เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

เพิ่งจะเกิดความคิดว่า จะพูดภาษาอังกฤษกับลูกจนลูกอายุเท่าไหร่

จากที่ถามๆ ตอบๆ ลอกๆ กันในห้องนี้อย่างสนุกสนานเพื่อจะพูดกับลูกเป็นภาษาอังกฤษได้ พอดีผมเกิดความคิดขึ้นมาอย่างนึงว่าจะคุยกับลูกเป็นภาษาอังกฤษไปเรื่อยๆจนลูกโตเลยหรือ คือเราคนไทยเวลาเห็นเด็กเล็กๆพูดอังกฤษกับพ่อแม่ก็ดูอเมซิ่งดี แต่ผมนึกภาพตอนลูกโตขึ้นเช่น ม.ปลาย หรือมหาลัย อาจจะดูไม่ค่อยอเมซิ่งละ อาจถูกมองว่าเว่อร์อ่ะบ้านนี้ ประมาณนี้ครับ ขอความเห็นคุณพ่อ คุณแม่ในนี้ด้วยครับ

Views: 582

Replies to This Discussion

ส่วนตัวผมคิดว่าไม่เว่อร์เกินไปนะครับ อย่างที่คุณบิ๊กเคยบอกไว้ว่าเด็กเค้าจะ switch ภาษาที่ใช้พูดกับคนนั้น ๆ เอง ถ้าเค้ามีคลังคำศัพท์มากพอที่จะโต้ตอบกับคนที่เค้าจะพูดด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ พ่อและแม่ที่อยู่ ต่างภาคกัน ที่ใช้ภาษาท้องถิ่นของตัวเอง เช่น แม่พูดภาษากลาง พ่อภาษาอีสาน ถ้าพูดกับลูกตั้งแต่เค้าเด็ก ๆ โตขึ้น เวลาที่เค้าพูดกับแม่เค้าจะพูดกลาง กับพ่อเป็นอีสาน ซึ่งเด็กเองก็สามารถฟังออกทั้ง 2 แบบ แต่อาจจะเลือกพูด 1 หรือ 2 แบบก็ได้ แต่เค้าจะรู้ว่าเวลาอยู่กับใครต้องพูดยังไงเองอ่ะครับ ตรงนี้เด็กต่างจังหวัดเองที่มีพ่อหรือแม่พูดภาษาท้องถิ่นที่ต่างกันก็อาจจะได้เปรียบเด็กที่มีพ่อและแม่ใช้ภาษาใด ภาษาหนึ่งเป็นหลัก เพราะได้ฝึกเป็นเด็กพูดภาษาถิ่น มากกว่า 1 ภาษาตั้งแต่เด็ก (^^) .... น่าจะพอใช้เป็นแนวทางเปรียบเทียบเด็ก 2 ภาษาในอนาคตได้นะ ผมว่า .... รอฟังท่านสมาชิกอื่น ๆ ด้วยครับ
อันนี้ตอบไม่ง่ายเลยนะคะคุณพ่อ แต่ก็ต้องขอบคุณสำหรับคำถามที่ทำให้แม่อย่างดิฉันได้คิดต่อค่ะ.....

คำถามของคุณพ่อนะคะ คำตอบจะเกิดขึ้นอีกสัก 10-12 ปีข้างหน้าเชียวค่ะ

........โดยความคิดส่วนตัวนะคะ คิดสอนลูกในระยะสั้นก่อนค่ะ ขอดูผลสัก 3-5 ปีนี้ หากเขาสามารถปรับตัวได้ดีกับภาษาแล้ว อีกหน่อยเขาต้องเก่งแน่และเก่งกว่าแม่หลายร้อยเท่าทีเดียวค่ะ อีกหน่อยเขาสามารถดูหนังเองได้แบบที่ไม่ต้องอ่านซับไทเิทิ้ล พูดกับฝรั่งปร๋อ อ่านหนังสือนิยายหรืออะไรก็ตามที่เป็นภาษาัอังกฤษได้คล่อง โดยที่เขาัยังไม่เคยไปเรียนหรือใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศเลย (เพราะแม่ยังไม่มีทุนส่งค่ะ และก็เป็นห่วงลูกถ้าลูกต้องไปอยู่ไกลค่ะ)
หากเขาทำได้เท่านี้การพูดภาษาอังกฤษกับลูกตอนวัยรุ่นหรือเปล่านั้นก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปค่ะ เพราะเขาอยู่ตัวแล้วค่ะ.....และก็คิดว่านั่นคือสิ่งทีพ่อแม่สองภาษาทุกคนปรารถนาค่ะ

