เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ขอสัมภาษณ์อาจารย์อ๊อบและอาจารย์รีออกไมค์ค่ะ

ตอนแรกกะว่าจะถามเป็นการส่วนตัว แต่คิดว่าคำถามเราอาจมีประโยชน์สำหรับคนอื่นๆ จึงขออนุญาตถามออกไมค์นะคะ

 

หลายคนคงจะคุ้นเคยกับคุณพี่อ๊อบ (อรนัย) และคุณรี (MommyDearest) กันเป็นอย่างดี ไม่ว่าเราจะตั้งคำถามเรื่องอะไร 2 ปรมาจารย์นี้มักจะเป็นผู้มีอุปการะคุณเสมอ

 

วันนี้จึงขออนุญาตถามลึกถึงเบื้องหลังความสำเร็จหน่อยค่ะ (เหมือนสัมภาษณ์ดาราเลย)

ตอบเท่าที่ตอบได้นะคะ อยากรู้เพื่อนำไปพัฒนาตัวเองค่ะ

 

1. สมัยเรียน จบจากที่ไหน ด้านไหนคะ

2. เก่งภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ หรือเปล่า

3.เคล็ดลับในการพัฒนาตัวเองให้เก่งภาษาอังกฤษมีอะไรบ้างคะ

4. ก่อนที่จะฝึกลูกให้เป็นเด็กสองภาษา ได้พูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันหรือเปล่า

 

คนอื่นๆ สามารถเข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องเป็นพี่อ๊อบและคุณรีก็ได้ค่ะ

Views: 2258

Replies to This Discussion

อยากรู้ด้วยคนค่ะ
ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณมากเลยนะคะที่ให้เกียรติชมนะคะ รีเองไม่ได้เก่งอะไรหรอกค่ะ เรียนรู้จากชีวิตประจำวันเนี่ยแหละค่ะ

อายนะเนี่ยมาให้ตอบอย่างเนี้ยค่ะ
เดี๋ยวตามพี่อ๊อบมาเป็นเพื่อนร่วมชตากรรมแล้วกันนะคะ

1. เรียนจบ มหาลัยเอกชนค่ะ เพราะสอบรัฐบาลไม่ติด ตอนนั้นสอบเทียบกำลังฮิต เลยสอบเทียบเอา ประจวบกับเป็นเด็กเกเร ไม่ตั้งใจเรียนค่ะ เรียนเอาผ่านๆ เลยสอบเข้าเอกชนใกล้ๆบ้าน ที่รังสิตค่ะ เรียนวิดวะคอมพิวเตอร์ค่ะ

2. ไม่ค่ะ เรียนโรงเรียนรัฐมาตลอดตั้งแต่อนุบาลยันมอ 5 ค่ะ เริ่มเรียนอังกิด ตอนปอ 5 พ่อแม่ย้ายบ่อยเพราะรับราชการเลยไม่ตั้งใจเรียนหนักไปเลยค่ะ มาเรียนมหาลัยก็ไม่ได้สนใจภาษาอังกิดค่ะ

3. ก่อนมาเรียนต่อ ปอ โท ที่เมกา เรียนเพิ่มแกรมม่าที่ สงวนค่ะ แต่ได้แต่แกรมม่าไว้สอบโทเฟลจริงๆ ที่เหลือพวกฟังเขียนเนี่ยมาตายเอาดาบหน้าค่ะ มาเรียนต่อโทที่นี่ตอนปี 2000 มาอยู่กับเพื่อนพี่สาว ตอนที่เขียนจดหมายเพื่อส่งใบสมัครปอโท เพื่อนพี่สาวหัวเราะขำกลิ้งเพราะแกรมม่าผิดเยอะมาก พูดก็ผิดๆค่ะ พอมาเจอสามีก็มาอยู่ที่นี่ปีกว่าแล้ว วันแรกที่คุยกันเค้าบอกว่าฟังเราพูดไม่รู้เรื่องเลย ถามว่าปรับปรุงภาษาตัวเองยังไงเหรอ โดยตัวเองทำตัวให้หน้าด้านค่ะ ยอมรับในการแก้ไขจากคนรอบข้าง คำไหนพูดผิด บอกคนรอบข้างให้ช่วยแก้ให้ ไม่ใช่แค่สามี แต่รวมไปถึงเพื่อนๆรอบข้างด้วย อาศัยฟังผ่านว่าคำไหนไม่เข้าใจถามเลยหรือหาเลยว่าแปลว่าอะไร ไม่ปล่อยเลยค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังเรียนรู้คำใหม่ๆอยู่ทุกวันค่ะ

