เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

มาตรฐานความรู้ในการใช้ภาษาอังกฤษของเด็กไทยกำลังแพ้เด็กเวียตนามและเขมร

โดยป้าเสลา:
http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=4597.0%3Bwap2
-----------
ป้าเสลาได้ชมรายการชีพจรโลกโดยคุณสุทธิชัย หยุ่น
จากช่อง 9 เมื่อวันก่อน
ได้รับทราบข้อมูลที่น่าตกใจว่า

ได้มีการสำรวจเด็กในแถบเอเซียพบว่า
มาตรฐานในการใช้ภาษาอังกฤษของเด็กไทยอยู่ในอันดับเกือบจะบ๊วย
ซึ่งหมายถึงว่า เราแพ้เด็กเวียตนามและเด็กเขมร



แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการเรียนภาษาอังกฤษของไทย
เพราะเด็กไทยต้องเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่อนุบาลยันมหาวิทยาลัย
แต่ไม่สามารถพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษได้ดีเท่าที่ควรจะเป็น


**************

จากบทความในผู้จัดการออนไลน์
รศ.ดร.ประพาศน์ พฤทธิประภา อดีตอาจารย์ภาควิชาภาษาอังกฤษ
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวในการจัดสัมมนา
เรื่องการสอนภาษาตะวันออกในฐานะภาษาต่างประเทศ
ซึ่งจัดอบรมให้กับครูอาจารย์ที่สอนภาษาตะวันออก
ในระดับมัธยมศึกษาและระดับอุดมศึกษาว่า
การเรียนการสอนภาษาไม่ว่าจะเป็นภาษาตะวันตกหรือภาษาตะวันออก
ล้วนแต่ต้องใช้แนวทางเหมือนกันแทบทั้งสิ้น

ทุกวันนี้การเรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทยทำไม่ได้ผล
เยาวชนไทยเรียนภาษาอังกฤษจากระดับอนุบาล
ถึงประถมศึกษา และมหาวิทยาลัย
เรียนยาวนานถึง 16 ปีก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้นั้น
เป็นเพราะวิธีการสอนของครูที่เน้นวิธีการสอนแต่ไม่เคยเน้นเรื่องหลักสูตร
ทำอย่างไรจะให้วิธีการสอนเดินเคียงคู่ไปกับหลักสูตรให้ได้
ซึ่งทุกวันนี้วิธีการสอนก็มักวิ่งตามแฟชั่นใหม่ๆ ตลอดเวลา



หลักสูตรภาษาอังกฤษมีการยกเครื่องกันหลายครั้ง
แต่สื่อการเรียนการสอนยังไม่สอดคล้องกับหลักสูตรเท่าที่ควร
ครูที่สอนภาษาอังกฤษผ่านการอบรมแค่ประเดี๋ยวประด๋าว
อบรมกันแบบไฟไหม้ฟาง ทำงานแบบเบี้ยหัวแตก
จึงทำให้ครูที่สอนภาษาอังกฤษไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร
เมื่อยังเป็นเช่นนี้อย่าได้หวังว่าการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในเมืองไทย
จะประสบความสำเร็จ กลับเป็นการสูญเปล่าทางการศึกษา
การจะทำให้นักเรียนมีทัศนะที่ดีทางด้านภาษานั้น
ขึ้นอยู่กับตัวครูและตัวเด็กเอง
ที่ต้องรักและสนใจพยายามที่จะเรียนรู้
ซึ่งนักเรียนสมัยนี้ก็ไม่ได้สนใจอยากได้ความรู้
แต่จะนึกถึงคะแนนเป็นส่วนใหญ่

“การสอนภาษาอังกฤษให้เด็กไทยนั้น
ไม่จำเป็นต้องใช้ครูจากต่างประเทศ
สิ้นเปลืองและอาจจะไม่คุ้มค่า
แต่ผมอยากให้อบรมครูภาษาอังกฤษที่มีอยู่ให้ได้รับการพัฒนา
อย่าได้นำเข้าทั้งครูและหลักสูตรจากต่างประเทศมากนัก
ทำไมเราไม่คิดนวัตกรรมการสอนภาษา
โดยใช้แนวทางที่เป็นภูมิปัญญาของเราเอง
แต่เรามักอ้างต่างชาติตลอดเวลา
สำเนียงภาษาอังกฤษที่พูดนั้น
ถ้าคนไทยพูดก็ควรจะเป็นภาษาอังกฤษของคนไทยที่มีการศึกษา
ซึ่งไม่จำเป็นต้องออกเสียงแบบสำเนียงอังกฤษหรืออเมริกัน
ผมคิดว่าการพูดภาษาอังกฤษไม่จำเป็นต้องแบบดัดจริตพูด
แต่จะพูดภาษาอังกฤษอย่างคนที่มีการศึกษาควรพูดเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า”

