เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ไม่แน่ใจกับการสอนให้ลูกพูดสองภาษา ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

เพิ่งได้อ่านหนังสือของคุณพ่อน้องเพ่ยเพ่ย อ่านจบแล้วมีความตั้งใจอยากจะสอนให้ลูกพูดภาษาอังกฤษได้ แต่หลังจากทดลองมาสองสามวันแล้ว รู้สึกว่ายากมากกกก...เพราะลูกค่อนข้างจะงอแงแล้วก็เลี้ยงยาก ลูกสาวอายุ 1 ขวบ 10 เดือน ตอนงอแง ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษใส่เขาจะยิ่งร้องไห้ เหมือนโมโหที่ฟังไม่รู้เรื่อง อย่างนี้เราจะพูดภาษาไทยกับเขาก่อนได้มั้ยคะ หรือต้องพูดภาษาอังกฤษตลอด กลัวเขาจะงงว่าตกลงเวลาคุยกับแม่ต้องพูดภาษาอะไร

สองสามวันที่ผ่านมา รู้สึกว่าพูดกับลูกได้น้อยลง เพราะต้องคอยคิดก่อนว่าประโยคนี้ภาษาอังกฤษต้องพูดยังไง บางทีคิดไม่ออกก็เลยต้องเงียบไป แล้ววันก่อนพาลูกไปหาหมอ หมอกลับบอกว่าควรสอนให้พูดภาษาไทยได้ก่อน พูดสองภาษาจะทำให้ลูกสับสนและพูดช้า

สรุปแล้วยังไงกันแน่ ช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ ใจจริงก็ยังอยากให้ลูกพูดสองภาษาอยู่ ตอนนี้สั่งซื้อ Baby Einstein มาแล้วด้วย

Views: 980

Reply to This

Replies to This Discussion

อันดับแรก คุณต้องเลือกระบบให้ได้เสียก่อน ผมไม่แน่ใจว่าพร้อมที่จะทำระบบ OPOL หรือเปล่า ถ้าไม่ได้ก็ใช้ OTOL พูดสลับเวลาไปก่อน จากนั้น ให้สร้างแรงบันดาลใจกับเงื่อนไขครับ อันนี้พ่อแม่จะต้องประเมินจากเด็ก ถ้าเด็กยังไม่พร้อม ให้เริ่มช้าๆเริ่มจากคำศัพท์ง่ายๆ กริยาง่ายๆ ไปสู่วลีง่ายๆก่อน เช่น Ball

เมื่อเด็กเข้าใจลองสื่อสารให้วางลง ให้ใช้ Put it down หรือให้หยิบขึ้นมา Pick it up

ทำง่ายๆแค่นี้ก่อน ทำไปเรื่อยๆทุกวัน แล้วสร้างแรงบันดาลใจ เช่นถ้าหยิบขึ้น หรือวางลงไปตามคำสั่ง จะให้รางวัลเป็น .......

ลองดูนะครับ อายุเด็กยังน้อยมาก มีโอกาสเยอะครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ
พยายามอย่าเครียตจนเกินไปนะค่ะ ลองเล่นกันลูกโดยใช้ภาษาอังกฤษในการเล่นสิค่ะ พอน้องเริ่มสนุกกับการเล่น ภาษาก็ไม่ใช่สิ่งที่เค้าจะ Focus แล้ว ทีนี่เค้าก็จะเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น คุณแม่ก็ป้อนภาษาอังกฤษเข้าไปโดนใช้ภาษากายเราเข้าช่วยเสริมให้น้องเข้าใจว่าคุณแม่หมายถึงอะไรนะคะ แพ๊ตมักจะเล่นเป่าพุงลูก ตอนเค้าเล็กๆ แล้วก็ถามเค้าไปว่า Where is your tummy? แล้วก็เอามือไปเกาที่พุงลูกนะค่ะ เด็กเค้าก็สนุกอยู่แล้ว จักกะจี้ด้วย เล่นกับเด็กเล็กๆลองเล่นคำถามที่เกี่ยวกับร่างกายของเค้าก่อนก็จะช่วยนะค่ะ เวลาเล่นคือเวลาที่เด็กจะเรียนรู้อะไรได้เยอะนะค่ะ ส่วน Baby Einstein ก็เปิดให้ลูกดูได้ค่ะ

