เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ไม่ใช่แค่กับเด็กผู้หญิง และไม่ใช่แค่เนอสเซอรี่นะคะ เพราะเมื่อเช้าดูข่าว เหตุเกิดที่สุพรรณบุรี เด็กอนุบาลอายุ 5 ขวบ หลังกลับจากโรงเรียน มีอาการปวดศีรษะมากๆและอาเจียน แม่ถามว่าเป็นอะไรมา เด็กก็บอกว่าเปล่า จึงคิดว่าลูกคงจะไม่สบาย ให้ทานยาและไม่ติดใจอะไร แต่พอตอนตีสอง น้องละเมอเสียงดังว่า ครูอย่าตี ครูอย่าตี...เท่านั้นแหล่ะค่ะ แม่บอกว่าก็เริ่มถึงบางอ้อ เอาลูกมาซักไซ้..เด็กจึงบอกว่าโดนครูที่โรงเรียน "ตบท้ายทอย"มาหลายที เหตุเพราะซื้อขนมร้านครูที่เป็นอริกันมาทาน.. และกำชับว่า "ห้ามไปบอกใคร" แม่พาไปที่โรงพยาบาล..เด็กยังคงมีอาการปวดหัวและอาเจียน แม้จะผ่านมาอีก 1วันแล้ว หมอบอกว่ามีรอยถูกกระทบที่ท้ายทอย และต้องรอดูอาการอีกระยะ...ทางฝ่ายครูที่ถูกอ้างถึงบอกว่าไม่ได้ "ตบ"เด็ก แค่ตีที่ฝ่ามือไป 2แปะ เพราะเด็กซนไปปีนต้นไม้...
ยังไม่สามารถสรุปได้ค่ะว่าใครผิดกันแน่ เพราะอย่างไรซะ ต้องมีฝ่ายหนึ่งโกหกแน่นอน ..แต่ไม่ว่าใครจะโกหก..ผลก็ตกที่เด็กไปเรียบร้อยแล้ว...

มีคุณแม่ที่รู้จักท่านหนึ่ง ลูกชายวัย 4 ขวบเรียนที่โรงเรียนที่ค่าเทอมค่อนข้างแพงในกรุงเทพ..เล่าว่า ตอนอาบน้ำให้ลูกชาย มักจะพบรอยช้ำที่ตัวหรือแขนขาบ่อยๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งเห็นที่ต้นคอลูกเป็นรอยถลอกเหมือนถูกเล็บจิก แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไร จนวันหนึ่งไปรับลูกที่โรงเรียน เพื่อนลูกชายวิ่งเข้ามาบอกว่า วันนี้น้อง....โดนตีอีกแล้ว..แม่ฟังถึงกับอึ้ง จึงถามเพื่อนตัวน้อย 3-4 คนที่มารุมล้อมว่าลูกตัวเองโดนตีบ่อยไม๊ วันนี้โดนตรงไหน และทำไมถึงโดน.. เด็กๆบอกว่าเพราะน้อง..ซนจึงถูกตี และวันนี้โดนตีที่ข้างหลัง แม่กลับบ้าน ถอดเสื้อลูกออก ถึงกับอึ้ง เพราะจนถึงบ้านแล้ว หลังลูกยังมีรอยนิ้วมืออยู่เกือบครบ 5 นิ้วเสียดายที่แม่คนนั้นไม่ได้ไปโวยวายอะไรเลยค่ะ เพียงบอกว่าขอดูอีกระยะก่อน (ยังอุตส่าห์ให้โอกาส)
อืม...ยังคิด..ถ้าเป็นเรา..แล้วลูกโดนขนาดนี้..ต้องรุกฆาตค่ะ
แม่อ๊อบ..คุณแพท..แม่น้องเนย. คุณอรดา..แม่น้องเกลอ..ป้าสุภา..daddy ปันดี..น้องพลอยชมพู และ.....ว่าอย่างไรคะ

