ประกันชีวิต + วันนี้ Benjamin's Daddy มาแปลก.....แปลกอย่างไรอ่านดูครับ

[Benjamin's Daddy]

สวัสดีครับ ผม Benjamin’s Daddy หรือ ชื่อเล่น เสก ที่หลายๆคนเรียกกัน ชื่อจริงก็คงจะเดากันได้นะครับ นั่นก็คือ เสกสรรค์ วันนี้ขอมาแปลกนิดหนึ่ง นั่นก็คือแทนที่จะมาทำคลิปภาษาอังกฤษเล็กๆน้อยมาลงให้ดูกัน หรือ จะนำคลิปน้อง Ben ตลกๆ มาให้ดู วันนี้ผมมาในนามของ ที่ปรึกษาทางการเงินและการประกันชีวิต (จริงๆแล้วเรียกว่า คนขายประกัน อ่ะ แต่อยากเปลี่ยนภาพพจน์ ฮ่าๆๆ) ซึ่งเป็นอาชีพเสริมของผมเมื่อไม่นานนี้ (แล้วอาชีพหลักล่ะ.....ก็คือพ่อบ้านเต็มเวลา ฮ่าๆ)

เอ้า มาเข้าเรื่องกัน ง่ายๆเลยก็คือว่า ผมคิดว่าการประกันชีวิต เป็นการออมทรัพย์อย่างหนึ่งที่มีประสิทธิภาพและผลกำไรกว่าการที่เรานำเงินไปฝากธนาคารไว้ธรรมดา สมมุติว่าเรามีเงินอยู่ 1 ล้านบาท ฝากไว้ในธนาคาร ได้ดอกเบี้ย 2% ต่อปี ฝากไว้เป็นเวลา 6 ปี เราจะได้ดอกเบี้ยทั้งสิ้น 2 หมื่นบาทต่อปีเป็นระยะเวลา 6 ปี เพราะฉะนั้นสิ้นปีที่ 6 เราจะมีเงินทั้งสิ้นประมาณ 1,120,000 บาท สมมุติกลางปีที่ 7 เราเกิดล้มป่วยลงเข้าโรงพยาบาล จึงต้องเบิกเงินทั้งหมดมาชำระค่ารักษาพยาบาล รักษาได้หายขาด แต่เงินเราหมด ไม่มีเหลือเลย ต้องเริ่มเก็บหอมรอมริบใหม่
แต่ในขณะที่ถ้าคุณนำเงินนั้นมาออมไว้กับบริษัทประกันชีวิตที่มั่นคง คุณไม่จำเป็นจะต้องถอนเงินออกมาทั้งหมดเพื่อรักษาตัวคุณ เนื่องจากประกันชีวิตนั้นคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของคุณทั้งหมดหรือบางส่วนอยู่แล้ว คุณไม่ต้องเบิกเงินทั้งหมดมารักษาตัวคุณเองเลย นั่นคือข้อเปรียบเทียบเล็กๆ สำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่าการประกันชีวิตเหนือกว่าการออมทรัพย์กับธนาคารทั่วไปอย่างไร ส่วนสำหรับพ่อแม่ที่เข้าใจระบบประกันชีวิตดีแล้ว ผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนะครับ

วันนี้ ผมขอแนะนำ โครงการประกันชีวิตแบบออมทรัพย์สำหรับเด็ก ของ บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) มาฝากกัน โครงการนี้เรียกว่า มาย เอ็ดดูเคชั่น โครงการนี้มีประโยชน์สำหรับลูกๆของเราตรงที่:

