เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
สอนน้องแบบ OTOL ค่ะ ลูกพูดอังกฤษกับแม่ประมาณ 80% ค่ะ พ่อพูดไทยค่ะ น้อง 2.1 ขวบค่ะ สอนมาตั้งแต่ ขวบครึ่งค่ะ ส่วนใหญลูกพูดอังกฤษ แม้ว่าคนอื่นจะคุยเป็นภาษาไทย แต่ไม่ใช่ว่าลูกจะไม่เข้าใจน่ะค่ะ แต่เหมือนว่าเค้าจะถนัดอังกฤษมากกว่า และมีแม่บางท่านแนะนำว่าถ้าเข้า รร ลูกอาจมีปัญหากับเพื่อนเวลาสื่อสารกันค่ะ กลัวค่ะ กลัวลูกจะมีปัญหา อยากขอคำแนะนำคุณแม่มีใครมีปัญหาแบบนี้มัยค่ะ ต้องปรับเปลี่ยนการสอนดีมั้ยค่ะ คือ ถ้าแม่อยู่ข้างนอกหรืออยู่กับคนอื่นจะพูดไทยล้วนแทนดีมั้ยค่ะ เค้าจะได้รู้ว่าเวลาอยู่กับคนอื่นต้องพูดภาษาไทย ลูกจะสับสนมั้ยค่ะ หรือควรจะทำแบบเดิมคือพูดอังกฤษกับเค้าปกติ แต่เพิ่ม คำอธิบายให้เค้ามากขึ้น ว่าอันนี้นะลูกภาษาไทยเรียกว่า ??? ดีมั้ยค่ะ ตอนนี้สับสนนิดหน่อยไม่รู้จะเดินทางไหนดี แต่ว่าลูกเค้าก็ไม่ได้มีปัญหาด้านการพูดน่ะค่ะ ถือว่าเป็นเด็กพูดเก่ง แต่ไม่ค่อยยอมพูดไทยเลย
รบกวนขอคำแนะนำวิธีการแทรกภาษาไทยของคุณแม่ควรทำเป็นแบบไหนดีค่ะ
Tags:
มีปัญหาคล้ายๆ กันเลยค่ะ เริ่มทำ OTOL กับลูกตอน 1.6 ขวบ ตอนนี้ลูก 2.3 ขวบ พูดไทยเก่ง และเริ่มชอบพูดภาษาอังกฤษเวลาคุยกับคนอื่นๆ ในครอบครัว (โดยไม่สนใจว่าคู่สนทนาจะคุยเป็นภาษาไทย) แม้กระทั่งเวลาดูหนังสือ หรือเล่นคนเดียวก็จะพูดภาษาอังกฤษ ..กับเพื่อนในจินตนาการ ...กับตุ๊กตา และสัตว์เลี้ยงในบ้าน วันนี้เจ้าตัวเล็กถือซองจดหมายไปหาน้องหมาที่บ้าน และถามว่า Is it your mail? (- -") ซึ่งทางครอบครัวก็เริ่มกังวลว่าลูกจะสับสน และมีปัญหในการาสื่อสารกับเพื่อนๆ เวลาอยู่โรงเรียนค่ะ ...
โดยส่วนตัวคิดว่าเด็กเล็กๆ น่าจะปรับตัวได้ง่าย และเรียนรู้ได้เองว่าจะต้องพูดภาษาไทยเวลาสือสารกับเพื่อนๆ ก็เลยยังคงพยายามเพิ่มความถี่ในการทำ OTOL ลูกต่อไป เพราะห่วงว่าลูกจะมีโอกาสพูดภาษาอังกฤษน้อยลงเมื่อเข้าโรงเรียน... แต่ก็ยังแอบสับสนเหมือนกันค่ะ ...ยังไงขออนุญาติมาฟังคำแนะนำจากคุณแม่ท่านอื่นๆ ด้วยนะคะ
เรื่องนี้สำคัญนะค่ะเด็กๆต้องการภาษาไทยไปสื่อสารนอกบ้าน อ๊อบเองก็เคยมีปัญหานี้เหมือนกัน เพราะตั้งใจว่าจะให้ลูกเรียนร.ร.สายสามัญ พอสังเกตุได้ถึงปัญหานี้เลยแก้ด้วยการพูดไทยกับลูกมากขึ้น และพาไปร.ร.เตรียมอนุบาลก่อนค่ะ ถ้าผ่านด่านการที่ร.ร.ยอมรับได้ว่าลูกเราอาจจะสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษให้พยายามเข้าใจลูกเราด้วยก็สบายค่ะ เพราะเด็กๆปรับตัวง่าย แรกๆก็มีบ่นไม่อยากไปร.ร.บ้างเพราะไม่มีใครคุยด้วย ก็คุณเธอเล่นพูดภาษาอังกฤษกับเพื่อน เพื่อนเลยไม่เล่นด้วยเลย...แต่ไม่นานก็ดีขึ้นค่ะ เพราะเค้ารู้จักภาษาไทยอยู่แล้วแค่ตอนที่อยู่บ้านเราไม่ได้เปิดโอกาสให้เค้าได้ฝึกพูดมากเท่าภาษาอังกฤษ
โห...อยากมีประสบการณ์อย่างนี้บ้างจังค่ะ แต่ลูกชายก็ยังชอบภาษาไทยมากกว่าอยู่นั่นเอง...
