เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

บทความนี้เกิดจากกระทู้นี้ครับ
http://go2pasa.ning.com/group/englishclub/forum/topics/2456660:Topi...
สำหรับคนที่ไม่ทราบที่มาที่ไป
---------------------------------------

กาลครั้งหนึ่ง ยังไม่นานเท่าไหร่ เพราะแค่ปี 1906 มีกระทาชายนายหนึ่งชื่อว่า ​​ฟรานซิส​​ ​​กัลตัน ชาวอังกฤษได้เดินทางไปงานแสดงประจำปีของสัตว์เลี้ยง

กัลตันเดินเที่ยวงานจนกระทั่งไปพบ​​​กับ​​ ​​ซุ้มหนึ่ง​​​ซึ่ง​​​จัดแข่งขันทายน้ำ​​​หนัก​​ ​​โดย​​​จะ​​​มีการคัดเลือกแพะตัวอ้วน​​ ​​ๆ​​ ​​ขึ้นมาสักตัวหนึ่ง​​​แล้ว​​​นำ​​​ขึ้นมา​​​ให้​​​ผู้​​​เข้า​​​ชม​​ ​​ทายน้ำ​​​หนักของมัน​​ ​​ใน​​​การทายน้ำ​​​หนัก​​​นั้น​​ ​​ผู้​​​ชม​​​จะ​​​ต้อง​​​วางเงินเดิมพันน้ำ​​​หนักของแพะตัว​​​นั้น​​ ​​โดย​​​ซื้อตั๋ว​​​ซึ่ง​​​ผู้​​​ทาย​​​จะ​​​ต้อง​​​ใส่​​​ชื่อ​​, ​​ที่​​​อยู่​​ ​​และ​​​น้ำ​​​หนักที่ทาย​​ ​​ใครทาย​​​ได้​​ ​​ใกล้​​​เคียงที่สุดก็​​​จะ​​​ได้​​​รางวัล​​​ใหญ่​​​ไป

ภายหลังการแข่งขัน จบลง​​ ​​กัลตัน​​​ได้​​​ขอยืมตั๋วทายน้ำ​​​หนัก​​​ทั้ง​​​หมด​​ ​​จาก​​​เจ้าหน้าที่จัดงาน​​ ​​และ​​​นำ​​​ไป​​​ใช้​​ ​​ใน​​​การวิ​​​เคราะห์ทางสถิติ​​ ​​โดย​​​เขา​​​นำ​​​ผลการทาย​​​ทั้ง​​​หมดจำ​​​นวน​​ 787 ​​คนมาจัดเรียงตามลำ​​​ดับ​​​จาก​​​สูงที่สุดไปต่ำ​​​สุด​​ ​​จาก​​​นั้น​​​นำ​​​ไปพล็อตกราฟ​​ ​​นอก​​​จาก​​​นี้​​ ​​เขา​​​ยัง​​​นำ​​​ผลการทาย​​​ทั้ง​​​หมดมาคำ​​​นวณหาค่า​​​เฉลี่ย​​ ​​ซึ่ง​​​อาจ​​​จะ​​​เรียกว่า​​​เป็น​​ ​​ความ​​​สามารถ​​ ​​หรือ​​​ความ​​​ฉลาด​​ ​​ของประชาชนชาวพลีมัธ​​ (ที่​​​ไปร่วมการทายน้ำ​​​หนักแพะ) ​​นั่นคือ​​ ​​ถ้า​​​ถือว่ากลุ่มคน​​​ทั้ง​​​หมดนี้​​​เป็น​​​คนคนหนึ่ง​​ ​​ค่า​​​เฉลี่ยนี้​​​สามารถ​​​แสดง​​​ถึง​​ ​​ความ​​​สามารถ​​​ใน​​​การทายน้ำ​​​หนักแพะของคนคน​​​นั้น​​​นั่นเอง​​