4. ก่อนที่จะมีลูกเนี่ยใช้ภาษาอังกิดในชีวิตประจำวันตลอดมาแปดปีค่ะ ลูกสาวเกิดปี 2008 มาอยู่นี่ปี 2000 ค่ะ
อ้าว! พี่รีไม่ใช่เป็นพยาบาลเหรอคะ???
เรื่องมันยาวนะรัตน์เขียนเป็นหนังสือเล่มนึงจะจบหรือเปล่าเนี่ย แบบว่าชีวิตมันรันทดอ่ะ
หนังสือตีพิมพ์เมื่อไรบอกด้วยนะคะพี่ อิอิ
น่าสนใจมากค่ะ แพทก็เรียน IT มาแต่ใจจริงก็อยากเป็นพยาบาลมาตั่งแต่เด็กนะค่ะ
ป๊าดดด พี่สาวแน่นอนมาก
รีเคยเขียนเอาไว้ที่บล็อก เลยก๊อบมาให้อ่านนะคะ ภาษาอังกฤษ เก่งได้ ใช้เวลาและความพยายามค่ะ

ประสบการณ์ของแม่
เริ่มโดย Mommy Dearest เมื่อ 08/10/2009 เวลา 3:00am

เรื่องนี้อยากเล่าเก็บเอาไว้ เป็นประสบการณ์ส่วนตัว ที่อาจเรียกความมั่นใจของใครหลายๆคนกลับมา

ตั้งแต่เล็กๆ พ่อดิชั้นสอนมาว่า อย่าย่อท้อ คนเราเกิดมาสมอง ความฉลาด แตกต่างกันไป
แต่สิ่งที่จะทำให้เกิดความแตกต่างนั่นคือ "ความพยายาม" พ่อของดิชั้นเองไม่ได้เกิดมาร่ำรวย สอบเข้าเรียนได้มหาลัยมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งแต่ต้องอาศัยอยู่วัดเพราะไม่มีเงินที่จะไปเช่าห้องอยู่เหมือนคนอื่นเค้า แต่พ่อก็ไม่เคยย่อท้อ เรียนจบจนรับราชการ หน้าที่สุดท้ายก่อนที่จะ retire คือ รองผู้ว่าราชการจังหวัด

พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนพ่อเรียนอยู่ พ่อมีความสนใจในภาษาอังกฤษ แต่ไม่มีเงินไปซื้อหนังสือพิมพ์หรือหนังสือดีๆอ่านเหมือนคนอื่นเค้า พ่อเล่าว่า อาศัยอ่านตามถุงกล้วยแขก อ่านตามห้องสมุด จนทุกวันนี้พ่อคุยกับฝรั่งได้ ถึงจะไม่คล่องแคล่ว แต่เอาตัวรอดได้ดี บางทีคำศัพท์ที่พ่อใช้ เป็นศัพท์ขั้นสูงถึงตัวดิชั้นเองก็ยัง "ทึ่ง"

ตัวดิชั้นเองตั้งแต่เด็ก มีพ่อนี่แหละ เป็น idol ส่วนตัวมาตลอด พ่อคอยปลูกฝังว่าต้องมีความพยายาม เมื่อเรามีความพยายามแล้วความสำเร็จมันก็อยู่ไม่เกินเอื้อม เพราะหน้าที่ราชการของพ่อ ทำให้ครอบครัวของเราต้องอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง ย้ายที่อยู่กันทุกสี่ปี ตัวพ่อและแม่เชื่อว่าครอบครัวต้องอยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้นไปไหนไปด้วยกันตลอด ส่วนการศึกษานั้น พ่อเชื่อมั่นในระบบการศึกษาของรัฐ เพราะฉะนั้น ดินชั้นและพี่สาวจึงเรียนโรงเรียนของรัฐบาลมาตลอด ถ้าใครได้ผ่านระบบการศึกษาของรัฐบาลมาตั้งแต่สมัยก่อน (รุ่นของดิชั้น) การเรียนการสอนสมัยนั้น A B C D เนี่ยไม่ได้เริ่มเรียนกันตั้งแต่ อนุบาล กว่าจะได้เริ่มท่อง A B C ก็โน่น ป. 5 เวลาเรียนก็ท่องเอา สำเนียงก็เอาตามครู ซึ่งหวังเถอะนะคะจะเหมือนเจ้าของภาษาเค้า พอเริ่มจับผลัดจับผลูเรียนมาจนถึง มัธยมปลาย ได้เข้ามาเรียนโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งแถบหัวลำโพง ก็เลือกเรียนสายวิทยาศาสตร์ เพราะภาษากับตัวเองเหมือนน้ำกับน้ำมันไม่เข้ากันเลยจริงๆ เข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องใช้-ภาษา เมื่อไรที่มีวิชาภาษาอังกฤษก็ถูๆไถๆ เอาตัวรอดแบบเฉียดฉิวมาได้ตลอด

