เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
สวัสดีค่ะ วันนี้แม่เจคอบเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ โดยการรวบรวมประสบการณ์สอนเด็กอ่านหนังสือออกเป็นขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนจบ และการต่อยอดหลังจากที่ลูกอ่านหนังสือออกได้
วิธีการสอนเด็กอ่านหนังสือในปัจจุบันนี้มีหลายวิธีมาก ตามนี้เลยค่ะ
วิธี whole word/sight reading or looksay method ของ Glen Doman หลักปฎิบัติอย่างย่อๆคือ ดูบัตรคำแยกเป็นกลุ่ม เช่น กลุ่มผลไม้ กลุ่มสัตว์ ให้ดูบัตรคำอย่างเดียว ห้ามสะกด ห้ามดูรูป ดูสามกลุ่มต่อวัน กลุ่มละห้าคำ วันละสามครั้ง แต่วิธีนี้ห้ามทดสอบ ห้ามถามว่าคำนี้อ่านว่าอย่างไร
วิธี โฟนิคส์ของ Rudolph Flecsh ผู้เขียนหนังสือ Why Johnny Can’t Read หลักการคือต้องรู้จักเสียงก่อน จากนั้นก็ผสมคำ อ่านออกเสียง เขียนคำ ห้ามเดาคำ แยกคำเป็นกลุ่มโดยดูจากเสียงสระ เช่นกลุ่ม short a เสียง เเอ๊ กลุ่ม short e เสียง เอะ วิธีนี้เน้นทดสอบไม่รู้จริงก็ต้องทำแบบฝึกหัดต่อจนอ่านได้ก่อนที่จะเริ่มกลุ่มต่อไป
วิธี whole words + Phonics ของ Larry Sanger ผู้ก่อตั้ง wikipedia (ความจริงตอนที่เราเอาวิธีเค้ามาใช้นั้นก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครเพราะเค้าใช้ล็อกอิน) วิธีนี้ ดูทั้งคำ ทั้งรูป ออกเสียงสะกดด้วย เดาคำได้ไม่เป็นไร
ดูวันละครั้งสองครั้งหรือแล้วแต่สะดวก
หลังจากที่ทำความเข้าใจกับทั้งสามวิธี จขกทเลือกวิธีที่สามค่ะ เพราะเชื่อว่าถ้าเราเลือกจุดเด่นของสองวิธีแรกมาปรับใช้ให้เหมาะกับลูกเรา ผลที่ได้น่าจะดีกว่าการใช้วิธีเดียวเเบบสุดโต่ง อีกอย่างวิธี whole word มันก็มีข้อเสียคือเด็กๆที่เรียนอ่านหนังสือจากวิธีนี้บางส่วนจะอ่อนการสะกดคำ ส่วนวิธีโฟนิคส์แบบ 100% ก็คงจะไม่เหมาะกับเด็กเล็กที่อายุยังไม่ถึงขวบหรือสองขวบด้วยซ้ำ ดังนั้นวิธีที่สามน่าจะลงตัวสุดๆ
จุดเริ่มต้นของการสอน – วิธี Sight Words และสื่อที่ใช้สอน
ตอนนั้นลูกชายอายุ 15 เดือน เราเริ่มสอนด้วยวิธีการ sight words ก่อน เพราะว่าลูกยังเล็กมาก ยังพูดหรือออกเสียงไม่ได้ วิธีที่เหมาะสมที่สุดคือวิธีนี้ เราเริ่มจากการทำบัตรคำด้วยตนเอง โดยอาศัยวิธีการจากหนังสือ How to Teach Your Baby to Read ของ เกล็น โดแมน ตอนแรกที่เริ่มทำ เราเริ่มเจอปัญหาคือ ต้องเตรียมอุปกรณ์เยอะ ต้องมานั่งทำบัตรคำ จัดเก็บ และบันทึกว่าลูกดูคำไหนไปแล้วบ้าง ปัญหาหลักที่เจอคือลูกชายไม่ชอบดูบัตรคำเอาซะเลย ทั้งๆที่เราก็ทำทุกอย่างตามที่หนังสือบอกมา มีข้อมูลแน่นปึ๊ก แต่เจ้าลูกชายพอเจอบัตรคำก็จะหันหน้าหนี หรือทั้งเคี้ยว จับอม ในที่สุดก็ทำต่อไม่ไหว และต้องหาวิธีใหม่มารับมือกับลูกชาย