เดิมกัลตันเชื่อว่า​​ ​​ค่า​​​เฉลี่ยของการทายน้ำ​​​หนัก​​ ​​น่า​​​จะ​​​เบี่ยงออก​​​จาก​​​น้ำ​​​หนักจริงค่อนข้างมาก​​ ​​เพราะ​​ ​​ค่า​​​เฉลี่ยนี้​​​เกิด​​​จาก​​​การผสมผสาน​​ ​​ของคนที่​​​เก่ง​​​และ​​​ฉลาดมาก​​​​ๆ​​ ​​สองสามคน​​​เข้า​​​กับ​​​กลุ่มคนที่​​​ไม่​​​เก่งนักแต่ค่อนข้างดี​​, ​​รวม​​​กับ​​​คนที่ไม่รู้จำ​​​นวนมาก​​ ​​นั่นย่อม​​​จะ​​​ทำ​​​ให้​​​ค่า​​​เฉลี่ยการทายแย่​​​ไป​​​ด้วย​​ ​​แต่ปรากฏว่า​​ ​​เขา​​​คิดผิด​​ ​​

เพราะ​​​น้ำ​​​หนักแพะ​​​เท่า​​​กับ​​ 1,198 ​​ปอนด์​​​ใน​​​ขณะที่ค่า​​​เฉลี่ย​​ ​​ของการทาย​​​เท่า​​​กับ​​ 1,197 ​​ปอนด์​​ ​​ซึ่ง​​​ต่าง​​​กัน​​​เพียงปอนด์​​​เดียว

ซึ่ง​​​กัลตันสรุป​​​ไว้​​​ภายหลัง​​​ใน​​​บท​​​ความ​​​ที่ตีพิมพ์​​​ใน​​​ วารสาร​​ Nature ​​ว่า​​ ​​บางที​​​เรื่องผู้เชี่ยวชาญไม่กี่คนอาจ​​​จะ​​​ไม่​​​มี​​​ความ​​​สำ​​​คัญมากนัก​​ ​​แต่ควร​​​จะ​​​เชื่อมั่น​​ ​​ใน​​​การตัดสินของภูมิปัญญาร่วมมากกว่า

...

นั่นคือจุดเริ่มต้นของหนังสือ Wisdom of crowds ของ James Surowiecki ซึ่งเป็นนักเขียนประจำนิตยสารปัญญาชนอเมริกัน The New Yorker

นายเจมส์พยายามจะนำเสนอประเด็นที่ว่า การที่คิดว่าตัวเองเป็น กูรู้ (Guru- จากด้วยเกรดการเรียน หรืออะไรก็ตาม) การรวบอำนาจข้อมูล นำไปสู่ความคับแคบและการบิดเบือนในระบบตัดสินใจ ในขณะที่การกระจายที่มาของแหล่งข้อมูลและการเปิดกว้างทางความคิด เป็นการสร้างความเป็นไปได้และความช่ำชองเฉพาะทางที่มากที่สุดที่จะช่วย ป้องกันความผิดพลาดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อมูลที่เป็นความรู้ซึ่งบางครั้งอาจไม่เป็น ประโยชน์โดยตรง

Wikipedia.org สารานุกรม ที่อาศัยคนที่สนใจทั้งหมดช่วยกันสร้างเนื้อหา ช่วยกันขัดเกลาเนื้อหา โดยไม่สนใจว่าเขามาจากวิชาชีพใด นี่คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดบนแนวคิดของ ภูมิปัญญาร่วม (Wisdom of crowds) ตอนที่ Jimmy Wales สร้างวิกิพีเดียขึ้นมานั้น ก็โดนพวกกูรู้ทั้งหลายถล่มเขาอย่างหนักว่า ข้อมูลมันจะถูกต้องเหรอ ปล่อยเชื้อมั่วเปล่า เดี๋ยวตกเป็นเหยื่อของคนรู้ไม่จริง แต่จนแล้วจนเล่าพวกกูรู้เหล่านี้ ก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลยบนโลกนี้ นอกจากวิพากษ์วิจารณ์อย่างเมามัน แต่ Jimmy Wales ก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาก็เดินหน้าสร้างวิกิพีเดียต่อ (ดีใจจัง คนดีไม่ท้อแท้) ซึ่งผลตอบรับจากมวลชนดีมาก เพราะเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมด้วยช่วยกันขัดเกลาองค์ความรู้ได้ทันที โดยไม่ต้องไปรอกูรู้จากสำนักไหนมาช่วยตอบ จนปัจจุบันวิกิพีเดียเป็นสารานุกรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว มีบทความกว่า 3 ล้านบทความ 250 ภาษา ช่วยคนบนโลกนี้ได้เยอะแยกมากมาย

