เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
เรื่องของ Input ภาคต่อ
ข้อความ ข้างล่างต่อไปนี้คือตัวอย่าง Diary ที่ผมทำขึ้นมาอย่างง่ายๆ ผมไม่ได้เขียนเองแต่อย่างใด แต่ผมต้องการสาธิตให้ท่านผู้อ่านเห็นว่าการเรียนภาษาอังกฤษจากสภาวะแวดล้อม ที่ใกล้ตัวเรานั้นง่ายแค่ไหนและมีความสำคัญเช่นไร
ตัวอย่าง
ภาษาไทย: ตื่นนอนตอนเช้า – ล้างหน้าแปรง ฟัน อาบน้ำ แต่งตัว ขับรถไปทำงาน
English: I wake up, brush my teeth, shower, get dressed find my keys and my shoes. ... Eight hours of my life is gone. I get in my car. Traffic for half an hour.
หมายเหตุ: สำหรับข้อความภาษาอังกฤษที่ผมนำมานั้น ผมไม่ได้แปลขึ้นมา จะสังเกตได้จากเนื้อหาที่ไม่เหมือนกันแต่พอมีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง ผมแนะนำให้ท่านผู้อ่าน นั้นลองใช้ Google หาดูแล้วเลือกเอาว่าภาษาอังกฤษที่ท่านผู้อ่านเห็นในผลลัพธ์ของการค้นหา ข้อความใดตรงกับชีวิตประจำวันมากที่สุด แต่จำไว้ด้วยนะครับว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเหมือนไปเสียทั้งหมด ให้มีประโยคใหม่ๆที่ท่านผู้อ่านไม่เคยเห็นหรืออ่านผ่านตามาก่อนบ้าง เพื่อที่ท่านผู้อ่านจะได้สำนวนใหม่เพิ่มขึ้นมาครับ
บางทีข้อความบางอย่างเราได้อ่าน เราสามารถแปลได้เดี๋ยวนั้นทันทีเลย อย่างเช่น I get in my car.....ผมขอถามคำถามหนึ่งนะครับ…..หากมีฝรั่งเข้ามาคุยกับท่านผู้อ่าน แล้วให้ท่านผู้อ่านเล่าให้เขาฟังว่า กิจวัตรตอนเช้าของผู้อ่านนั้นมีอะไรบ้าง แล้วให้ตอบเดี๋ยวนั้น ท่านผู้อ่านต้องการจะบอกว่าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จจากนั้นขับรถไปทำงาน ท่านผู้อ่านจะใช้คำว่า I get in my car หรือไม่ หรือจะข้ามช็อต ใช้คำว่า I drive to work ไปเลย ครับ
จุดประสงค์ที่ผมจะบอกนั้น คือการใช้ภาษาในการสื่อความหมายในลักษณะเดียวกันนี้ สามารถพูดได้หลายวิธี แต่เนื่องจากภาษาอังกฤษที่เราเรียนในกันโรงเรียนระบบการศึกษาของไทย มีแค่มิติเดียวและไม่ได้เน้นหลักสอนไปที่เรื่องของ Expressions หรือการสื่อสารด้วยวิธีพูด สิ่งที่ยังคงหลงเหลือในความจำของเรานั้นที่เป็นมิติเดียว คือ
ประธาน + is,am,are+คำคุณศัพท์ หรือไม่ก็ง่ายๆ ประธาน+กิริยา+กรรม เช่น I ride a motorcycle to work คงมีน้อยคนที่อาจจะเคยได้ยินคำว่า I hop on a motorcycle and go to work ฉันกระโดดนั่งลงไปบนวินมอเตอร์ไซต์เพื่อไปทำงาน ใครเรียนคำว่า hop มาก่อนคงนึกถึงกระต่ายกระโดดเหยงๆ อย่างเดียวไม่คิดว่า เออแฮะ…เอามาใช่กับอิริยาบถแบบนี้ก็ได้……
และนี้ก็คือตัวอย่างและเหตุผลที่ ผมต้องการให้ท่านผู้อ่านหา Input ในภาษาอังกฤษที่เขียนด้วยเจ้าของภาษาจริงในบริบทต่างๆ และนำมาประยุกต์ใช้กับของตัวเอง อย่าลืมนะครับท่านผู้อ่านยังเป็นเด็กฝรั่งตัวน้อย ที่พร้อมจะเปิดรับความรู้ใหม่ๆที่มีภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร และในการหา Input เข้ามาในตัวเราท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งไปใส่ใจเรื่องไวยากรณ์มากนัก แต่จำไว้เพียงเข้าใจเจ้าของภาษาเขาใช้กันแบบนี้ ฉันก็จะใช้แบบนี้เหมือนกัน! พอท่านผู้อ่านใช้เวลาในการศึกษาไปนานๆเข้าก็จะเข้าใจไปเองครับ
สิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปข้างหน้า ผมอยากให้ท่านผู้อ่านนั้น ทำเป็นกิจวัตรประจำวันไปเลยก็ได้ หากท่านผู้อ่านสังเกตลูกหลานของท่านเองท่านก็จะเข้าใจว่าที่พวกเขาถาม สาเหตุที่พวกเขาพูดเยอะไม่หยุดหย่อน เพราะเป็นกระบวนการทักษะที่ธรรมชาติได้สร้างให้พวกเขาเองนั้นเกิดการเรียนรู้ขึ้น
คือต้องหัดเป็นคนช่างถาม – เป็นวิธีเลียนแบบหนูน้อยทั้งหลาย เหตุผลนั้น นอกจากผมจะต้องการให้ท่านผู้อ่านถามคำถามเป็นภาษาอังกฤษได้แล้ว สิ่งที่ท่านจะได้รับกลับมาคือคำตอบ เป็นภาษาอังกฤษอันยาวเหยียดจากผู้ที่ท่านพูดด้วย แต่หากผู้ที่ท่านถามไม่ใช่ฝรั่ง ผมพอจะมีทางลัด พึ่ง Youtube เลยครับ ผมมีตัวอย่าง
คลิปนี้เป็นบทสัมภาษณ์ของนาย Anderson Cooper จาก CNN ถามเด็กเกี่ยวกับสีผิว (เนื้อหาในคลิปอันนี้เกี่ยวข้องการ racismในสหรัฐอเมริกา) สังเกตการใช้ประโยคในการถามนะครับ และการตอบของเด็กๆซึ่งฟังได้ง่ายมาก ท่านผู้อ่านเองก็สามารถเลียนแบบน้ำเสียงหรือสำเนียงได้เช่นกัน ส่วนอีกคลิปหนึ่ง เป็นพิธีกรลูกครึ่งสัมภาษณ์ทาทายังเป็นภาษาอังกฤษฟังง่ายน่ะครับ แล้วเป็นคนที่พูดไม่เร็วเกินไป ตามลิงค์นี้ไปได้เลย
อีก เหตุผลหนึ่งที่ผมอยากจะให้ท่านผู้อ่านฝึกถามคำถามให้เก่งๆ
ประการแรกนะครับ หากท่านผู้อ่านอยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องพูดกับชาวต่างชาติแต่ยังพูดภาษาอังกฤษยาวๆไม่คล่องมาก จะได้สามารถยิงคำถามง่ายๆไปได้ เพื่อให้บทสนทนาไหลลื่นไปได้เรื่อยๆ (ผมรอดจากสถานการณ์ เงียบกริบแบบนี้ได้มาหลายครั้งเพราะผมชอบถาม ผมเองก็ได้เรียนรู้จากผู้ตอบอีกทางหนึ่งด้วย)
เมื่อลักษณะแรกของเด็กนั้นเป็นการฝึกถามเป็นภาษาอังกฤษ อย่างที่สองก็คือลักษณะนิสัยการเล่าเรื่องของเด็กๆ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากให้ท่านผู้อ่านฝึกพูด ถึงแม้ว่าจะไม่มีอาจารย์หรือเพื่อนเจ้าของภาษามาคอยแก้คำพูดให้ แต่ท่านผู้อ่านสามารถเลียนแบบจาก บุคคลต่างๆ ใน Youtube ได้ครับ
เวลา เด็กๆเล่าเรื่อง เด็กมักจะพูดง่ายๆ แต่สามารถเล่าได้เป็นฉากๆ จากในตอนที่แล้วที่ผมให้ท่านผู้อ่านดูคลิป สิ่งที่ท่านผู้อ่านจะต้องหมั่นสังเกตและบันทึกตลอดเวลา ซึ่งนอกจากจะใช้วิธีการเลียนแบบแล้ว ****ท่านผู้อ่านต้องศึกษาเรื่องโครงสร้างประโยค ฟังบ่อยๆ จนเราสามารถพูดกับเองได้ว่า “อ๋อ เขาพูดกันอย่างนี้เอง”******
ในการเล่าเรื่องนั้น เรามักจะพูดถึงบุคคลที่สามอยู่บ่อยครั้ง ด้วยวิธีดังกล่าวนี้ผมมีคลิปจะให้ท่านผู้อ่านดู ลองชมคลิปนี้กันเลยครับ
ตอนต่อไป-เคล็ด(ไม่)ลับเสริมทักษะ
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้