หลังจากได้หาข้อมูลจากเวบบอร์ด และบล็อกของแม่โฮมสคูล เราได้มาเจอเวบ Brillkids และได้รู้จักกับโปรแกรม Little Reader นอกจากนั้นก็ดีวีดีที่เป็นที่นิยมกันคือ You Baby Can Read เราก็เปรียบเทียบโปรแกรมสองชุดนี้ แล้วตัดสินใจลงตัวกับ Little Reader เพราะว่าเป็นโปรแกรมที่ใช้ได้ไม่มีจำกัด ต่อเติม ตกแต่ง สร้างบทเรียนเองได้ ทำบัตรคำ ปริ๊นต์บัตรคำได้ และมีหลักสูตรสำเร็จรูปให้เราได้เอามาสอนลูกอีกเป็นเวลาหนึ่งปี ถ้าเราซื้อดีวีดี ลูกดูจบแล้วก็จบเลย เอาไปต่อยอดไม่ได้ เลยใช้ Little Reader แค่อย่างเดียว
ตอนแรกก็กังวลเหมือนกัน ว่าลูกยังเล็กนัก จะให้ดูคอมพิวเตอร์ได้หรือ แต่พอได้โหลดโปรแกรมมาทดลองใช้ ก็รู้ว่า ตัวบทเรียนใช้แวลาน้อยมากๆ ในหนึ่งวัน ลูกดูบทเรียนสองรอบ รอบละไม่เกินห้านาทีด้วยซ้ำ อีกอย่างจอคอมเราเป็นจอแบน อัตราการรีเฟรชสูง
ทำให้มีอันตรายน้อยกว่าจอนูนแบบเก่า แถมเจ้าลูกชายก็ชอบดูโปรแกรมมากๆ หลังจากที่เมินบัตรคำ พอมาเจอ Little Reader ร้องให้ขอดู ปิดไปก็ร้องทันทีค่ะ พอให้ดูมาได้ระยะหนึ่ง ลูกชายอายุ 1.11 ขวบ ก็เริ่มอ่านคำแรกให้ฟัง ยังจำได้ดีว่า คำแรกที่ลูกอ่านได้คือคำว่า Truck พอเริ่มอ่านคำแรกได้ คำอื่นๆก็เริ่มมา พอลูกอายุ 2.2 ขวบก็เริ่มอ่านประโยคง่ายๆในบทเรียนได้
หลักสูตรของ Little Reader จะแบ่งออกเป็นสองเทอม เทอมละ 130 วัน รวมทั้งหมด 260 วัน เด็กจะเริ่มเรียนอ่านคำเดียวก่อน จากนั้นก็คำคู่ วลี ประโยค จนสุดท้ายก็เริ่มเรียนอ่านนิทาน หลักๆแล้วหลักสูตร Little Reader เป็น sight words แต่มีเพิ่มโครงสร้างโฟนิคส์ด้วย ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ของหลักสูตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่น่าสนใจเพราะเด็กจะได้เรียนโฟนิคส์ไปด้วยในตัว
นี่เป็นวิดิโอลูกชายอ่านประโยคจากบทเรียน Simple Sentences ของ Little Reader ตอนอายุได้ 2 ขวบกับสองเดือนค่ะ
ช่วงที่สอง – เริ่มสอนโฟนิคส์
หลังจากที่ลูกดู Little Reader มาได้ระยะหนึ่ง เราก็เริ่มสอนโฟนิคส์ให้ลูก ตอนนั้นลูกชายอายุได้ 18 เดือน เริ่มชอบเลียนเสียง ทำเสียงต่างๆได้ เราเลยเริ่มสอนโฟนิคส์ วิธีสอนของเรา
