เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ครู-แพทย์เผยเทคนิคเลี้ยงลูกอย่างสร้างสรรค์

Photobucket

เป็นที่ทราบกันดีว่า โลกสีน้ำเงินที่เราอาศัยอยู่นี้กำลังก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และต้องการสิ่งใหม่ ๆ มาเติมเต็มส่วนที่ขาดไปอยู่เสมอ การเลี้ยงดูบุตรหลานในโลกยุคนี้จึงไม่เพียงแต่ต้องมองให้รอบด้าน หากยังต้องเติมสิ่งดี ๆ ให้กับอนาคตของชาติ เพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะก้าวขึ้นมาเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่ารุ่นต่อไป แต่คำถามก็คือ การเลี้ยงลูกอย่างสร้างสรรค์นั้นควรมีแนวทางหรือหลักยึดอย่างไร ในจุดนี้ อาจารย์วิวรรณ สารกิจปรีชา คุณครูใหญ่แห่งโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ หนึ่งในผู้คร่ำหวอดในแวดวงการศึกษาปฐมวัยกล่าวให้ความเห็นว่า

"การเลี้ยงเด็กอย่างสร้างสรรค์คือผู้ใหญ่ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ต้องเข้าใจความรู้สึกนึกคิด ความสามารถในการรับรู้ของลูก โดยเฉพาะในเด็กเล็ก หลายครั้งที่เด็กแยกความจริง กับจินตนาการไม่ออก มันคาบเกี่ยวกันอยู่ ดังนั้นเมื่อสิ่งที่เด็กตอบออกมาไม่ตรงกับความเป็นจริง ผู้ปกครองจึงไม่ควรสรุปว่าลูกโกหก เพราะความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเด็กยังไม่มีความเด่นชัดมากนัก เขาจึงใช้จินตนาการของเขาเป็นตัวตอบแทน"

"ยกตัวอย่างเรื่องของจินตนาการในเด็ก เวลาเด็กเล่นซ่อนหากัน เด็กซ่อนหัวอยู่หลังต้นไม้ พอตัวเองมองไม่เห็นใครก็นึกว่าตัวเองซ่อนพ้นแล้ว แท้ที่จริงก้นโผล่ออกมาตั้งเยอะ เพื่อนก็เห็นได้ง่าย ๆ ในจุดนี้ ผู้ปกครองจึงต้องเข้าใจในพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัย และรู้จักเลือกสื่อที่ส่งเสริมเขาในทางที่ถูกต้อง"

"ปัจจุบันมีผู้ปกครองหลายท่านสับสนกับพฤติกรรมของเด็ก และมองว่าลูกตนเองมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น การร้องไห้งอแงไม่ยอมไปเรียนหนังสือ และบอกพ่อแม่ว่าครูดุ เราก็ต้องมาพิจารณาว่าครูดุจริงหรือเปล่า เพราะบางครั้งอาจเกิดจากจินตนาการของเด็กที่คิดเกินไปเองก็เป็นได้ พ่อแม่จึงไม่ควรดุลูก แต่ควรใช้วิธีอธิบายให้เข้าใจ" นอกจากนั้น หากพิจารณาถึงคำสอนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ หรือแม้แต่งานวิจัยต่าง ๆ ล้วนมีบทสรุปไปในทิศทางเดียวกันว่า เด็กจะเลียนแบบการกระทำจากบุคคลรอบข้าง หาใช่สิ่งที่ผู้ใหญ่พร่ำสอนไม่ ดังนั้น พ่อแม่และผู้เลี้ยงดู ตลอดจนชุมชนแวดล้อมจึงมีอิทธิพลต่อพัฒนาการของเด็กอย่างมากที่จะช่วยสกัดกั้นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่าง ๆ ของเด็ก เช่น การพูดไม่เพราะ การไม่มีสัมมาคารวะ การขาดศีลธรรมจริยธรรม และการหมกมุ่นอยู่กับอบายมุข ให้หนีห่างออกไป

"เรื่องของสัมมาคารวะ การพูดจาด้วยถ้อยคำไพเราะ รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น สิ่งเหล่านี้เราต้องปลูกฝังแต่เล็ก ๆ ถ้าเด็กเห็นเราทำตลอดเวลา รับรองมันมีการซึมซับเข้าไปอยู่แล้ว และที่สำคัญ หากเด็กทำสิ่งที่ดีผู้ใหญ่ก็ต้องชม เพราะเด็กจะรู้สึกดีที่มีคนชม นั่นเท่ากับว่ามีคนให้ความสนใจ และกระตุ้นให้เขาอยากทำซ้ำอีก เด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็เช่นกัน หากเขาได้เห็นคนเล่นไพ่ คนกินเหล้า คนปล้นจี้ชิงทรัพย์กันทุกวัน ๆ เด็กก็จะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ เพราะเขาถูกหล่อหลอมมากับสิ่งแวดล้อมเหล่านี้จนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา"