รศ.ดร.ประพาศน์กล่าวต่ออีกว่า หลายคนยังเข้าใจผิดว่า
การเดินทางไปเรียนต่างประเทศจะทำให้คนๆ นั้นพูดภาษาอังกฤษได้นั้น
ขอบอกว่าไม่เสมอไป
หากไปแล้วยังพูดภาษาไทยก็ไม่มีวันพูดได้ หากมีความรัก สนใจ
พยายามและทุ่มเทเรียนในเมืองไทยโดยไม่จำเป็นต้องไปต่างประเทศ
การเรียนภาษานั้นสามารถเรียนได้ในทุกช่วงอายุ
แต่คนมักเข้าใจผิดคิดว่าเด็กๆ เรียนภาษาได้ดีกว่าผู้ใหญ่
ซึ่งเด็กๆ มีข้อดีอยู่ที่การออกเสียง อายุมากหรืออายุน้อยไม่เป็นอุปสรรค
เริ่มเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ต้องเริ่มให้ถูกวิธีไม่ว่าภาษาไหนก็ตาม
อย่าลืมว่ามนุษย์เกิดมาเพื่อเรียนภาษา
ซึ่งจะใช้ในการสื่อสารและสามารถเรียนได้ทุกภาษา


คลิคชมคลิปรายการชีพจรโลก
วิเคราะห์สถานะภาพและมาตรฐานการสอนภาษาอังกฤษให้เด็กไทย ==>> http://hiptv.mcot.net/hipPlay.php?id=11319

Views: 385

Reply to This

Replies to This Discussion

อย่างที่คูณพ่อมือใหม่ได้เขียนไว้ในหนังสือว่า "ครูที่สอนดีที่สุดอยู่ที่ไหน"
คำตอบคือ ที่บ้านโดย คุณพ่อและคุณแม่ ครับ ในบทความกล่าวว่า
"การเรียนการสอนยังไม่สอดคล้องกับหลักสูตร
จึงทำให้ครูที่สอนภาษาอังกฤษไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร"
ผมคิดว่าการเพิ่มแนวทางการพัฒนาการสอน จากที่เน้นที่ตัวครูซึ่งปรับเปลื่ยนได้ช้า
มาเป็นที่ตัวคุณพ่อคุณแม่ซึ่งมีความคล่องตัว ในการปรับเปลื่ยนทั้งรูปแบบการเรียนการสอน
รวมทั้งวิธีคิด โดยใช้วิธีของคุณพ่อมือใหม่เป็นต้นแบบ อบรมให้กับคุณพ่อคุณแม่
ที่มีความสนใจ น่าจะได้ประโยชน์กว่าครับ
กระทู้นี้กำลังจะตกจากหน้าหนึ่ง ช่วยๆๆดันขึ้นมาตอกย้ำพ่อแม่ 2 ภาษาที่กำลังจะสร้างลูกว่าเรามาถูกทางแล้วค่า
มาช่วยดันกระทู้ครับ คุณอ๊อบ
+กระทู้นี้ช่วยเตือนสติ..คนได้ทั้งประเทศเลยครับ ไม่เฉพาะแต่พ่อแม่
....ยกเว้นพวกนักการเมืองคงไม่สนใจอะไรเท่าไหร่
+ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ..
เห็นด้วยคร้าสำหรับหัวข้อนี้
ขอเป็นเจ๊ดันด้วยคนคร้า
เต็มที่
ดันค่ะ
เรียนมา 16-20 ปีก็จริง แต่เรียนกันวันละไม่เกิน 1 คาบ(50นาที)
(ต้องลบเสาร์-อาทิตย์กับปิดเทอมและวันนักขัตฤกษ์ด้วย)

และในแต่ละคาบนั้นนั่งฟังครูสอนเสียส่วนใหญ่
นักเรียน-นักศึกษาไทยไม่เคยฝึกใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนาค่ะ
มีแค่"ท่อง"ไปสอบเท่านั้น
ขอลอกไปโพสต์ในเวปร.ร.ต้นกล้าด้วยนะค่ะ
เห็นด้วยกับส่วนนี้ด้วย