ส่วนตัวคิดว่า พอเข้าโรงเรียนเค้าน่าจะได้ภาษาไทยจากสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และพูดภาษาไทยได้คล่องในที่สุดค่ะ
เป็นทั้งครูสอนอนุบาลและแม่ของเด็กสองภาษาสองคนค่ะ มีเด็กอ.หนึ่งที่รร.เหมือนกันที่ๆบ้านเน้นอังกฤษ เด็กมารร.ช่วงแรกต้องปรับตัวกันมากเลย เพราะครูประจำชั้นเค้าไม่ได้พูดอังกฤษเก่ง แล้วก็มีครูที่ไม่ค่อยเข้าใจด้วยว่า เป็นคนไทยทำไมพ่อแม่ถึงให้พูดแต่อังกฤษ เรื่องนี้ขอแนะนำค่ะ ว่าที่บ้านให้ทั้งคุณพ่อ คุณแม่พูดทั้งสองภาษากับน้อง แต่ต้องพูดภาษาเดียวทั้งประโยคและสอนให้น้องตอบเป็นภาษาที่เราพูดด้วยนะคะ
ที่บ้านเราสอนแบบนี้ค่ะ ไม่ได้มีทฤษฎีอะไรแต่ส่วนตัวเคยเจอคนพูดไทยคำอังกฤษคำแล้วมึนค่ะ กลายเป็นเอาดีไม่ได้สักอย่าง เลยสอนลูกแบบนี้ เด็กจะเรียนรู้เองว่า แม้ตอบเป็นอังกฤษแล้วแม่จะเข้าใจ แต่เค้าต้องหัดตอบและเล่าเรื่องให้แม่ฟังเป็นไทยล้วนๆได้ด้วยนะ ภาษาอังกฤษง่ายกว่ามากอยู่แล้วค่ะ ถ้าเด็กเริ่มด้วยพื้นฐานที่ดีอย่างลูกคุณแม่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เค้าจะเลือกพูดอังกฤษมากขึ้นเรื่อยๆ ลูกที่บ้านก็เหมือนกันค่ะแต่เราต้องให้เค้าฝึกบ่อยๆ
ยังไงก็แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้ค่ะ จริงๆเด็กไม่ค่อยสับสนกับภาษาหรอกค่ะ แต่ที่น่าห่วงนิดหน่อยคือ คนรอบข้างอาจสับสนได้
โชคดีนะคะ
เด็กสองภาษาที่สมบูรณ์ ต้องสามารถสื่อได้ทั้งสองภาษาโดยที่ไม่ต้องแปลความจะพูดออกมาได้ทันที หากเด็กเข้าใจแต่ไม่พูดไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตาม นั่นหมายถึงเด็กได้รับภาษานั้นน้อยจนเกินไป (เหมือนแก้วน้ำ 2ใบ ใบ 1เต็มและล้นออกแล้ว แต่อีกใบมันยังไม่เต็มแก้ว) แม่ต้องใส่ภาษาที่เขาอ่อนลงไปให้มากขึ้น (เหมือนเติมน้ำในแก้วใบที่2จนน้ำมันล้นออกจากแก้ว แล้วลูกจะเริ่มพูดเหมือนเด็กปกติทั่วไป)
เด็ก 2ภาษา ควรจะได้ทั้ง 2 ภาษาในระดับเท่ากัน คุณแม่ต้องคอยสังเกตดู คอยปรับระดับของ 2ภาษาให้อยู่ในระดับที่สมดุลย์กัน เมื่อทำได้แล้ว ปล่อยลูกออกไปเจอสังคมนอกบ้าน เขาจะไม่รู้สึกแปลกแยกในการใช้ภาษากับคนอื่น แต่กลับเข้ากับคนอื่นได้อย่างดีเยี่ยมค่ะ
ใครที่กลัวลูกสับสนเมื่อต้องออกไปมีสังคมนอกบ้าน กลัวมีปัญหาสื่อภาษาไทยไม่ได้ (แม้จะเข้าใจก็ตาม แต่ไม่พูด) ก็ควรปรับระดับ 2 ภาษาให้อยู่ในระดับที่สมดุลย์กันเสียก่อนค่ะ ควรจะทำให้สำเร็จก่อนลูกไปร.ร.อนุบาล อย่างเช่นคุณอ๊อบทำ นั่นแหละคือวิธีการแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุด
ในเคสของแม่น้องเบสท์ เพราะน้องเขารู้สึกแปลกกับการพูดไทย เขาไม่รู้สึกว่าภาษาไทยคือภาษาของเขาค่ะ จึงทำให้เกิดปฏิกิริยาแบบนั้น เราลองมาถามตัวเองดูสิคะ ว่าตั้งแต่เกิดมาเราพูดภาษาไทยได้ เราเคยคิดมั้ยว่าเราไม่อยากพูดภาษาไทย ไม่อยากอ่านออกเขียนไทยได้ คิดว่าทุกคนอยากพูดไทย (เพราะมันเป็นภาษาของเรานี่นา) แต่ในทางกลับกันตอนเด็กๆ อาจจะมีหลายคนเกลียดที่จะเรียนภาษาอังกฤษ เพราะมันยาก ตัวอักษรอะไรก็ไม่รู้ ไม่อยากพูด ไม่อยากเรียน เพราะมันยากมากกกกก+ คิดว่าต้องมีคนที่คิดเช่นนี้เพราะมันไม่ใช่ภาษาของเรานิ สรุปเคสแม่น้องเบสท์คือ น้องยังไม่รับเอาภาษาไทยให้เป็นภาษาของเขาค่ะ คุณแม่ต้องเติมน้ำให้เต็มแก้วใบที่2จนล้นนั้นแหละค่ะ
ลูกสาวเคยมีปัญหาเรื่องพูดไทยเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่นุ้ยพยายามพูดไทย ส่วนคุณพ่อเค้าเป็นชาวอังกฤษ ก็พูดภาษาอังกฤษ แรกเริ่มเราพูดสองภาษากับเค้าตั้งแต่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ จนกระทั้งเค้าลืมตาดูโลก ดังนั้นเลยเป็นเรื่องปกติสำหรับสองภาษาในบ้าน แต่ในบ้านจะเน้นภาษาอังกฤษเสียมากกว่า เพราะเราอยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก ออกไปเล่นกับเพื่อนอนกบ้าานเค้าก็ได้ยินภาษาไทยมากขึ้น
หลังจากเขาอายุได้สองขวบครึ่ง คุณแม่พยายามสอนเค้าภาษาไทย เพราะสังเกตุดูลูกว่า เค้าเริ่มพูดไทยได้น้อยลง และไม่ชัดมากขึ้น ความกังวลเลยมาเยือน ว่าวันหนึ่งเพื่อนๆจะล้อว่าเค้าพูดไทยไม่ชัด หลังๆแม่เครียดมาก แล้วได้หาความรู้จากทั่วสารทิศ ทั้งในบ้านหลังนี้และนอกบ้าน ก็เลยตัดสินใจไม่ทำให้ตัวเองเครียด เมือลูกผลักดันภาษาไทยออกนอกตัวเค้า เลยมีความหวังไว้ที่โรงเรียน ให้เค้าเข้าโรงเรียนสองภาษาค่ะ ช่วงนั้นไม่สนว่า โรงเรียนนั้นจะสอนภาษาอังกฤษดีในระดับไหน ขอแค่เค้าสอนภาษาไทยให้ดีก็เป็นพอ แม่เลิกสอนภาษาไทยค่ะ เพราะรู้สึกเครียดมาก ลูกไม่รับเอาเสียเลย ถามไทยตอบอังกฤษ แล้วหนักเข้า พูดกับทุกคนที่นี่เป็นภาษาอังกฤษหมด ไม่เว้นแม้แต่คนแก่ที่ตลาด ==" หลังจากได้เข้าโรงเรียน สังเกตุว่า ภาษาไทยเค้าดีขึ้นจนเหลือเชื่อ จากที่ไม่อยากพูดไทย ก็พูดไทยมากขึ้น ชัดขึ้น และได้หลากหลายคำยิ่งกว่าแม่พร่ำสอน ....ก็คงเลียนแบบจากเพื่อนๆในห้องเรียนนะคะ เพราะมีลูกครึ่งในห้องเรียนแค่สามคน ตอนนี้ลูกสาว 4.7 ขวบ พูดภาษา และเข้าใจในภาษาได้ดีทั้งสอง และกำลังหัดอ่านหัดเขียนภาษาทั้งสองให้เป็นคำๆ แค่นี้แม่ก็ปลื้มแล้วค่ะ ที่โรงเรียนลูกช่วยเรื่องภาษาไทยได้มากเลย สำหรับเด็กที่แม่คิดว่า เค้าแอนตี้ภาษาไทย สู้ๆนะคะ อย่าเพิ่งท้องอย่าเพิ่งกังวล ^^
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by