อีกตัวอย่างที่อยู่บนพื้นฐานของแนวคิด ภูมิปัญญาร่วมก็คือเกมโชว์ชื่อดังในอเมริกา Who Wants to Be a Millionaire? หรือเกมเศรษฐีที่รู้จักกันในเมืองไทย

โดยในอเมริกานั้น ถ้าผู้เข้าแข่งขันไม่สามารถตอบคำถามได้ ก็จะมีตัวช่วยสามตัว ตัวช่วยแรก คือตัดคำตอบบางข้อที่ไม่ใช้ออก ตัวช่วยที่สองคือ ให้โทรศัพท์สอบถามคนใกล้ตัวหรือเพื่อนสนิทที่คิดว่ามีความรู้ความสามารถได้ และตัวช่วยที่สาม คือให้ผู้ชมในห้องส่งที่มาร่วมชมรายการทุกคนได้แสดงความคิดเห็นผ่านทางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เล็กๆ ที่ติดอยู่กับที่นั่งแต่ละคน ซึ่งผู้ชมเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญอันใด เป็นเพียงแต่คนมานั่งชมรายการเท่านั้นเอง

จากสถิติพบว่า ถ้าเลือกตัวช่วยที่สองคือสอบถามผู้ที่ตนเองคิดว่า "เชี่ยวชาญ" ผู้เชี่ยวชาญนั้นจะให้คำตอบที่ถูก 65% ซึ่งก็ถือเป็นสถิติที่ดีนะครับ แต่พอไปดูตัวช่วยที่สามแล้ว จะพบว่า พวกผู้ชมที่มานั่งในห้องส่งนั้นจะเลือกคำตอบที่ถูกต้องถึง 91% (จริงอยู่ผู้ชมคงจะไม่ได้เลือกคำตอบที่เหมือนกันหมด แต่เขาแสดงให้เห็นว่า ผู้ชมจำนวนเท่าใดที่เลือกคำตอบใดบ้าง และจะพิจารณาจากคำตอบที่เลือกกันมากที่สุด)

ผมทำเว็บ 2pasa.com ขึ้นมาพร้อมกับเขียนหนังสือเล่มนี้ นอกจากแนวคิดการสอนภาษาที่สองแบบ "เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้" แล้ว ผมยังพยายามสร้างวัฒนธรรมร่วมด้วยช่วยกัน บนแนวคิดของ "ภูมิปัญญาร่วม" อีกด้วย ผมไม่ได้สนใจว่าใครจะเก่งภาษาอังกฤษมากน้อย หรือเป็นกูรู้จากสำนักไหน แต่ผมเชื่อภูมิปัญญาร่วมของสมาชิกทั้งหมด ที่เข้ามาช่วยกันขัดเกลาองค์ความรู้ให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด มีคนตั้งประเด็น มีคนช่วยตอบ ตอบแล้วยังดีไม่พอ ก็มีเพื่อนสมาชิกมาช่วยเสริมเพิ่มเติม เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิกมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

นอกจากนี้ยังมีผลพลอยได้เพิ่มเติมก็คือ "เกิดความผูกพันธ์ เอื้ออาทรระหว่างสมาชิกด้วยกัน" แม้สมาชิกหลายคนคนอยู่ไกลมาก ต่างบ้านต่างเมือง ยังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของภูมิปัญญาร่วม ระยะทางไม่ใช่อุปสรรคแต่อย่างใด


พวกกูรู้ได้แต่มองแล้วไม่ได้ทำอะไร ทำให้ผมคิดถึงคำพูดรุ่นพี่คนหนึ่ง ที่ติดประโยคนี้ไว้ที่ห้องเลยว่า Idea without action is Nothing