เราสอนผ่านการเล่นเกม เพลง วิดิโอยูทูป และที่สำคัญที่สุดคือ ดีวีดี LeapFrog The Letter Factory เวลาที่ลูกดูดีวีดี เราจะนั่งดูกับลูกด้วยทุกครั้ง เพราะเราเองก็ไม่แม่นโฟนิคส์เท่าไหร่ พอได้ดูกับลูกก็เริ่มจำเสียงได้ จำได้พร้อมๆกับลูกนั่นเองค่ะ นอกจากจะดูดีวีดีแล้ว เรายังเล่นเกมต่อพัสเซิลกับลูก เวลาลูกต่อตัว a เราจะพูด a แอ แอ๊ปเปิล ตัว b ก็ b เบอะ บาสเก็ต ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่ต่อตัวอักษรค่ะ แล้วก็มีร้องเพลงโฟนิคส์ จำมาจากยูทูปแล้วก็มาร้องเล่นกันสองคนกับลูกชาย ลูกชายจำเสียงตัวอักษรได้ทุกตัว เมื่อตอนอายุประมาณ 20-21 เดือนค่ะ ใช้เวลาในการสอนแค่สองถึงสามเดือนเท่านั้นเอง พอลูกเราจำเสียงได้ เราก็เริ่มสอนลูกผสมคำ เราเอาแบบฝึกหัดมาจากหนังสือ Why Jonny Can’t Read ใช้ Little Reader ทำบัตรคำแล้วก็ปริ๊นต์ออกมากให้ลูกดู แต่ค่อนข้างลำบาก เพราะลูกไม่ชอบดูบัตรคำ แถมกฎของการสอนแบบนี้ลูกต้องอ่านคำนั้นๆออกก่อนที่เราจะเริ่มให้อ่านคำใหม่ได้
ช่วงแรกที่ผสมคำ ทำไปแบบช้ามากๆ ลูกเองก็ยังพูดไม่ได้ กว่าจะผ่านได้แต่ละชุดใช้เวลาเป็นเดือนค่ะ วิธีที่เราใช้ทดสอบว่าลูกอ่านได้ไหมคือ การให้เค้าเดินไปหนิบคำที่เราต้องการทดสอบ ถ้าหยิบถูกห้าครั้งติดกัน หรือหยิบถูกทุกครั้งที่ถาม แสดงว่าอ่านได้ ก็จะข้ามไปคำต่อไป
เราทำแบบนี้มาเรื่อยๆ จนเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ คุณ Larry Sanger ทำเวบสอนผสมคำด้วยโฟนิคส์เสร็จ เราก็เลยไม่ต้องทำบัตรคำเองแล้ว เข้าเวบนี้อย่างเดียวเลยค่ะ เวบที่ว่าคือ Reading Bearฟรีด้วยค่ะ ดีมากๆค่ะ
ณ วันนี้ ลูกชายเราอายุ 2.11 ขวบ อ่านหนังสืออก ผสมคำเป็น แยกรหัสโฟนิคส์ได้ และคิดว่าน่าจะทำได้ในระดับเดียวกับเด็ก Grade 1
ค่ะ
วิดิโอ ลูกชายออกเสียงโฟนิคส์ตอนอายุ 1 ขวบ 8 เดือนค่ะ
ขั้นตอนสุดท้าย – อ่านหนังสือเป็นเล่มได้แล้ว
เราให้ลูกดู Little Reader ต่อมาเรื่อยๆ และในเวลาเดียวกันก็สอนโฟนิคส์ตามวิธีข้างบน ทำเรื่อยๆมาจนในที่สุดลูกก็จบหลักสูตรของ Little Reader ผลที่ได้คือ ลูกอ่านหนังสือเป็นเล่มได้แล้ว อ่านแบบอ่านได้จริงไม่ใช่จำเอาจากหนังสือที่เคยให้ฟังบ่อยๆ ลูกอ่านคำที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้ และตอนนี้ก็ชอบอ่านหนังสือ ทั้งชอบอ่านเองและขอให้แม่อ่านให้ฟัง