Views: 479

Reply to This

Replies to This Discussion

แบบนี้ยอมไม่ได้ค่ะ เอาเรื่องให้ถึงที่สุดค่ะ ถ้าพบว่าลูกเรามีบาดแผลอะไรเกิดขึ้น ที่เกิดจากผู้ใหญ่ทำ หรือเพื่อนที่ทำรุนแรงเกินรับได้
เนยเคยกลับบ้านมาพร้อมรอยข่วนที่หน้าเลือดไหลซิปๆ เราก็ถามลูก ลูกบอกว่าเพื่อนชื่อนี้ทำ (จำได้ด้วย) เราก็สอนลูกว่าพยายามอย่าไปเล่นกับ bad boy แต่ก็รู้ว่าเด็กเล่นด้วยกันต้องมีรังแกกันบ้างเป็นธรรมดา ก็เลยรอดูว่าวันอื่นๆมีอีกหรือเปล่า ก็ปรากฎว่าไม่มี ก็เลยปล่อยไป

แต่กรณีที่เป็นข่าว เล็กว่ามันรุนแรงกันเกินไป เราก็เข้าใจวาครูก็เป็นมนุษย์ปุถุชนเหมือนกันมีอารมณ์โกรธเหมือนกัน แต่ครูเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ไม่น่าต้องขึ้นขึ้นรุนแรงขนาดนี้ค่ะ

เรื่องครูก็มีผลกับเด็กมาก เพราะครูที่ห้องเนยดุมากเลยอ่ะ เห็นลูกบอกว่าถือไม้เรียวด้วย แล้วเนยกลับมาบ้าน ก็จะเลียนแบบครูค่ะ แล้วทำเสียงดัง ดุมากๆ สมมุติตัวเองเป็นครู เดินถือไม้ พูดคนเดียวว่าเพื่อนคนนั้นคนนี้ดื้อครูจะตีนะ เราก็กังวลนะเพราะเด็กได้เห็นพฤติกรรมแบบนี้ทุกวัน กลัวว่ามันจะติดเป็นพฤติกรรมไป เวลาเพื่อนบ้านมาเล่นด้วย เค้าก็จะดุเพื่อนบ้านมาก สมมุติว่าตัวเองเป็นครูอีกหละ เพื่อนบ้านก็ไม่อยากเล่นด้วย เพราะเนยจะไปตีเค้า เคยถามว่าแล้วครูตีจริงๆไหม เคยโดนตีไหม ลูกบอกว่าไม่เคยโดนตี แต่ไม่รู้ว่าตีคนอื่นหรือเปล่า (ถามเป็นอังกฤษตลอด ลูกคงไม่ค่อยเข้าใจมั๊ง) แต่มองอีกด้านคือ ครูดุก็ทำให้ลูกรู้จักระเบียบวินัย สามีบอกว่าครูดุน่ะดีแล้ว เราว่าไม่เห็นจะดีเลย ถ้าเป็นครูประถมขึ้นไปน่าจะดี แต่เด็กอนุบาลไม่น่าถึงขั้นถือไม้อ่ะ

อยากถามคุณแม่ท่านอื่นเหมือนกันที่มีลูกเข้าเรียนแล้วมองเรื่องครูดุอย่างไรบ้างคะ
"ยังอุตส่าห์ให้โอกาส"............

อ๊อบไม่ว่านะค่ะถ้าคุณครูดุลูกหรือทำโทษถ้าเค้าทำอะไรไม่ถูกต้อง ก่อนต้นกล้าจะมาอยู่ที่สาธิตเคยอยู่ร.ร.อนุบาลแถวบ้านมาก่อน ต้นกล้าเค้ามาเล่าให้ฟังว่าครูเอาเทปกาวปิดปาก มัดมือ เพื่อนที่คุย...อ๊อบว่าแบบนี้ทำร้ายจิตใจอ่ะ ให้ดุ ให้แยกออกไปทามเอ้าท์ยังดีกว่า ซึ่งร.ร.นี้ครูใหญ่บอกว่าเค้าทำโทษด้วยทามเอ้าท์นะ อ๊อบก็เลยถามครูใหญ่ว่าเนี่ยลูกมาเล่าแบบนี้นะ เราว่าทำแบบนี้มันทำร้ายจิตใจเด็กอ่ะ เค้าก็ว่าเค้าจะไปสืบดูว่าทำจริงรึเปล่า....