"เคยไปทำกิจกรรมกับเด็กในชุมชนสลัมคลองเตย ในมุมมองของครูจึงมองว่า ต้องใช้ความพยายามอย่างมากกับพวกเขา ต้องหากิจกรรมอื่น ๆ มาดึงดูดใจเพื่อให้เด็กเห็นว่า โลกภายนอกยังมีอะไรน่าทำอยู่ด้วยเหมือนกัน"

ด้านแพทย์หญิงนลินี เชื้อวณิชชากร กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม คลินิคพัฒนาการเด็ก ศูนย์กุมารเวชกรุงเทพ ได้ให้คำแนะนำถึงวิธีการเลี้ยงดูบุตรหลานให้เป็นเด็กดีด้วยการที่พ่อแม่สร้างต้นทุนชีวิตให้แก่ลูก "พ่อแม่สามารถสร้างต้นทุนนี้ได้ด้วยวิธีง่ายๆ แค่ให้ลูกได้มีโอกาสทำสิ่งใหม่ ๆ ไปเจอประสบการณ์ต่าง ๆ ได้ทำงานที่ท้าทายขึ้นตามวัยที่เติบโต แต่ไม่ให้ทำในสิ่งที่ยากเกินความสามารถของเขา ประการที่สอง ต้องให้ลูกมีทักษะทางสังคมในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น แบ่งปันและเล่นกับคนอื่นได้ สามารถปลอบโยนคนอื่นเป็น แก้ไขข้อขัดแย้งโดยไม่ใช้ความรุนแรง รวมทั้งยอมรับในความแตก ต่าง สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ คือให้ลูกได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนหลาย ๆ แบบ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ลูกยอมรับในตัวคนอื่น"
"ประการที่สามมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้และพัฒนา ต้องทำให้เด็กมีแรงจูงใจที่จะทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือฝึกทักษะใหม่ โดยสาเหตุที่ทำให้เด็กปฏิเสธการเรียนรู้มากที่สุด คือ พ่อแม่ไม่ค่อยให้กำลังใจ บั่นทอนกำลังใจลูก ต้องสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ ใช้เวลาร่วมกับลูก จัดกิจกรรมให้เหมาะกับวัยและไม่เกินความสามารถของลูก ถ้าเรากดดันลูกตั้งแต่เล็กๆ เมื่อโตขึ้น เขาจะเบื่อและไม่อยากเรียน พอเจอปัญหาจะกลายเป็นคนที่ยอมจำนนกับปัญหา ทั้ง ๆ ที่ชีวิตที่มีปัญหาเป็นเรื่องปกติ"

"ประการสุดท้ายสร้างค่านิยมที่ถูกต้อง เหมาะสม ห่วงใยคนอื่นเป็น เห็นอกเห็นใจ เข้าใจ และรับรู้ว่าคนอื่นมีความรู้สึกอย่างไร พร้อมกับมีความรับผิดชอบและซื่อสัตย์ บางครั้งที่เด็กใม่พูดความจริง เราไม่เรียกว่าเด็กโกหก แต่ต้องหาสาเหตุ เพราะบางครั้งวิธีที่พ่อแม่ หรือครูสอนเรื่องซื่อสัตย์ กลับกระตุ้นให้เด็กโกหก เพื่อจะเอาตัวรอดเพียงอย่างเดียว"

จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ความสดใสร่าเริง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นธรรมชาติตามวัยที่เด็กปฐมวัยพึงมี และเชื่อว่าพ่อแม่ผู้ปกครองส่วนมากก็ต้องการให้ลูกเจริญเติบโตมาบนพื้นฐานดังกล่าวมากกว่าการส่งลูกเข้าเผชิญความเครียด การแข่งขัน หรืออบายมุขที่อยู่รายล้อมรอบตัว แต่นอกเหนือจากการปล่อยให้เด็กเติบโตขึ้นมาตามธรรมชาติของเขาแล้ว การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม กิริยามารยาท การเข้าใจผู้อื่น การมีเมตตากรุณาต่อคนรอบข้าง ตลอดจนการรู้จักสัมมาคารวะก็เป็นเสมือนวัคซีนป้องกันที่เด็กควรได้รับเช่นกัน และผู้ที่ปฏิเสธหน้าที่ความรับผิดชอบเหล่านั้นไปไม่ได้ก็คือ "พ่อแม่" นั่นเอง

ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์
ขอบคุณ บ้านน้องลูกโช่

Views: 108

Comment

You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!

Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

Comment by สุภาพร(แม่ปั้น฿แป้ง) on January 15, 2010 at 4:19pm
Thank you

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service