Views: 738

Replies to This Discussion

ผมไม่เก่งภาษา ยังมีกำลังใจจาก หนังสือ และเวปนี้เลยครับ แต่ว่าจะเปิดเวิร์กช๊อป รุ่นต่อไปเมื่อไหร่อีกครับ
มีใครอยู่สุราษฎร์ บ้างครับ
มีน้องเรอิ-เลอา และคุณจุ๊บแจง (เจเจสมุยค่ะ) ลองทักทายกันดูนะคะคุณพ่อ
นี่แหละคือความคิดและการกระทำของผู้ประสบความสำเร็จ
เห็นด้วยกับคุณพ่อมือใหม่ทุกประการครับ
เป็นสมาชิกคนหนึ่งแต่ไม่ค่อยได้เข้ามาเท่าไร แต่พออ่านกระทู้แล้วก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านค่ะ
สู้ๆ ทุกท่านนะค่ะ เพื่อลูกหลานของพวกเราค่ะ
one for all /all for one
อยากขอร้องให้ Guru ที่อยากให้ความรู้กับกลุ่มพ่อแม่ 2 ภาษา ช่วยเข้ามาเป็นที่ปรึกษา ช่วยคอยดูให้หน่อยก็ได้ค่ะว่าประโยคไหนผิด หรือประโยคไหนถูก ควรใช้แบบไหน จะได้เป็นประโยดกับคนหมู่มาก ดีกว่าที่จะมาบั่นทอนความรู้สึกกันเปล่าๆ คนไทยจะได้เก่งภาษาอังกฤษแบบถูกต้องกันซักที (คนที่มีความรู้ทางด้านภาษาจำนวนมากที่มีจิตใจดีค่ะ ดิฉันว่าพวกเราคงอยากได้คนอย่างคุณๆ มาช่วย) เราคนไทยด้วยกันค่ะ มีอะไรที่แชร์กันได้ก็ควรทำนะค่ะ เพื่ออนาคตของชาติค่ะ
ขอบคุณคุณบิ๊กที่ทำให้ครอบครัวสองภาษาแข็งแรงมาก ทุกวันนี้ www.2pasa.com กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว แม้งานยุ่งขนาดไหนก็ต้องเข้ามาในห้องนี้ให้ได้ (อุ๊ย ยังกะเด็กติด chat ยังไงไม่ปาน)

มีความรู้ พร้อมทั้งเทคนิคต่าง ๆ มากมายทั้งจากผู้ตั้งกระทู้และผู้ตอบกระทู้ ความรู้ไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ ค่ะ
ไม่รู้ไปอยู่ไหนมา เพิ่งจะได้มาอ่านกระทู้นี้
เข้ามาแสดงความคิดเห็น...ยกมือเห็นด้วยทุกประการ

Idea without action is Nothing. คมมากค่ะ
ขอบคุณคุณบิ๊กมากค่ะที่ทำหนังสือดี ๆ มาให้อ่าน และเปิดเวปนี้เป็นตัวช่วย ตอนนี้เพิ่มเริ่มกับน้องมีนค่ะ ตอนอ่านเล่มแรกเคยเริ่มแล้วค่ะครั้งนึงแต่ไม่สำเร็จ พูดอังกฤษกับลูก ลูกพูดตามทุกคำ ถาม yes or no ลูกก็ตอบ yes or no พอได้อ่านเล่มที่สองรู้เข้าใจมากขึ้นถึงการพยุงการพูด ลองทำความถี่ให้มากขึ้น สองสามวันนี้รู้สึกว่าน้องมีนให้การตอบรับได้ดีขึ้น เช่นถามนี่สีอะไรเป็นภาษาอังกฤษ น้องมีนก็ตอบ green red pink ได้ถูกต้องตามที่ชี้ให้ดู แม่ค่อยใจชื้นหน่อยค่ะ จะทำต่อไปค่ะช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะค่ะขอบคุณค่ะ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service