ร.ร.ปัจจุบันก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องดุเด็กเกินกว่าเหตุนะค่ะ วันก่อนเจอครูประจำชั้น ครูรีบมาบอกอ๊อบว่าดุต้นกล้าไปเพราะว่าถ่มน้ำลาย (ครูสมัยนี้กลัวผู้ปกครองวีนใส่) อ๊อบบอกเลยว่า ครูค่ะถ้าต้นกล้าทำอะไรผิดครูสอนได้เต็มที่เลยค่ะ

คุณเล็ก...แต่ครูถือไม้เรียวนี้ไม่เห็นแล้วนะสมัยนี้ แล้วเนยนี่เตรียมอนุบาลเองใช่ป่ะค่ะ จะดุกันไปทำไมเนี่ย
ครูเอาเทปกาวปิดปาก มัดมือ..
ทำไมโหด จังค่ะ เหมือนเป็นนักโทษ เลย น่ากลัว..
ตอนนี้มีข่าว แบบนี้เยอะจัง กำลังจะพาลูกหมูไปเรียน ก็คิดๆอยู่ คะ ดูข่าวเห็นมีครูพี่เลี้ยงที่สมุทรสาคร เสียชีวิตเพราะไข้หวัด 2009 ด้วย ไม่รู้มีเด็กติดไปบ้างรึเปล่าเนอะคะ

แล้วถ้าถืไม้เรียวตั้งแต่เตรียมอนุบาล เด็กจะขยาดโรงเรียนไหมค่ะนี่
นั่นซิค่ะคุณ JJ ตอนลูกมาเล่าเรายังฮึ่มๆเลยนะ ว่าถ้ามันเกิดกะลูกเรา เราคงไม่ยอมมมมมมม
คงจะยอมไม่ไหวเหมือนกันค่ะ แบบนี้ ถ้าลูกหมูไปโรงเรียนแล้วคงต้องคุยด้วยเยอะๆ นะคะ ว่าวันๆ น้องทำอะไรบ้างที่โรงเรียน ถ้าเกิดมีเรื่องแล้วปล่อยไว้ คงต้องมาเสียใจเองแน่ๆเลยค่ะ
ถามครบเลยเหรอค่ะ

ที่นี่เรื่องทำโทษเด็กนี่กำลังจะเป็นกฏหมายห้ามตีแล้วค่ะ แม้แต่พ่อแม่ผู้ปกครองเองก็เหมือนกันไม่ใช้กับเฉพาะครู
สิทธิมนุษยชนของที่นี่สูงมาก กฎหมายคุ้มครองเด็กก็สูงมากๆเช่นกัน อย่างว่าแต่เรื่องทำร้ายเด็กเลยนะค่ะ
แพทเคยไปทัศนศึกษากับน้องนิวตอนที่เรียนที่อนุบาล เค้าต้องให้ผู้ปกครองไปช่วยดูเด็กด้วย เพราะครูอย่างเดียวดูเด็กได้ไม่ทั่วถึงนะค่ะ คือผู้ใหญ่ 1 คนต่อเด็ก 3 คน แล้วแถมเวลาเด็กที่เราดูแลปวดเข้าห้องน้ำ เราต้องบอกผู้ปกครองท่านอื่นหรือครูให้ไปที่ห้องน้ำกับเราด้วย เพื่อป้องกันการเกิดเหตุหรือแค่คำครหาเกี่ยวกับการละเมิดทางเพศนะค่ะ ยกเว้นว่าลูกของเราเองที่จะเข้าห้องน้ำ