เรียนจบ พ่อประกาศมาแบบสายฟ้าฟาด "จะส่งไปเรียนทำโท" เอ่อ แล้วจะไปคุยกับเค้าได้ยังไง พ่อส่งไปเรียนติวภาษาอังกฤษในสมัยนั้น โรงเรียนกวดภาษาของอาจารย์สงวน สมัยก่อนดังมาก ไม่รู้สมัยนี้ยังดังอยู่หรือเปล่า เรียนอยู่สักพัก ไปลองสอบโทเฟลดู แหมม ไม่อยากจะบอกคะแนนค่ะ อายเพราะความเก่งของตัวเอง ได้คะแนนมา 490 ประมาณนี้ เรียนอยู่อีกพัก สอบไปอีกครั้งสองครั้ง พ่อบอกไม่ไหวแล้วกว่าคะแนนจะกระเตื้องคงเหนียงยานไม่ได้ไปเรียนแน่ๆ จัดการส่งลูกมาเรียนทันที

ทุกอย่างผ่านไปมันไวจริงๆ เก้าปีที่แล้วดิชั้นเลยได้มีโอกาศมาเรียนที่อเมริกา มาเรียนครั้งแรก นอกจาก เขียนไม่เก่ง ฟังไม่เก่ง ยังพูดไม่ได้อีกแนะ เจอฝรั่งนอกจากจะพูดไม่ได้ ปากไม่อ้า แถมขายังสั่นอีกแนะ แต่ดิชั้นเองไม่เคยย่อท้อ เริ่มรวบรวมความกล้า ขยันพูดกับฝรั่ง ขยันฟัง คำไหนฟังไม่ทัน ไม่เคยอายบอกเค้าไปตรงๆไม่เข้าใจ ไม่เคยปล่อยเลยไปด้วยรอยยิ้มกลบเกลือน
หนึ่งปีผ่านไป เชื่อว่าตัวเองแน่ ลองสอบโทเฟลอีกรอบ 560 ยิ้มแก้มแทปปริ(ถึงจะได้ไม่ถึง 640 ก็เถอะ) ทีนี้แหละเข้ามหาลัยได้แล้ว

เข้ามหาลัยได้แล้ว อาทิตย์แรกที่เข้ามหาลัย เจอผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อ Michael แปดปีผ่านมาผู้ชายคนนี้มีส่วนมากมายที่ทำให้ภาษาของดิชั้นดีขึ้น อาทิตย์แรกที่เจอกัน เราคุยโทรศัพย์กันได้นานทุกคืน คืนละสองสามชั่วโมง ที่น่าตลกคือ เค้ามาสารภาพทีหลังว่า ไม่ได้เข้าใจเลยว่าเรานั้นพูดอะไร ดิชั้นเริ่มบอกเค้าว่านอกจากแนะนำแล้วว่าสมควรที่จะพูดอย่างไร เมื่อพูดผิด ให้จับผิดทันทีแล้วแก้ให้ด้วย แรกๆก็อาย แต่พอทำไปก็ชิน ไม่เท่าไรดิชั้นก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง คนรอบข้างเริ่มเข้าใจเรามากขึ้น ทีนี้ดิชั้นก็เริ่มลามไปถึงเพื่อนรอบข้าง บอกเพื่อนๆดิชั้นพูดผิดตรงให้ให้แก้ให้ จนบางทีเพื่อนๆถึงขนาดเอาไปล้อ

แปดปีผ่านไป ดิชั้นได้ยินคำชมจากคนรอบข้าง หรือ คนไข้บ่อยๆว่า "ภาษาดิชั้นดี" ที่พูดนี้ไม่ได้เป็นการอวด แต่อยากจะบอกทุกคนว่า ความพยายามของดิชั้นไม่ได้เสียเปล่า ความสำเร็จอาจจะมากับเวลาที่ยาวนาน ถ้ายังไม่เห็นพัฒนาการในเวลาสั้นๆ อย่าย่อท้อ ทุกวันนี้ดิชั้นก็ยังเรียนรู้ทุกวัน มีอะไรใหม่ๆให้ได้รู้