ผลพลอยได้อีกอย่างคือ Little Reader เป็นการสอนแบบแฟรช ช่วยกระตุ้นสมองซีกขวา เราคิดว่าช่วยให้ลูกเราจำอะไรได้ดีและเร็วด้วยค่ะตอนนี้เรียนจบแล้ว เราก็ยังใช้ Little Reader อยู่ เราเอามาสอนวิชาอื่นด้วย เช่นภาษาต่างประเทศ เลข ความรู้สาราณุกรม และก็การสอนอ่านภาษาไทยค่ะ เราแปลหลักสูตรเป็นภาษาไทยแล้วเอามาให้ลูกดูอีกที
ในห้องสมุดออนไลน์ของ Little Reader มีไฟล์ให้ดาวน์โหลดเป็นพันๆไฟล์ เราเลือกเนื้อหาที่เราสนใจ หรือลูกสนใจ แล้วเอามาให้ลูกดู นอกนากนี้เราก็แต่งหนังสือเอง เอาสิ่งของรอบตัวลูกมาทำเป็นหนังสือ แล้วให้ดูผ่าน Little reader ซึ่งก็เป็นการอ่านแบบขั้นสูงขึ้นมานิดเมื่อเทียบกับเนื้อหาของหลักสูตร นอกจากนี้ลูกก็ยังคงได้ดู Reading
Bear อยู่ทุกวัน เพราะเป็นขั้นต่อยอด และเริ่มผสมคำที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
ลูกชายอ่านหนังสือที่แม่ทำให้
Tags:
คุณณิน ยินดีค่ะ
ขอบคุณค่ะคุณเเอ๋ว ได้ประโยชน์มากมาย
คุณเเอ๋วค่ะ พอดีใจร้อน เลยสั่งจากตลาดโบราณ ก็มีนะค่ะเพิ่งสั่งไปค่ะ 1 ชุดไม่รู้ลูกชอบเเผ่นไหนบ้าง
ชุด LEAP FROG ทีจะมีทั้่งหมด 11 แผ่น ราคาชุดละ 495.- หากต้องการซื้อแยกแผ่น ๆ ละ 50.- ครับ
LEAP FROG - Math Circus
LEAP FROG - Letter Factory
LEAP FROG - Learn to Read
LEAP FROG - Talking Word Factory
LEAP FROG - Code Word Caper
LEAP FROG - Let's Go To School
LEAP FROG - A Tad Of Christmas Cheer
LEAP FROG - Math Adventure to the Moon
LEAP FROG - Amazing Alphabet
LEAP FROG - Numbers Akoy
LEAP FROG - Sing Learn Us!
ที่โอเคสุดคือ Talking Word Facctory / Letter Factory ค่ะ
อย่างอื่นธรรมดาค่ะ ยิ่ง math นี่รีวิวจากอะมาซอนไม่ดีเลย แอ๋วเลยไม่ซื้อค่ะ
แล้วถ้ามีบัตรคำด้วยก็จะดีค่ะ เพราะเอามาเป็นตัวช่วยสอนโฟนิคส์ได้ดี อย่างในวีดีโอเจคอบแอ๋วก็ใช้บัตรคำที่มากับดีวีดีชุด Letter Factory ค่ะ
ถ้าเป็นการ์ตูนสอน math ที่น่ารักและดีสุดๆคือ Team Umizoomi ของ Nick Jr. น่ารักมาก ดีมากด้วยค่ะ....
คุณเเอ๋วค่ะ บัตรคำซื้อได้ที่ไหนค่ะ
บัตรคำแอ๋วซื้อพร้อมชุด Leapfrog ค่ะ มันแถมมากับดีวีดีค่ะ
http://www.amazon.com/LeapFrog-Learning-DVD-Set/dp/B002LYD2M6/ref=s...
ที่ amazon มีขายเยอะเลยค่ะ
http://www.amazon.com/s/ref=nb_sb_ss_i_6_8?url=search-alias%3Daps&a...
