มีใครส่งลูกเรียนที่โรงเรียนวนิษาบ้างคะ และบ้านใครอยู่แถวรังสิต ปทุมฯ หรือใกล้เคียง ให้ลูกเรียนโรงเรียนอะไรคะ

[supawadee]

สวัสดีค่ะ

 

ไม่ทราบว่าคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนพาลูกเรียนที่โรงเรียน วนิษาบ้างคะ เป็นยังงัยบ้างเล่าให้ฟังหน่อยได้มั๊ยคะ

 

และกำลังมองหาอนุบาลแถวๆรังสิต  คุณแม่ที่มีลูกเล็ก และมีบ้านอยู่แถวรังสิต ให้ลูกไปเรียนโรงเรียนไหนกันคะ ดีอย่างไรเล่าให้ฟังบ้่างค่ะ  กำลังมองหาอนุบาลให้ลูก ลูกอายุ 2.5 ปีค่ะ

 

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

[ma ma]

ไปดูที่โรงเรียนเองเลยค่ะ โรงเรียนสอนคนละสไตล์เลยค่ะ เรียกว่าคนละเเนวเลยค่ะ

[สุชาดา]

อยู่หมู่บ้านสินธร แถวรังสิต-บางพูน เมื่อ 3-4ปีที่แล้วก็มีปัญหาเดียวกัน(ตอนนี้หลาน 6ขวบ) ไปดูแถบคลองรังสิตเหมือนกันแต่เรามีเกณฑ์ว่าเด็กยังเล็กมากไม่ควรใช้เวลาในการเดินทางนาน จึงตัดโรงเรียนแถบคลองรังสิตไปก่อน  มาดูทุกโรงเรียนในละแวก รังสิต รัตนโกสินทร์ เมืองเอก แต่ละโรงเรียนก็มีข้อดี ข้อด้อย ก็มาปรึกษากับทางบ้านว่า แนวโน้มในอนาคตน่าจะปั้นให้เด็กมีความสามารถด้านใดบ้าง สรุปว่าช่วงเด็กเล็กควรจะปลูกฝังพฤติกรรมที่ดีเป็นหลัก ( เป็นการไปปรึกษากับนักจิตวิทยาแล้ว ) และทางบ้านก็เห็นว่าควรให้ฝึกภาษาอังกฤษร่วมด้วย เนื่องจากทางบ้านมีอาชีพค้าขายเจอทั้งคนไทยและต่างชาติ ตอน อ.1-3 จึงเลือกให้เรียนโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต ครูที่เด็กอยู่ด้วยดีมาก คือสอนให้เป็นเด็กดี ไม่ตามใจ และครูสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดีของเด็กให้อีกด้วย ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ (อ.1 ครูวรรณ ครูจิ๋ม T.John , อ.2 ครูรัส ครูตุ๊ก T.ho เป็นต้น) และเนื่องจากอยู่กับครูชาวต่างขาติกันตลอดทั้งวัน ( ต่างชาติเป็นครูประจำชั้น ) ปัจจุบันเด็กก็ได้สำเนียงและศัพท์ที่ถูกต้องติดตัวมาด้วย ขณะนี้สามารถสื่อสารกับต่างชาติได้เอง บางครั้งเราพูดผิดหรือสำเนียงไม่ถูกต้องก็แก้ไขให้เราได้ แต่พ่อแม่ก็ต้องฝึกให้เด็กเป็นคนที่ช่างสังเกตุ ช่างซักถาม มีเด็กบางคนที่ไม่ค่อยได้อะไรเลยหมายถึงทางด้านภาษา ( พ่อ แม่เด็กบอก ) เราก็ดูว่าเด้กไม่เข้าหาครูก็คงไม่ได้อะไรเท่าที่ควร ส่วนทางวิชาการเราก็ไม่เร่งรัด เราค่อยๆสอนเองอยู่แล้ว ทางบ้านวางแผนไว้ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนว่าในแต่ละปีเด็กน่าจะมีความรู้แค่ไหน  มีความรู้ทางวิชาการแค่ไหน อ่านเขียนได้แค่ไหน ก็วางแผนไว้ให้พอดีกับการเตรียมตัวขึ้นชั้น ป.1 ( ชั้นเด็กเล็ก สาธิตรังสิตไม่เน้นวิชาการ สอนลักษณะบูรณาการ พออ่านออกเขียนได้ ) เมื่อต้นปี 54 