เรื่องพูดช้า หรือสับสน จากประสบการณ์ ลูกสาวคนโตแพ็ตก็เป็นเด็กพูดช้าค่ะ คุณหมอก็คิดว่าเป็นเพราะว่าเราใช้ 2 ภาษากับลูกทำให้ลูกสับสนเหมือนกัน แต่ลูกชายคนเล็กของแพ็ตกลับไม่พูดช้าเลย แถมพูดค่อนข้างจะเร็วเสียด้วนนะค่ะ ทั้งที่เราก็ใช้ 2 ภาษาเหมือนเดิม แพ็ตคิดว่าเพราะน้องซีเค้ามีพี่นิวคอยช่วนน้องคุยอยู่ตลอดเวลา มันก็กระตุ้นให้เค้าพูดได้เร็วนะค่ะ

แพ็ตเคยแสดงความคิดให้ไปในกระทู้อื่นไปแล้วว่า เด็กเล็กๆ เค้าไม่ทราบหรอกค่ะว่าคุณแม่พูดภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษกับเค้า เพราะเค้ายังเล็กเกินกว่าที่จะรู้ได้ว่าที่คุณแม่พูดกับเค้ามันเป็นภาษาอะไรกันแน่ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เค้ากำลังเรียนรู้และพยายามเข้าใจว่าที่คุณแม่พูดมามันหมายความว่าอะไร ฉะนั้นคุณแม่ใช้ภาษาอะไรพูดกับเค้า เค้าก็ต้องเริ่มที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจเหมือนกันค่ะ คุณแม่มีโอกาสที่จะสอนให้ลูกเรียนรู้ภาษาอังกฤษก่อน เพราะเมื่อเค้าโตขึ้น ที่โรงเรียนและสังคมรอบตัวก็จะสอนให้เค้าได้เรียนรู้ภาษาไทยเองละค่ะ เอาใจช่วยนะค่ะ
เพิ่งเริ่มหัดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วคะ ก่อนหน้านี้สอนพวกคำศัพท์บ้าง เป็นประโยคไม่เคยพูด ตอนนี้ลูกสองขวบสองเดือน ขอแชร์ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆนะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์

ช่วงสองสามวันแรก เราทดลองไปเรื่อยๆ ดูลูก ดูเรา เอาแบบให้มันลงตัวทั้งแม่ทั้งลูกเพราะอยู่ด้วยกันทั้งวัน ช่วงสองวันแรกลูกเราจะพูดกับเราน้อยลง (สัมผัสได้) หลังจากนั้นก็ปรับตัวได้คะ และจะพยายามพูดออกมาให้ได้เองคะ อย่าลืมแรงบันดาลใจด้วยนะคะ ลูกเราค่อนข้างโตเราต้องคุยกับเค้าก่อนเลยว่าต้องหัดพูดเพราะว่าอะไร ญาติมาที่บ้านเราก็บอกก่อนเลยว่า ลูกจะฝึกพูดเพราะมีแรงบันดาจใจเรื่องอะไร จะได้ไปในทางเดียวกัน

เราพูดกับลูกตอนอารมณ์ดีคะ (ทั้งแม่ทั้งลูก) ไม่ได้พูดตลอดทั้งวัน พูดสลับไปมา ส่วนใหญ่เป็นตอนเล่นด้วยกัน ซึ่งลูกเราจะเล่นเกือบทั้งวัน ยกเว้นเค้าต้องเล่นเองคนเดียว หรือเล่นกับพ่อ เรื่องเล่นบางทีไม่ต้องอธิบายเค้ามาก เพราะเด็กมี sense ในการเล่นเป็นอย่างดี

