ทีแรกก็นั่งคิดๆว่า ลูกจะหนักเกินไปหรือเปล่ากับการเรียนพิเศษเยอะๆที่เราอยากให้เขาเรียนแบบนี้ เพราะตอนเราป็นเด็กเราก็ไม่เคยเรียนอะไรมากมายขนาดนี้มาก่อน
แต่เจ้าลูกไ่ข่เขาเป็นลูกคนเดียวที่บ้านค่ะ เสาร์อาทิตย์ไม่ค่อยมีกิจกรรมทำอะไร ช่วงนี้ญาติพี่น้องก็ไม่ค่อยได้ไปหา
ก็เลยเหมือนไม่มีอะไรทำเสาร์อาทิตย์ พ่อแม่เลยส่งเรียน 4 วิชาด้วยกัน
แต่ก่อนนั้น เขาเรียนแค่ 3 วิชาค่ะ
ตอนเช้าไปเรียนภาษาอังกฤษ ที่ I can read แล้วตกสายๆก็ไเรียน Jmc จากนั้นตอนบ่าย ก็ไปเตะเทควันโด
เสาร์ที่แล้ว เราเปลี่ยนเวลาให้เขาไปเรียนเทควันโดก่อน แล้วเรียนดนตรีก่อนจะตบท้ายด้วยภาษาอังกฤษ
ดูเขาเหนื่อยมากๆเลย เราเลยคิดว่า เอ....ถ้าจะเพิ่มภาาาจีนที่เขาชอบ อีก วิชา จะหนักๆไปไหม
พ่อเขาบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก เพระาวิชาที่เขาเรียน ก็เป็นวิชาที่เขาชอบ ไอ้ที่บังคับเรียนจริงๆ
ก็คือ ดนตรี กับ เทควันโด ค่ะ 5555 เพราะเจ้าหมอนี่ต้องบอกตามตรง ... ไม่่ค่อยมีสุนทรียะ เท่าไหร่
ดนตรีก็ไม่ชอบ ฟังเพลงก็เหมือนจะเป็นจะตาย เรียนดนตรีเหมือนไม้เบื่อไม้เมา
เล่นเทควันโด ก็เตะผิดๆถูกๆ วืดนู่นมานี่...แต่เมื่อเล่นมาติดต่อกันมันเห็นผลค่ะ
เพราะว่า อย่างน้อย เวลาเขาครึ้มๆขึ้นมา ก็ร้องเพลง...เสียงไม่เปลี่ยนตามหรอกค่ะ..แต่จะออกมาเป็นตัวโน้ต
โด เร มี ฟา ซอล ...แต่เสียงเดียว คือเสียง โด ....เข้าใจไหมคะ เด็กที่ร้องเพลงเสียงเดียวนะค่ะ
...555 เวลาฟังลูกร้องเพลงแล้วกลั้นหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหล....ฟังทีไรก็ว่า เหมือนฟังพระสวด 5555
แต่เรารู้ค่ะ ว่าสักวันหนึ่ง สิ่งที่เราให้ตอนนี้จะเป็นผลดีกับเขา เพระาอย่างน้อย ประสาทการรับฟังเขาสามารถฟังเสียงที่เปลี่ยนแปลงได้
รู้จักจับสังเกต และเมื่อเล่นเปียโน ก็จะเล่นแบบแบ่งประสาทสองมือได้ค่ะ แต่ทุกอย่างจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
ส่วนเรื่องเทควันโด แม้เขาจะยังไม่สามารถทำได้เหมือนกับเพื่อนๆ เพระาความที่ขาเขายาว ดูก๊องแก๊ง
แต่การที่เขาได้เตะ ได้ถีบ ได้วิ่งไปกับพี่ๆ และครูๆที่โรงเรียน...เห็นผลค่ะ เราเสียเงินเรื่องค่ารักษาพยาบาลเขาน้อยมากค่ะ
ช่วงปีที่แล้วทั้งปี...ลูกขุนไม่ได้ไปหาหมอเลยค่ะ มีป่วย แบบอากาศเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็แค่ ทานยาแก้ไข้กับแก้แพ้ แก้ไอ