ส่วนคำถามที่หลายๆท่านถามในห้องนี้ ตัวเองได้ใช้กับลูกอย่างมากเลยค่ะ หลายๆอันคิดว่าจะไม่ได้ใช้ ...พอถึงสถานการณ์นั้นขึ้นมา มันก็พูดออกมาได้เลยค่ะ (อันนี้เรื่องจริงนะคะ)

ยังไงอย่าว่ากันนะคะ อันนี้เป็นเพียงแนวคิดส่วนตัวค่ะ บางท่านอาจมีความคิดแตกต่างกันไป แต่ก็มีความยินดีที่จะแชร์กันนะคะ
เรามองว่าไม่เว่อร์นะคะ
พูดให้เป็นธรรมชาติ เช่น ที่บ้านเกิดเราจะมีการพูดภาษาถิ่นกับลูก เค้าก็พูดกันไปจนโต
ก็เหมือนๆกับการใช้ภาษาอังกฤษตั้งแต่ลูกเล็กๆไปจนถึงตอนลูกโต ก็เราพูดกันจนชินแล้วนี่คะ
ในส่วนตัวผมแล้ว ถ้าเราคิดว่าเราจะให้ลูกเราพูดภาษาอังกฤษได้ และเราได้เริ่มแล้วในการปฏิบัติ 2 ภาษา เราไม่ควรที่จะมีคำถามเหล่านี้เลยครับ