คำนึงที่ดิชั้นได้ยินจากเพื่อนรุ่นพี่ใน English club นี้โดนใจดิชั้นมาก "practice makes perfect"

สำหรับเพื่อนๆที่พยายามเรียนรู้ภาษาอังกฤษอยู่ อย่าย่อท้อนะคะ หวังว่าประสบการณ์เล็กๆน้อยๆของดิชั้นเอง จะเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆได้ "ฝันให้ไกล ไปให้ถึง" ค่ะ

สวัสดีค่ะ อาจารย์รี อย่าว่าแต่อาจารย์รีได้เรียนภาษาตอนป.5เลยค่ะ

จาเองก็เหมือนกัน แถมออกเสียงก็ยังผิดๆถูกๆเพี้ยนๆไปหมด

พอมาถึงตอนนี้ จะสอนภาษาที่ 2 ให้ลูก เลยกลายเป็นเรื่องที่จาหนักใจมากๆ

แต่หลังจากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านเด็กสองภาษา ความกังวลเริ่มจางหายไปแล้วค่ะ^^~

ต้องขอบคุณนะคะ ที่เข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ

 

((พี่อ้อ แนะนำมาอ่ะคะ ว่าอาจารย์ของพี่อ้อ คือ อาจารย์อ๊อบและก็อาจารย์รี^^~

และที่สำคัญก็คุณบิ๊ก ผู้ก่อตั้งหมู่บ้าน))

เจี๊ยก!!!! มิน่านอนไม่หลับกระสับกระส่ายที่แท้โดนพาดพิงนี่เอง....5555++
ขอบคุณน้องอ้อมากเลยที่ให้เกียรติ....สารภาพความในใจว่าจริงๆแล้วรู้สึกเกรงใจที่เพื่อนๆเรียกว่าครูล่ะคะ เพราะว่าไม่ได้เก่งและแม่นถึงขั้นนั้นอ่ะค่ะ คิดว่าคนเราจะเป็นครูได้ต้องเก่งมากๆ หรือผิดให้น้อยที่สุด เพราะต้องเป็นแบบอย่างให้คนอื่นตาม...การ "ได้ตอบ" กระทู้ในนี้มาจากอยากฝึกหัดตัวเองมากกว่า เพราะคิดว่า practice makes perfect ยิ่งตอบมาก หัดมาก ยิ่งรู้มาก ได้ฝึกตัวเองล่วงหน้า บางข้อก็ได้เอาไปใช้จริงๆ...ชอบห้องอิงลิชสมัยก่อนที่พอเราลองตอบก็มีคนเก่งๆอย่างแพท รี ฯลฯ มาช่วยบอกว่าตรงไหนผิด ช่วยกันแก้ไข...แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่มายุคหลัง ดูจะเกร็งกันไป...เพื่อนคนอื่นๆก็เลยไม่กล้ามาตอบแล้ว....ซึ่งเป็นการปิดทางฝึกฝนเป็นอย่างมาก อ่ะ..ตอบข้อสัมภาษณ์ของน้องอ้อนะค่ะ

1 จบจากมศว.ประสานมิตรค่ะ มนุษศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษค่ะ อ้างอิงสถาบันถ้าวันไหนตอบผิดอย่าว่าถึงสถาบันที่รักของเค้าน้า....อิอิ

2 ไม่เก่งค่ะแต่กล้ามากกว่า กล้าพูด กล้าถาม

3 ฝึกฝนอยู่เสมอ อ่านหนังสือออกเสียงเพื่อฝึกสำเนียง ศึกษาเพิ่มเติมตลอด เช็คการออกเสียงตลอด

4 ก่อนมาทำงานควบสองตำแหน่งเป็น Full time maid & Full time mom เช่นทุกวันนี้ เคยทำงานให้บ.สายการบิน Qantas เป็นพนักงานภาคพื้นค่ะ ก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอด แต่...ใช่ว่า..จะเอาประสบการณ์ตรงนั้นมาได้เลยนะค่ะ เรื่องศัพท์ไม่เกี่ยวกันเลย แต่อาจจะได้สำเนียงที่เฝ้าเพียร "เลียนแบบ" ผู้โดยสารเวลาได้ยินใครพูดคำไหนเพราะ โดนใจก็เลียนแบบมาใช้เลย
อยาเรียนมนุษศาสตร์มากค่ะ เสียใจๆ
โอ้ เอก eng มิน่า ซู้ดยอดไปเลยม่อ๊อบคนสวย ของ TK กะ JJ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service