หวัดดีฮ่ะ มิตรรักแฟนเพลง เอ้ย! ผู้อ่านทุกท่าน
วันนี้เดี๊ยน"คุณนายจอม" ขอมาโซโล่เดี่ยวเองบ้างตามคำขอของคุณ "ฉิกซิงแซ " และ เพื่อมิให้เป็นการซ้ำซากจำเจเบื่อหน่าย จะขอเปลี่ยนรูปแบบรายการเป็นการตอบจดหมายจากทางบ้านแทนนะคะ
ครือแบบว่า จะให้เดี๊ยนพร่ำเพ้อพรรณายาวๆแบบคุณ"ซะมี" อย่างงั้นเนี่ย มันไม่ไหวจริงๆ เพราะ อิชั้นเป็นคนพูดน้อยแต่ต่อยหนัก ไม่ชอบพูดอะไรไร้สาระ น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงอะไรทำนองนั้น อุ๊ย! รู้สึกว่าชักจะน้ำลายแตกฟองซะแล้ว งั้นเริ่มกันเลยดีกว่า
- ก่อนอื่นต้องขอหลอกด่า เอ้ย! ชื่นชมก่อนค่ะ ว่ามีเนื้อหาสาระดีมาก แต่จากการติดตามอ่านมานานแล้ว มันยังไม่ไปถึงไหนซักที มัวแต่วนไปเวียนมาแต่เรื่องเดิมๆ เมื่อไหร่จะเข้าเนื้อหาว่า ทำไงถึงจะทำให้ลูกเรียนเก่งโคตรๆซักทีล่ะคะ จาก แม่fast foods
ขอบคุณมากๆค่ะ ที่ติดตามอ่านกัน เป็นกำลังใจที่ดีมากๆๆๆฮ่ะ(แม้ว่าจะมีการ"ชิ่ง"หลอกด่าบ้างก็ไม่เป็นไร)
ถามมาว่าทำไมมัวแต่เต้นฟุตเวิรค์อยู่นั่นแหล่ะ ไม่ยอมบอกเทคนิคการเรียนเร็วๆซักทีล่ะ
คืองี้ เดี๊ยนคิดว่าในการสอนลูกของเราให้เป็นคนเก่งเนี่ย มันต้องเริ่มจากตัวคุณพ่อคุณแม่ก่อน คือ ถ้าเราอยากจะบ่มเพาะให้ลูกเราเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น คนที่ต้อง"เปลี่ยน"ก่อนก็คือตัวคุณพ่อคุณแม่นั่นแหล่ะค่ะ ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราก่อน คือ เปลี่ยน"ทัศนคติ"ในเรื่องการศึกษาซะก่อน
เดี๊ยนอยากให้มองว่า การให้การศึกษากับลูก คือ การเฝ้าดูแลลูกให้เจริญงอกงาม (education is growth) ก็คือการรดน้ำ พรวนดิน ตกแต่งกิ่งใบ และ ชื่นชมดูแลอย่างทะนุถนอม ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงทีละน้อยๆ มากกว่าจะเป็นการเร่งใส่ปุ๋ย และ ฉีดยาฆ่าแมลงให้อย่างไม่บันยะบันยังเพื่อเร่งให้มันโตเร็วๆแบบนั้น
ดังนั้น ใจเย็นนิดนึงนะคะ เรื่อง"ทัศนคติ" นี่แหล่ะที่เป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องค่อยๆเปลี่ยนแปลง ต้องใช้เวลา ดังนั้น เดี๊ยนเลยอยากให้เวลากับตรงนี้มากๆหน่อย ส่วนเรื่องเทคนิคนี่ไม่ต้องกลัว มีแน่ๆ
- คือที่อ่านๆมา มันก็ดูดีหรอกค่ะ แต่ให้สอนเราลูกเองเนี่ยนะ ไม่มีทางหรอก ไม่มีทางทำได้แน่ๆ จากแม่แป๋ว
ถ้าคุณคิดเสียอย่างนี้ตั้งแต่ต้น คุณไม่ผิดหวังแน่....คือคุณไม่มีทางทำได้แน่ๆ!