ภาษา ไม่ว่าจะภาษาอะไรก็แล้วแต่ คือการสื่อสารให้คน 2 คน หรือมากกว่า เข้าใจกันได้ ถ้าคุณสื่อสารกับลูกคุณ 2 คน ด้วยภาษาอังกฤษ และคุณเข้าใจกันด้วยดี ทำไมเราจะต้องไปคิดว่ามันจะเกินไปสำหรับมุมมองคนอื่น บอกตรงๆไม่เข้าใจจริงๆครับ
เห็นด้วยกะคุณดาค่ะ ตอบได้ตรงใจมากๆ
เห็นด้วยกับ Benjamin's daddy เพราะนี่คือจุดสตาร์ท ของครอบครัวเรา (ทำเพื่อลูก อย่าแคร์คำครหาของคนอื่น)
และคุณอรดา เพรานี่คือจุดหมาย ปลายทาง ของครอบครัวเรา เช่นกัน (ลูกสามารถสื่อสารเข้าใจและอยู่ตัวกับภาษาอังกฤษ พอถึงวันนั้น ก็จะหายเหนื่อยค่ะ)
เคยคิดค่ะ
แต่จะเป็นว่า กังวลเกี่ยวกับเรื่องว่าถ้าลูกโตขึ้นจะสอนเรื่องศีลธรรม มารยาท ต่างๆนายังไง เพราะศัพท์แสงมันจะมากขึ้น
แต่ก็ตอบตัวเองว่า โยนให้พ่อเค้าสอนมั่งเป็นภาษาไทย นี่ยังมีอีกนะคะ บอกให้ท่องก-ฮให้ลูกฟังมั่ง(เพราะเราร้องABC)
เค้าบอก เค้ายังท่องไม่ครบเลย เอาล่ะหว่า...ขำๆค่ะ
ค่อยๆแก้ปัญหากันไป แนวร่วมเรามีเยอะ
เคยคิดเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้คิดว่าคนอื่นจะมองว่าเวอร์ คือตอนนี้ไม่แคร์คนมองแล้ว (หน้าหนาแล้วค่ะ5555) คิดว่ากลัวจะสอนเค้าไม่ได้อย่างที่ใจอยากจะพูดมากกว่า กลัวไม่รู้ว่าจะพูดเป็นภาษาอังกฤษยังไง เดี๋ยวทำให้ความสัมพันธ์แม่ลูกหายไปรึเปล่า (คิดไปนู่นนน) แต่ตอนนี้ไม่กังวลค่ะเพราะมีตัวช่วยเยอะ นางฟ้าก็มีให้ถามได้ตลอดเวลา ขึ้นกับความขยันและตั้งใจของแม่ๆพ่อๆแล้วล่ะ คิดยังไงก็มีแต่ด้านบวกนะคะ ทั้งเรื่องตัวเค้าเอง แถมเรายังได้ภาษาเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ณ ตอนนี้ทีถ้าจะให้ตอบว่ามองไปตอนโน้นคิดอย่างไร เนื่องจากสำหรับเรา มันเป็นเรื่องใหม่ไม่เคยทำจริงๆค่ะ ในอนาคตถ้าลูกพูดได้คล่องอัตโนมัต แล้ว แม่ไม่เก่งหรืออาจเก่งเพิ่มขึ้นจากการฝึกลูกมาเรื่อย อาจจะสนุกการเปลี่ยนโหมด ตามที่เราต้องการเป็นไปด้วยความสนุกหยอกล้อ มันแล้วแต่น่ะค่ะ มันแล้วแต่ละครอบครัวจะคืดยังไง ว่าณ ตอนนั้น ครอบครัวตัวเองเหมาะแบบไหน แบบไหนมีความสุข ตอนนั้นลูกเป็นอย่างไร มีความรู้สึกแบบไร เขาโตแล้วแชร์กันด้วยเหตุผล ความเห็นกับลูกได้ค่ะ แต่ตอนนี้ที่ต้องพยายาม opol ให้ได้มากที่สุด ก็เพียงเพื่อ ให้เขาได้มีความรู้สึกซึมซับของอีกภาษาหนึ่งให้ได้มากที่สุด แถมได้ฝึกได้คุ้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะสามารถน่ะค่ะ คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าึงกับซีเรียสหรือกังวลมาก หากคนอื่นมองแล้วดูเวอร์เพราะ เขาไม่ได้คุยกะเราไม่มีที่มาที่ไป และต้องถามลูกว่าลูกรู้สึกอย่างไร ตอนนั้นก็คุยกันได้ ถ้าลูก happy เรา happy ก็จบ ก็คุยแบบที่เราพึงพอใจได้ สวล เป็นส่วนนึง การวางตัวของเราก็ส่วนนึง จริงๆแล้วเราอยู่ในสังคม แต่ว่าแต่ละที่ก็แตกต่างกันไปบ้างค่ะ ตัวเองยึดหลักนี้นะคะ ว่า ลูกมีความสุขไหมหรือ ทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือรู้สึกไม่ดีมากไปเปล่า และเราทุกข์ไหม ณ ตอนนั้น นะคะ ถ้าไม่มีอะไรก็ถือว่าเป็นการฝึกไปเรื่อยๆในทุกๆวันค่ะ ณ ตอนนั้น เราเองก็คงถูกลูกสอนบ้าง ต่างฝ่าย ต่างเรียนรู้และแชร์กันได้ค่ะ เพราะการเรียนสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นได้ทุกๆวัน ต่อให้รู้ก็ยังมี ให้รู้อีกค่ะ เยอะแยะ ดังนั้น คิดว่า แต่ละครอบครัว อาจจะคิดได้ ทำได้หลายแบบแตกต่างกัน เพราะ ถ้าเรา OPol ณ วันนี้ ไปเรื่อย อนาคตลูกก็คง แข็งแร็งแล้วค่ะ ภาษาอังกถษ เชื่อมั่นว่าแตกต่างจากรุ่นแม่แน่นอนค่ะ สำหรับแม่ 70 ไม่รู้จะถึงหรือเปล่า ถ้าลูกจะสอนจะฝึกแม่ ยินดี ค่ะ ฮ่าๆๆๆ แม่อาจจะได้ ภาษาที่4 5 6 เมื่อ ปูนโน้นก็ไม่เสียหายค่ะ ฮ่าๆๆ ก่อนลงโลงจะ ได้ say bye bye ลูก ได้ หลายๆ แบบ แอบคิด ขำๆ นะคะ ฮ่าๆๆ ฝึกได้จนกว่าสมองจะจำไม่ได้แล้วววววว ค่าาาาา...ฮ่าๆๆ
ขอบคุณสำหรับทุกๆความคิดเห็นนะครับ ได้ข้อคิดมากมายเลย

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service