เป็นค่ะ ดูทีวี ไม่ก็ดูบอล - -"
ใจเย็นๆค่ะ ทำ OTOL อย่างพี่อ๊อบว่า แล้วก็หาเวลาพักผ่อนแบบของเราบ้างก็จะดีค่ะ
โบว์ก็มีปัญหามากๆช่วงนึงจนอยากจะหยุดทุกอย่าง เกือบเป็นโรคซึมเศร้าเลยนะ ....
แต่ว่าพอเห็นหน้าลูกมันก็ค่อยมีแรงฮึดขึ้นมาได้หน่อย
สู้ๆค่ะ ลูกต้องการเรานะคะ
ใจเย็นๆนะคะ ถ้าเป็นไปได้ต้องหาตัวช่วยเรื่องเลี้ยงลูกดีไม๊คะ ถ้าคุณแม่เครียดและเหนื่อยขนาดนี้ก็คงควบคุมอารมณ์ให้ดีได้ยากค่ะ เรื่องพ่อของลูกอาการนี่เจี๊ยบว่ามันเหมือนเป็นสากลของผู้ชายเลยเพราะสามีเจี๊ยบก็ทำงานอาทิตย์ละหกวันเหมือนกัน(ทำที่ต่างจังหวัดด้วยนะ ไปเช้าวันจันทร์กลับกรุงเทพอีกทีวันเสาร์) บางทีวันอาทิตย์อีกวันก็ยังต้องทำงานทะเลาะกันเรื่องเวลาจนปลงแล้วค่ะ แต่โชคดีกว่าหน่อยที่มีลูกคนเดียวก็ไม่เหนื่อยเท่าคุณ และมีคนช่วยเลี้ยงลูกด้วยเลยไม่ได้คาดหวังอะไรกับสามีมากเพราะมันเลยจุดนั้นคือทำใจได้แล้วค่ะ ลูกเองก็จัดระบบชีวิตเจอพ่อแบบอาทิตย์ละวันอย่างมากก็สองหรือสามวัน เวลาเห็นคุณพ่อท่านอื่นที่ขวนขวายอะไรที่เป็นความรู้ให้ลูกก็แอบอิจฉาเค้านิดนึง แต่ก็พยายามมองโลกแง่ดีค่ะว่าเราทำเองก็ได้ก็ทุกอย่างทำเพื่อลูกนี่เนอะ อย่างที่บอกค่ะหาคนช่วยดูแลลูก อย่างเวลาพาลูกไปเที่ยวก็พาคนช่วยเลี้ยงไปด้วย เราเองก็มีคนคุยด้วยช่วยผ่อนแรงโดยเฉพาะมีลูกแฝดนี่หนักใจแทนเลย แต่มองในแง่ดี ลูกก็มีเพื่อนนะคะ สู้ๆนะคะ
ใจเย็นๆครับ อย่าเครียด ทุกอย่างมีทางแก้ไขครับ คิดว่าใช้แบบธรรมชาติดีกว่าครับ อย่าคาดหวังมากนัก เวลาสอนลูกนึกภาษาไหนออกก่อนก็พูดภาษานั้น เด็กเขายังมีเวลารับอะไรอีกมาก ถ้าเหนื่อยมาก็ผ่อนๆบ้างนะครับ เอาใจช่วยครับ
คุณแม่อย่าเครียดมากไปซีค่ะ ในเมื่อไม่มีใครช่วยในการสอนภาษา หรือเล่นกับลูกได้ คุณแม่ก็คงต้องพูดไทยสลับกับอังกฤษกับลูกละค่ะ การพูดอังกฤษทั้งหมดบางทีมันก็ขาดอารมร์ ขาดบรรยากาศ ขาดความสนุกนะคะ เพราะว่าเราไม่ใช่เจ้าของภาษา ที่จะพูดให้ดี ให้ถูกก็ยากแล้ว ถ้าจะพูดให้สนุกด้วยนี่คงแย่
สำหรับดิฉัน เมื่อก่อนก็คิดว่าจะพูดภาษาอังกฤษกับลูกอย่างเดียว แต่ว่าเนื่องจากว่าเรามีความพยายามไม่ถึงนะคะ ก็เลยพูดได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วบางทีเล่นกับเค้า หยอกกับเค้า หรือเล่านิทานนี่ ถ้าต้องโทมดอังกฤษนี่เครียดทั้งแม่กับลูกค่ะ รู้สึกภาษาไทยนี่แหละค่ะ ลูกสนุก เท่าที่ดูเค้าก็รู้คำศัพท์ แปลประโยคที่เราพูดได้ เข้าใจ และชอบดูการ์ตูนภาษาอังกฤษล้วน สำเนียงที่พูดมาก็โอเค(เนื่องจากว่าดิฉันสำเนียงดี แต่ว่าความรู้น้อย และความพยายามต่ำ ลูกก็เลยยังพูดไม่ได้ นอกจากตอบสั้นๆ) ดิฉันว่าอย่าตั้งเป้าไว้จนมากเกินไป จะเครียดไปซะเปล่า อีกอย่างทิ้งลูกให้อยู่กับทีวีไม่ดีหรอกค่ะ ลูกดิฉันระหว่างเล่นกับแม่ และดูทีวีนี่ เค้าเลือกเล่นกับแม่นะค่ะ
อย่าลืมนะคะ ลูกเรายังต้องโตต่อไปอีก แม้ว่าเราจะพูดอังกฤษล้วนกับเค้าไม่ได้(เนื่องจากมีเหตุอื่นๆมาขัด) ก็อย่าท้อที่จะเลี้ยงลูกให้เค้ามีความสุขค่ะ
เป้าหมายของคุณแม่คือมีลูกที่มีความสุข รู้ภาษาอังกฤษบ้าง หรือลูกที่อยู่กับจอทีวี มีชีวิตไปวันๆค่ะ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service