เป็นกำลังใจให้คะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่มีประโยชน์มากค่ะ จะลองพยายามไปเรื่อยๆค่ะ
ให้กำลังใจนะคะ แนทว่าพยายามต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ น้องเขาจะเริ่มชินเรื่อย ๆ น่ะค่ะ แนทเองอยู่อเมริกาก็พูดไทยกับเขาค่ะ
ฟังหมอก็ได้ครับ แต่อย่าเชื่อทั้งหมด หมอบางคนก็โลกแคบครับ ขอให้คิดถึงเด็กจีนมาเลย์เป็นตัวอย่างเถอะครับ เค้าพูดได้หลายภาษาทันทีครับ หรือไม่ต้องอื่นไกลก็เพ่ย ลูกของคุณพงษ์ระพีล่ะครับ ดูวิดีโอเอาก็ได้จ้ะ
เข้ามาเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ
ดิชั้นก็เพิ่งเริ่มพูดกับลูกสองคน คนโตสี่ขวบสิบเอ็ดเดือน คนเล็กขวบแปดเดือน
คุณแม่ลองพูดอะไรที่เป็น routine ดูนะคะ พูดซ้ำๆเดิมๆ เช่นกิจวัตรประจำวันที่ทำเป็นเวลาน่ะคะ
จะเห็นเลยว่าเด็กเค้าเป็นนักก้อปปี้ตัวยงเลยค่ะ
แต่เราต้องอดทนกับความไม่เคยชินเอาหน่อยนะคะ :)
ขอ share ด้วยคนค่ะ ตอนนี้ก็เป็นคำๆ เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ ใช้วิธีร้องเพลงภาษาอังกฤษ...ลูกได้แค่คำท้ายๆไม่กี่คำ ไม่ค่อยก้าวหน้าอย่างที่ตั้งใจ แต่ลูกสนใจดี ลองให้เล่นของเล่นที่มี sound เป็นภาษาอังกฤษ คราวนี้ได้ผลแฮะ แต่ของเล่นพูดแค่ไม่กี่คำเอง ไม่ทันใจแม่เลย..

พอมาอ่านข้อมูลของ 2 ภาษา..ก็พยายามพูดกับลูก เพิ่มขึ้น เพิ่งเริ่มจริงจังมา 2-3 วัน รู้สึกว่าเราอาจจะคาดหวังมากไป เพราะลูกไม่สนใจเท่าที่ควร คงต้องหาของเล่น DVD หรือเพลงช่วย

อ้อ ตอนนี้ลูกสาว 1 ขวบ 8 เดือน ค่ะ พูด 2 คำติดกันได้หลายคำแล้ว (น่าจะประมาณ 20-30 คำ) พูดเป็นประโยคง่ายๆได้แล้วค่ะ
Jazzy said:
ขอ share ด้วยคนค่ะ ตอนนี้ก็เป็นคำๆ เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ ใช้วิธีร้องเพลงภาษาอังกฤษ...ลูกได้แค่คำท้ายๆไม่กี่คำ ไม่ค่อยก้าวหน้าอย่างที่ตั้งใจ แต่ลูกสนใจดี ลองให้เล่นของเล่นที่มี sound เป็นภาษาอังกฤษ คราวนี้ได้ผลแฮะ แต่ของเล่นพูดแค่ไม่กี่คำเอง ไม่ทันใจแม่เลย..
พอมาอ่านข้อมูลของ 2 ภาษา..ก็พยายามพูดกับลูก เพิ่มขึ้น เพิ่งเริ่มจริงจังมา 2-3 วัน รู้สึกว่าเราอาจจะคาดหวังมากไป เพราะลูกไม่สนใจเท่าที่ควร คงต้องหาของเล่น DVD หรือเพลงช่วย
อ้อ ตอนนี้ลูกสาว 1 ขวบ 8 เดือน ค่ะ พูด 2 คำติดกันได้หลายคำแล้ว (น่าจะประมาณ 20-30 คำ) พูดเป็นประโยคง่ายๆได้แล้วค่ะ

คุณแม่ใจเย็นๆนิดนึงนะค่ะ ลูกยังเล็กค่ะ ค่อยๆให้เค้าเป็นไปตามพัฒนาการของเค้าด้วยค่ะ ขอถามนิดนึงว่าลูกพูดภาษาไทยด้วยรึเปล่าค่ะ หรือว่าพูแต่ภาษาอังกฤษอย่างเดียว
ที่บ้านเริ่มจริงจังตอน 1 ขวบค่ะ น้องพูดไม่ช้านะคะ ประมาณขวบหกเดือน พาไปเจอคุณหมอทีไรก็บอกว่าให้พูดเลย 2-3 ภาษาถ้าพูดได้ก็พูดเลยค่ะ ช่วงแรกอาจต้องให้เค้าปรับตัวนะคะ เค้าอาจจะมีไม่สนใจเราบ้าง การเรียนภาษาสำหรับเด็กเล็ก (อ่านมาจากหนังสือเรื่อง Do&Understand) เค้าบอกไว้ว่าเด็กๆ จะเรียนรู้ได้ดีในบรรยากาศที่สนุกสนานไม่กดดัน สังเกตจากหลายๆ โรงเรียนใช้ดนตรีมาเป็นตัวเชื่อม ให้น้องๆ ร้องเพลง เต้น ประมาณนั้น และเด็กๆ เรียนรู้จากการฟัง และทำตาม ดังนั้นเค้าจะฟังได้ก่อนที่เค้าจะพูด บางคนอาจจะบอกว่าสอนมาตั้งหลายวันแล้วทำไมไม่พูดซักที ขอให้อดทนค่ะ เพราะว่าทุกคำพูดของเราเค้าจำไว้หมดแล้วค่ะ เมื่อวันนึงเค้าพร้อมคำเล่านั้นจะพรั่งพรูออกมาเอง