เป็นการ์ตูนสอนคณิตที่ดีที่สุดที่แอ๋วเคยได้ดูมา(พร้อมลูก) สอนหมดเลยทั้งตัวเลข รูปทรง อนุกรม นับถอยหลัง การแก้ปัญหา สุดยอดมากค่ะ เจคอบชอบมากๆเลยค่ะ
คุณแอ๋วคะ leap frog ที่คุณแอ๋วแนะนำ เป็นการออกเสียงโฟนิคส์ใช่ไหมคะ เคยให้ลูกดู jolly phonics ลูกไม่ค่อยชอบดูค่ะ แต่ตอนนั้นลูกประมาณสามขวบกว่า ตอนนี้เพิ่ง 4 ขวบ อีกไม่กี่วัน ไม่รู้ว่าจะดูหรือเปล่า แต่จะลองดูค่ะ ดิฉันอยากถามหน่อยนะคะว่า ถ้าดิฉันไม่ใช้โปรแกรม LR (คือประมาณว่างบน้อยค่ะ) แต่อยากสอนลูกหัดอ่านแบบเดียวกับคุณแอ๋วนั้น ดิฉันใช้flash cards ที่มีทั้งรูป และ คำ แล้วอ่านออกเสียงให้ลูกฟังเป็นคำๆไป จะได้ไหมคะ หรือว่าจะต้องให้ลูกรู้จักเสียง A-Zทุกเสียงก่อน แล้วให้ลูกผสมคำให้เป็นก่อน แล้วจึงใช้แฟลชการ์ดหรือคะ คุณแอ๋วช่วยแนะนำหน่อยนะคะ คือไม่เข้าใจขั้นตอนลำดับก่อน หลังน่ะคะ หรือว่าทำไปพร้อมๆกัน ขอบคุณนะคะ
ทำได้ค่ะคุณลภัสรดา อาจจะต้องใช้เวลาและเหนื่อยกว่าคนที่มี LR แต่ทำได้แน่ๆค่ะ
Leapr Frog - Letter Factory สอนโฟนิคส์ค่ะ คอนเฟิร์มว่าถ้าเด็กชอบดู เด็กจำเสียงโฟนิคส์ได้แน่นอนค่ะ
พอลูกจำได้ก็พาลูกดู Reading Bear (www.readingbear.org) เวบนี้ฟรีค่ะ สำหรับแอ๋วแล้ว คิดว่าดีกว่าเวบทุกเวบที่สอนอ่านภาษาอังกฤษฟรีค่ะ......
การจำเสียงได้ จำเป็นมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะ ต้องจำได้แม่นทุกตัวก่อนเริ่มผสมคำนะคะ
ส่วนบัตรคำ เวบ Brillkids มีใหโหลดฟรีเป็นพันๆไฟล์ค่ะ เข้าไปดูตรง free download for member only ตรงฟอรั่มนะคะ มีเยอะมากๆ โหลดไม่หวาดไม่ไหวแน่ๆค่า
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ดิฉันเคยลองเข้าไปดูเว็บนี้มาแล้ว รู้สึกเหมือนจะมีอะไรมากมายนะคะ แต่เหมือนเข้าไม่ได้ (หรือว่ายังไม่สมัครสมาชิกหรือเปล่า + อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างด้วยค่ะ)แต่จะลองเข้าไปดูเว็บนี้อีกทีค่ะ
แม่แอ๋วค่ะ การ์ตูน math ของ Team Umizoomi ของ Nick Jr ต้องสั่งซื้อแบบทั้ง set ใหญ่เลยไหมค่ะ จะได้สั่งซื้อพร้อมกันกับตัวleapfrog นะค่ะ
จริงๆแล้วแอ๋วไม่มีดีวีดี Team Umizoomi นะคะ เจคอบดูจากช่องเคเบิ้ลที่บ้านค่ะ แล้วมันมีช่อง on demand ของ Nick Jr. ให้ดูฟรีเลยได้ดูแต่จากตรงนั้นค่ะ แต่เท่าที่ดูมา ดีมากทุก episode เลยค่ะ..
อันนี้ต้องตัดสินใจเองแล้วจ้ะว่าสั่งชุดไหนดี....
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by