1. เบี้ยประกันภัยที่เรานำส่งบริษัทแต่ละปี ถือเป็นเงินออมที่เราเก็บไว้เพื่อการสึกษาของลูก ซึ่งมีผลทางอ้อมด้วยคือคุ้มครองชีวิตของลูกเรา
2. การออมทรัพย์หรือประกันแบบนี้ มีระยะเวลาส่ง 20 ปี และตั้งแต่ปีที่ 3 - 8 ทางบริษัทจะให้เงินคืน 2 ครั้งต่อปี (เดือน เมษายน และ ตุลาคม) เป็นจำนวน 1% ของจำนวนเงินเอาประกัน  สมมุติว่าเงินเอาประกันของเราอยู่ที่ 5 แสนบาท 1% เราก็จะได้ 5000 บาท ต่อครั้ง หรือ 10,000 บาท ต่อปีนั่นเอง
3. ตั้งแต่ปีที่ 9 – 14 ทางบริษัทจะให้เงินคืน 2 ครั้งต่อปีเป็นจำนวน 2% ของจำนวนเงินเอาประกัน  สมมุติว่าเงินเอาประกันของเราอยู่ที่ 5 แสนบาท 2% เราก็จะได้ 10,000 บาท ต่อครั้ง หรือ 20,000 บาท ต่อปีนั่นเอง
4. ตั้งแต่ปีที่ 15 – 20 ทางบริษัทจะให้เงินคืน 2 ครั้งต่อปีเป็นจำนวน 4% ของจำนวนเงินเอาประกัน  สมมุติว่าเงินเอาประกันของเราอยู่ที่ 5 แสนบาท 4% เราก็จะได้ 20,000 บาท ต่อครั้ง หรือ 40,000 บาท ต่อปีนั่นเอง
5. เมื่อครบกำหนด 20 ปี เราจะได้เงินก้อนหรือเงินเอาประกันนั่นเอง พร้อมกับเงินปันผลที่ทางบริษัมกำหนด ซึ่งเราอาจจะให้ลูกเป็นของขวัญวันเรียนจบ หรืออื่นๆ  และในกรณีที่พ่อแม่หรือผู้ที่ชำระค่าเบี้ยประกันอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถทำงานได้ และ ไม่สามารถจ่ายค่าเบี้ย หรือ เสียชีวิตลง เบี้ยประกันที่ค้างชำระก็ถือเป็น 0 แต่ลูกยังรับสิทธิเต็มจากผลประโยชน์ของกรมธรรม์นี้

ยังมีรายละเอียดอีกหลายประการที่ผมยังไม่ได้กล่าว อยากให้พ่อแม่ที่สนใจอ่านเพิ่มเติมได้จากไฟล์ 2 ไฟล์ที่แนบมานี้ ไฟล์แรกชื่อว่า education.pdf ซึ่งมีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออมทรัพย์นี้ ไฟล์ที่ 2 ชื่อว่าBenjamin.pdf ซึ่งเป็นใบเสนอราคาตัวอย่าง พร้อมสิทธิประโยชฯต่างๆโดยละเอียด ของน้อง Ben ลองอ่านดูนะครับ และหากสนใจที่จะทำประกันในลักษณะนี้ สามารถติดต่อผมได้ผ่านกระทู้นี้ หรือจะแจ้งความประสงค์โดยส่งข้อความหาผมก็ได้นะครับ

นอกจากโครงการประกันชีวิตแบบออมทรัพย์สำหรับเด็กแล้ว ผมสามารถช่วยเหลือการประกันชีวิตประเภทอื่นๆอีกด้วยนะครับ

อ้อลืมไป ผมชอบแจกความรู้ครับ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ที่ซื้อกรมธรรม์กับผม ด้วยเบี้ยประกันขั้นต่ำที่ 15,000 บาท ต่อปี ผมแจก DVD การออกเสียงภาษาอังกฤษ Phonetics ซึ่งเป็น DVD ที่ตัวผมเองใช้ในการพัฒนาการออกเสียงมาตลอด DVD นี้เต็มไปด้วยคลิปวีดีโอการออกเสียงที่ชัดเจน
พร้อมสามารถฝึกหัดตามที่คลิปวีดีโอนี้กำหนดด้วย นอกจากนั้นยังไม่พอ ผมได้รวบรวมรายการทีวีที่เป็นที่นิยมของประเทศอังกฤษมาให้ไว้ด้วยเพื่อเป็นการฝึกการฟังของพ่อแม่ไปในตัว