อย่างที่ถามมาว่าถ้าน้องเริ่มโยเย สำหรับเราคิดว่าในช่วงแรกอาจใช้ภาษาไทยก่อน แต่ลึกๆ แล้วเรารู้สึกว่าภาษากายสำคัญกว่าภาษาพูดค่ะ น้องเข้าใจภาษาไทยจริง แต่ว่าเวลาเค้าดื้อเค้าไม่ฟังเราหรอกค่ะบางครั้ง หากเค้าดื้อเนื่องจากง่วงนอน เราก็ควรปลอบให้เค้าใจเย็นและให้เค้าหลับ หรือถ้าดื้อจะเอาของที่บ้านใช้วิธีอธิบายค่ะว่าทำไมไม่ให้ ถ้ายังงอนก็จะปล่อยให้งอน แต่ถ้าดื้อมากๆ มีอาการร้องตะโกน ไม่มีเหตุผล ก็จะ time out ทันทีเลย ลูกชายกลัวมาก กลัวกว่าถูกตีหลายเท่าค่ะ แล้วแต่กฏกติกาของบ้านนั้นๆ ค่ะ นอกเรื่องภาษาอังกฤษมายาวเลย ยังไงก็ให้กำลังใจต่อไปนะคะ
ที่บ้านนี้ก็ใช้ระบบ time out เหมือนกันเลยค่ะ ได้ผลดีมากด้วยค่ะ
เห็นด้วยกับคุณPat ค่ะ ค้นพบว่าลูกชายเรียนรู้ภาษาได้ดีขึ้นหากทำให้เป็นเรื่องสนุกค่ะ เช่นสอนคำศัพท์เกี่ยวกับร่างกายโดยเล่นจูจุ๊บKiss!...(บางทีก็ใช้ตุ๊กตาตัวโปรดของเค้าเล่นด้วย) เด็กจะชอบมาก หัวเราะคิก..คิก ใหญ่เลย แล้วก็จะพูดตามและจำได้ค่ะ
อีกที่นึงที่ได้ผลมากคือสนามเด็กเล่นค่ะ ลูกชายได้คำกริยาเยอะเลยค่ะ slide swing climb up and down etc.
อ้อ! routine อย่างที่คุณอรนัย บอก นั้นได้ผลชงัดเลยค่ะ ใช้เป็นวลีหรือ ประโยคได้เลยค่ะ Let's go take a bath. Get change .Let's go to bed. ประมาณนี้ค่ะ
คุณแม่ลองพูดให้เป็นประจำขณะทำกิจกรรมนั้นๆ เค้าจะจำได้เองค่ะ (คุณแม่อดทนหน่อยนนะคะ ช่วงวันแรกๆ ลูกชายไม่ตอบสนองเหมือนกันค่ะ แต่เราต้องอย่าเพิ่งท้อนะคะ พูดให้สมำเสมอ ไม่นานหรอกค่ะคูณแม่จะเห็นความเปลี่ยนแปลง)
หากอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ต้องอบรมโดยด่วน(เพราะทำสิ่งที่ไม่ดี) หรืองอแงอารมณ์แปรปรวน ยุ้ยก็จะใช้ภาษาไทยค่ะ เพราะเราต้องการให้เค้าเข้าใจโดยทันทีเพราะคลังศัพท์ภาษาอังกฤษเค้ายังไม่มากพอ หรือต้องการปลอบโยน เด็กๆต้องการความมั่นคงทางจิตใจค่ะ
พออารมณ์ดีแล้ว ก็ค่อยคุยภาษาอังกฤษกันต่อก็ได้ค่ะ
เด็กๆนั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์....
ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เค้าทำได้แน่นอนค่ะ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service