การเรียนภาษานั้นสามารถเรียนได้ในทุกช่วงอายุ
แต่คนมักเข้าใจผิดคิดว่าเด็กๆ เรียนภาษาได้ดีกว่าผู้ใหญ่
ซึ่งเด็กๆ มีข้อดีอยู่ที่การออกเสียง อายุมากหรืออายุน้อยไม่เป็นอุปสรรค
เริ่มเมื่อไหร่ก็ได้


อย่างพวกเราพ่อแม่ไงคะ มาเริ่มเอาตอนมีลูก ก็พัฒนาได้เหมือนกัน เพื่อลูก
ฉะนั้นคนที่ลูกโตเกิน 7 ปีหรือกี่ปีก็แล้วแต่ ก็ยังไม่สายนะคะ
แนวทางการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของกระทรวงฯ ควรได้รับการปรับปรุงค่ะ...หลักสูตรของไทยเราเน้นเรื่อง exam-oriented เป็นหลัก ตั้งแต่ระดับประถมไปจนมหาลัย...ดังนั้น หากเป็นวิชาไหน ที่เด็กไม่ได้สนใจจริงๆ แต่จำเป็นต้องเรียน (ตามแพทเทิร์นของหลักสูตร)...พอเรียนจบ ท่องไปสอบเสร็จ ก็ลืม(เป็นส่วนใหญ่)ซะงั้น

จากการที่ส่งลูกไปเรียนร่วมที่รร.ไทยแนวบูรณาการมาสองเดือน (ช่วงรร.อินเตอร์ปิดเทอมที่ผ่านมา)...แม้จะใช้คุณครูต่างชาติสอน แต่วิธีการสอน(แนวไทยๆ) เป็นแบบนี้ค่ะ...ระดับอ.๓

ครู- Everybody, please say, "Good morning, Teacher..... How are you today?
แล้วครูก็สอนเด็กว่า...You have to say....I am fine, thank you. And you?
เด็กๆ-พูดตามอยู่สองรอบ แล้วครูก็เรียกเด็กให้ฝึกพูดปย.เดิม ทีละคน

สอนปย.อื่นๆก็แบบนี้ แถมครูฟิลิปปินส์พูดไป ยังต้องมีครูไทยพี่เลี้ยงคอยแปลให้เด็กฟังอยู่ตลอดเวลา....คลาสนี้รร.เรียกตัวเองว่า "ภาคภาษาอังกฤษ" เรียนวันละ ๑ คาบตอนเช้า ๕๐ นาที (ผปค.ต้องเสียตังค์เพิ่ม)...ตอนแรกให้ลูกชายลง เพราะคิดว่าจะช่วยให้เขาปรับตัวได้ง่ายขึ้นกับรร.เพราะในคลาสใช้ภาษาอังกฤษ ปรากฏว่า ไปได้ ๑ อาทิตย์ เขาขอร้องแม่อย่าส่งไปคลาสนั้นอีกเลย เพราะครูชอบเรียกให้เขาตอบ-ออกไปเติมคำหน้าชั้น และที่สำคัญ ไม่สนุกเลย

อีกตย.หนึ่งของลูกเพื่อน ที่ไปเรียนร่วมในช่วงเวลาเดียวกัน แต่อยู่ชั้นป.๑ค่ะ (เพื่อนกลับมาเล่าให้ฟัง)

ครูฝรั่ง-How many times do you brush your teeth per day?
เด็กๆ (ทุกคนอ่านตามบทเรียน ตอบพร้อมๆกัน) - Two times per day.
ลูกเพื่อน- 3 times a day.

เพื่อนเลยถามลูกว่า แล้วตอบแบบนั้น คุณครูว่าไง...ลูกบอก ไม่ได้ว่าไง เพราะคุณครูไม่ได้ยิน เพราะเสียงเพื่อนๆในชั้นกลบเสียงคำตอบของหนูหมด...เศร้าไหมคะ
น่าเสียใจจังเลยค่ะ มันเป็นอะไรที่สะท้อนความจริงอย่างหนึ่งค่ะ "พ่อแม่เป็นครูที่ดีที่สุดของลูก" แต่เราจะไม่ท้อค่ะ เพราะว่ายังมี website ดีๆ อย่าง 2pasa.com ที่มาช่วยสร้างแนวทางให้กับพวกเรา ช่วยกันนะคะ upgrade ลูกหลานของเรา สู้ๆๆ
เข้ามาเป็นแนวร่วมอีกคนค่ะ อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจที่จะพัฒนาเด็กไทยของเรา โดยเริ่มจาก 1 ครอบครัว ไป 2, 3, 4,.......จนทั่วประเทศไทย
คุณพ่อ คุณแม่ ทุกท่าน สู้ สู้ ค่ะ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service