วันรุ่งขึ้นก็หาย ก็ถือว่า เอาค่ารักษาพยาบาลมาเป็นค่าเรียนเทควันโด เขาก็แล้วกัน
ส่วนวิชาอีกสองอย่าง คือ ภาษาอังกฤษ กับภาษาจีน ความที่เราเห็นว่า ภาษาเป็นเรื่องจำเป็นค่ะ
ตอนนี้ใครๆก็ส่งเรียนสองภาษาทั้งนั้น เราเองก็อยากส่งเขาเรียน
แต่ระบบการเรียนสองภาษา...จะทำให้วิชาการอ่อน นะคะ เพราะเนื้อหาวิชาหลักๆ จะสอนเป็นภาษาอังกฤษตามไปด้วย
เด็กๆจะเหลืออะไรได้ละค่ะ เราก็เลยให้เขาเรียนแบบสามัญที่มีครูNative speakerสอนภาษาอังกฤษ วันละคาบ
แต่ไปเรียนเสริมภาษาอังกฤษเพิ่มวันเสาร์ ส่วนแต่ละวันก่อนนอน เขาจะมีโปรแกรมดูหนังกับคุณแม่เป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้วค่ะ
ที่จะมาพิเศษตอนนี้ก็คือ ภาษาจีน เพราะว่า เขาอยากเรียนเอง แล้วขอเรียน....เราก็เลยให้เขาไปเรียนเพิ่มอีกนิดหน่อย
แบบว่า ไปฟังคุณครูพูดจีนให้ฟัง คุณครูน่ารักอีกต่างหาก....ถูกใจพระเดชพระคุณไปเลย
เมื่อวานนี้ที่ผ่านมา เขาก็เรื่มเต็มตารางเรียนกับเราค่ะ ตอนเช้าก็ไเรียนภาษาจีน ออกมาหน้าบานเลย เพราะครูชมไม่ขาดปาก...
ขนาดยังไม่ได้เรียนจริงๆจังๆ พ่อก็ท่อง 1-100 ประสมตัวของภาษาจีนได้แล้ว ก็ดูๆเขาต่อไปค่ะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
จากนั้นไปนั่งเรียนดนตรี...วิชาไม้เบื่อไม้เมา ฟัดกับแม่ตลอด...เอาแต่ครู ....เดี๋ยวแม่ให้อยู่กัครู ตามลำพังจะรู่สึ่ก
พอทานข้าวเสร็จก็ไปเรียนภาษาอังกฤษ อันนี้เงียบฉี่เลย เพราะของชอบ...เล่นเกม ทำแบบฝึกหัดวนกันไปมาแบบนี้เกือบสองชั่วโมง วิ่งออกมาหน้าบานอีก....
เสร็จแล้วก็เดินไปเทควันโด ไปทำท่าให้แม่ดูตลกๆขำๆอีกเกือบสองชั่วโมง คนเป็นแม่ก็นั่งกลั้นน้ำหูน้ำตาดููลูก....พอเสร็จสรรพ...
เขาพูดคำแรกให้เราชื่นใจ
"แม่...ลูกขุนไม่เหนื่อยเลย...เรียน 4 วิชา แต่ไม่เห็นเหนื่อยสักนิด ลูกขุนเรียนเทควันโดแล้วสดชื่นนน"
อืม์ เราฟังแล้วก็ปลื้มหัวใจ
มันคงไม่หนักเกินไปกับเด็กเล็กๆคนหนึ่งหรอกนะ..
แต่มันหนักตอนทำการบ้านที่เรียนพิเศษพวกนี้นะสิ....เง้อ I can read 4 หน้า ภาษาจีน แล้ว Jmc อีก..
อะเจ้ย...ไอ้หมา....การบ้านที่โรงเรียนก็ยังไม่เสร็จ.....แล้วจะมานั่งเขียนบล๊อคทำไมนี่ฉัน
ลุย ลุย ลุย ลูก
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้