ก็ไปสอบเข้า สาธิตเกษตรเหมือนกัน แต่ไม่ติด พอดีก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปี ตอนหลานอยู่ อ.2 ได้มีโอกาสร่วมประชุมกับผู้บริหารในกระทรวงศึกษาจึงขอคำแนะนำว่าถ้าบ้านแถวนี้ลองไปดูโรงเรียนประชานิเวศน์ประถม ( ของ กทม. เรียนฟรี แถววัดเสมียนนารี ) เราก็เข้าไปดูโดยไม่บอกว่ามีใครแนะนำ ดูพฤติกรรมเด็ก ( เด็กๆ กล้าแสดงออก ไม่กลัวคน  ) ดูพ่อแม่ ( พ่อแม่มีทุกระดับ พ่อค้า mcรับจ้าง ข้าราชการระดับสูง ) ไปดูจนครูจำได้ถามว่ามากี่รอบแล้ว ส่วนดีของโรงเรียนนี้ก็มีคือ เน้นทางวิชาการ ระเบียบวินัย ( ทุกวันอังคารเป็นวันวินัย เด็กๆทุกชั้นปี จะแต่งชุดหมือน รด.เพื่อฝึกวินัยตามสมควรกับชั้นปี) และมี 2 ภาษาด้วย ซึ่งครูต่างชาติก็ใช้ฟิลิปินส์ แต่คุยกันแล้วสำเนียงใช้ได้ มีคำเพี้ยนน้อยมาก ซึ่งทดลองให้หลานพูดคุยด้วย หลานก็พูดสำเนียงต่างชาติ ครูก็พูดสำเนียงคล้ายคนไทยพูดอังกฤษแต่เร็วกว่า ซึ่งก็ฟังกันรู้เรื่องและเข้าใจ แต่ปัญหาก็คือ รร. กทม.โดยเฉพาะ รร.นี้เด็กต้องอายุ 7 ปี จึงจะเรียน ป.1 ได้ หลานจึงต้องเรียนเตรียมประถมที่นี่ก่อน ซึ่งครูก็ให้เหตุผลว่า ป.เตรียม เป็นการฝึกให้อ่านเขียนได้คล่องก่อน เราก็เห็นด้วยว่าถ้ายังอ่านเขียนไม่คล่องแล้วต้องเรียนทางวิชาการเลยคงไม่ดีแน่ มีรร.นี้เท่านั้นที่มี ป.เตรียม ปัจจุบันเรียนมาได้เกือบ 1 เทอม ก็เป็นไปอย่างที่คุณครูบอก อ่านเขียนได้คล่องไม่ต้องบอก ยกเว้นคำที่ยากๆ เริ่มอ่านหนังสือนิทานเองได้ ป.เตรียมใช้หนังสือ ป.1 เรียน แต่ครูจะเลือกเนื้อหาให้เรียน   ปีหน้าขึ้น ป.1 ก็จะให้สอบเพื่อเรียน 2 ภาษา ( ถ้าได้ก็เรียนฟรีอีก คิดว่าเก็บเงินค่าเทอมแพงๆ ไปให้เสริมความรู้ด้านอื่น ดีกว่า ) ตอนนี้สอบได้เป็นลำดับต้นๆ ของห้อง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะมีความรู้ทั้งไทย อังกฤษ ( นร.160คน เอา 60 คน ) ทางบ้านก็ไม่นึกเสียใจอะไรที่ไม่ได้สาธิตเกษตร ( ตอนสอบหลานเป็นคนที่รอคอยไม่เป็น เด็กบอกว่า ให้อยู่ทำข้อสอบหลาย ชม.ไม่เรียนหลอก คนที่ทำได้น่าจะให้ทำข้อสอบเองไปก่อน ทำไมต้องรอด้วย ไม่สมเหตุเหตุสมผล ไปเรียน ป.เตรียม ประชานิเวศน์ก็ได้คุณครูเข้าใจตัวเค้าดี ตอนนั้นหลานรู้แล้วว่าได้ที่ประชานิเวศน์ แล้วหลานบอกกับคุณครูว่าอยากมาเรียนด้วยนะ ก็ไม่รู้ว่าถูกใจอะไร ) รร.นี้ก็ยังมีข้อดีในส่วนอื่นเช่นการเรียน 2 ภาษาอีกด้วย ส่วนข้อด้อย รร.นี้ ก็คือ สถานที่ คับแคบ อาคารต่างๆ ก็เหมือน รร.ใน กทม.ทั่วไป ไม่มีที่จอดรถ ต้องส่งแล้วไปเลย หรือไม่ก็จอดไกลๆ แล้วเดินมาส่ง  ที่เล่ามาเป็นประสบการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ลองพิจารณาดูว่าครอบครัวต้องการการศึกษาแนวใด วันหลังจะตอบมาใหม่ว่า เป้นอย่างไร