ทัศนคติแบบนี้มันแพ้ตั้งแต่ต้นแล้ว เปลี่ยนซะ...แป๋ว รีบเปลี่ยนความคิดซะใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีทางของมันทั้งนั้นแหล่ะ มีมากหรือมีน้อยก็ว่ากันไป แต่ถ้าเราพยายามมองหาดีๆ มันก็จะมีทางให้เราเดินไปข้างหน้าไปเสมอ
- คนตัวเล็กๆอย่างเรา จะไปทำอะไรได้ เดี๋ยวซักพักคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองเขาก็เปลี่ยนหลักสูตรการศึกษากันอีก อยู่เฉยๆดีกว่า ปล่อยให้ครูเขาสอนลูกเราเองน่ะดีแล้ว จากพ่อจิ๋ว
บ้าแล้ว...คุณท่าจะบ้าแล้ว ไม่มีใครตัวเล็กหรอก เว้นแต่ว่าคุณเชื่อว่าคุณตัวเล็ก ถ้าคุณคิดว่าตัวโต...ตัวคุณก็โต คุณยกย่องและไว้ใจคนอื่นมากเกินไปหน่อยแล้วมั๊ง คุณเล่นไปยกให้คนอื่นเป็นคนใหญ่คนโต แล้วยอมรับสภาพตัวเองอย่างผิดๆว่าเป็นคนเล็กๆ สู้เขาสิ...จิ๋ว ต้องเชื่อว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้
- หลังจากอ่านเสร็จแล้วรู้สึกฮึกเหิมมั่กๆค่ะ คอยดูนะ เดี๋ยวจะทำให้ยัยพวกนั้นที่เคยดูถูกลูกชั้นให้เห็นดีกันซักที ว่าลูกบิ๊กของชั้นเนี่ยมันแน่แค่ไหน จากแม่บิ๊ก
เอ่อ...คือไม่รู้ว่าคุณพี่เตรียมตัวจะไปรบกับใครที่ไหนหรือเปล่าคะ
คือฟังดูมันก็ดูเข้มแข็ง น่ากลัวดีอ่ะค่ะ แต่กลัวว่ามันจะดูเข้มแข็งแต่เปลือกล่ะไม่ว่า คืออิชั้นคิดว่าคุณไม่จำเป็นต้องไปแสดงให้ใครต่อใครเขาเห็นว่าคุณแน่แค่ไหนก็ได้
หากคุณตั้งจุดหมายในการสอนลูกเราเพียงแค่ให้คนอื่นเขารู้ว่าคุณแน่แค่ไหน ก็แสดงว่า คนอื่นๆและความเห็นของคนเหล่านั้นช่างมีความสำคัญกับชีวิตคุณซะเหลือเกิน ชีวิตอันแสนสั้นของเรามีค่าเพียงแค่นั้นเองเหรอ ทำไมเราถึงต้องมัวแต่ไปแคร์ว่าใครเขาคิดกับเรายังไง เขาจะคิดยังไงกับคุณก็ได้ตั้งแต่แม่พระจนไปถึงนางร้ายในละคร ปล่อยเขาไปเถอะ...บิ๊ก ไม่ต้องไปสนใจเขา แต่จงสนใจลูกของคุณ และ ความสุขในชีวิตคุณให้มากขึ้น น่าจะดีกว่านะ
- ทำยังงี้แล้ว ไม่รู้ว่าครูเขาจะโกรธเอารึเปล่า จากคุณแม่ขี้เกรงใจ
- ไม่มั่นใจในความรู้ตัวเอง กลัวจะสอนลูกไม่ได้ จากแม่ต๋อย
จะไปกลัวทำไมล่ะคะ ก็ในเมื่อสิ่งที่คุณทำนั้นคุณได้คิดดีแล้ว
เคยได้ยินคำโบราณมั้ยคะ "Je pense, donc je suis"
หรือ "I think, therefore I am"
แปลเป็นไทยอีกทีว่า "ฉันคิด ฉันจึงเป็น"
คุณคิดอยากเป็นคนแบบไหน คุณก็มักจะได้แบบนั้นแหล่ะ
ถ้าคุณคิดดีทำดีแล้ว มันจะออกมาดีแน่ๆ
อย่าลืมว่า ชีวิตคุณอยู่บนพื้นฐานของความคิด และ ความสามารถของคุณเอง ไม่ได้เกิดจากความคาดหวังของคนอื่น หรือ สังคม
สำคัญที่ว่า อย่าประเมินตัวเองต่ำเกินไป(don't underestimate yourself)
ยกตัวอย่างเช่น มีคนข้างบ้านมาดูถูกว่าคุณเนี่ย...โง่มาก
จริงๆแล้วมันไม่ได้สำคัญอะไรเลย
มันสำคัญที่ว่า คุณเชื่อสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่า
ถ้าคุณเชื่อว่าคุณโง่ ...คุณก็โง่ แค่นั้นเอง
จริงๆแล้วทุกๆคนมีความ"เก่ง"ซ่อนอยู่ในตัวกันทุกคน
ขึ้นอยู่ที่ว่าคุณจะตระหนักถึงความจริงข้อนี้ และ พยายามขุดมันขึ้นมาใช้หรือเปล่า
คุณรู้มั้ย จริงๆแล้วเด็กที่เรียนเก่งน่ะ ไม่ได้ฉลาดกว่าเด็กที่เรียนไม่เก่งหรอก ที่เขามีเหนือกว่าจริงๆแล้ว อาจเป็นเพียงแค่"ทัศนคติ"ต่อการเรียนของเขาดีกว่าแค่นั้นเอง หลังจากนั้นสิ่งอื่นๆมันก็จะตามมาเอง
เรื่องสอนลูกน่ะ คิดซะว่าอย่างน้อยคุณก็เก่งกว่าลูกอยู่แล้ว ดังนั้น คุณก็ต้องเก่งพอที่จะสอนลูกตัวน้อยได้แน่ๆ
ดังนั้น อย่าไปกลัวสิ...ต๋อย สู้เขา!!!
- คือแบบว่า ถ้ามีเพื่อนที่ซี้ๆกันมาน้าน...นาน จู่ๆเขาเข้ามามา"ทอดสะพาน"ให้เรา เราควรข้ามไปดีไหมคะ แล้วถ้าเกิดเราเองก้อกำลังคิดจะ"ทอดสะพาน"ไปให้เพื่อนอีกคนนึง หนูควรจะทำยังไงถึงจะดูไม่น่าเกลียดคะ จากเด็กมีปัญหา
อึ้ง!....หนูมาผิดที่แล้วมั๊งค่ะ คือที่นี่เขากำลังพูดถึงการสอนลูกของคุณพ่อคุณแม่กันอยู่นะคะ ไม่ใช่คอลัมน์ปัญหาชีวิตและหัวใจของศิราณีซักหน่อย
แต่เอาเหอะ ไหนๆก็หลงมาแล้ว ก็จะตอบให้
คือ หนูไม่ได้บอกรายละเอียดของ"สะพาน"กับ"ผู้ข้าม" มาเลยนะ
แต่ถ้าคิดจะ"ข้าม"สะพานไปจริงๆ อย่าลืมถามตัวเองด้วยว่า
หากวันใดที่มีเหตุฉุกเฉินจนต้องโดดลงจากสะพานจริงๆ
หนูพอจะว่ายน้ำข้ามไปหาฝั่งไหวมั้ย
และ ถ้าหนูคิดจะ"ทอดสะพาน"ให้ใครซักคน
หนูก็ควรจะมีจินตนาการ และ ออกแบบสะพานอย่างมีรสนิยม
และอย่าเพิ่งรีบลงมือสร้าง จนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเอื้อให้ดูเหมือนว่ามัน"บังเอิญ"
pomjom.bloggang.com
Create Date : 21 มกราคม 2552
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้