แต่ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับลูกของแพท แพทก็คงต้องขอคุยกับครูด่วนนะค่ะ ไม่ใช่จะโทษครูอย่างเดียวแต่ก็ต้องสอบถามความจริงให้แน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเราแน่ เข้าใจอยู่ว่าครูก็เป็นคนธรรมดาคนนึงที่มีอารมณ์โกรธได้ แต่คุณมาสอนเด็ก ฉะนั้นคุณก็ควรที่จะต้องมีวิธีที่ถูกต้องที่จะจัดการกับอารมณ์ของคุณ และวิธีที่เหมาะสมในการสั่งสอนหรือลงโทษเด็ก ไม่ใช่เอาอารมณ์ของคุณมาลงที่เด็ก หรือเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาในโรงเรียน ถ้าลูกของเราซนมากๆ แพทก็คงต้องไปปรึกษากับคุณครู น้องนิวกับน้องซีไม่ซน แต่แพทจะเป็นห่วงเรื่องภาษาในตอนแรกๆว่าจะสามารถเข้าใจและตามคนอื่นๆได้รึเปล่า แพทจะค่อนข้างที่จะเข้าไปคุยกับคุณครูค่อนข้างเยอะ คอยติดตามพัฒนาการของลูกอยู่ตลอดนะค่ะ เวลาถ้าเค้ามีปัญหาอะไรเราจะได้ทราบอยู่ตลอด แล้วค่อยแก้ไขได้ทัน บางทีเด็กๆจะมีทะเลาะกับเพื่อน หรือเอานิสัยที่ไม่เหมาะสมติดกลับบ้านมาด้วย เรื่องนี้ก็จะคอยคุยกับคุณครูเค้าอยู่ตลอดเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกเราเป็นยังงัย นิสัยเปลี่ยนไปตรงไหน ตรงไหนที่อยากจะให้คุณครูช่วยเช็คช่วยใส่ใจให้หน่อย ตรงไหนที่เราต้องเอามาปรับมาสอนลูกบ้าง

แพททคิดว่า ลูกไปโรงเรียน ไม่ได้หมายความว่าเราเอาลูกไปให้ที่โรงเรียนสอนเพียงอย่างเดียว พ่อแม่ก็ต้องมีส่วนในการเรียนการสอนของลูกเช่นกัน ฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างคุณครูและผู้ปกครองก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการของลูก เด็กยิ่งโตขึ้น พ่อแม่ยิ่งควรต้องรู้ว่าตอนนี้ลูกเรียนอะไรที่โรงเรียน มีอะไรที่ทางบ้านช่วยเสริมให้เพื่อให้ไปในทิศทางเดียวกันได้บ้าง หลักการคิด และวิชาการสมัยนี้อาจจะไม่เหมือนในสมัยที่เราเคยเรียนมา พ่อแม่ต้องเรียนรู้ไปพร้อมกับลูกเพื่อที่เราจะสอนลูกได้นะค่ะ
ขอบคุณทุกคุณพ่อคุณแม่ที่ร่วมแบ่งปันความคิดเห็นนะคะ เพราะถ้าเป็นตัวเองคงทำแบบคุณสุภาภรณ์ค่ะ (เขียนถูกไม๊คะ ถ้าผิดขออภัยค่ะ) คือเด็กเล็กไม่ควจะทำกันขนาดฝากรอยให้เป็นรางวัลเช่นนี้น่ะค่ะ เพราะโดยปกติเด็กเล็กๆจะไม่ค่อยกล้าดื้อกับคนอื่นอยู่แล้ว โดยเฉพาะคุณครู พูดกันดีๆลงโทษแบบน่ารักๆน่าจะเอาอยู่ พ่อมือใหม่เลยเสนอความคิด เอาแบบนี้ค่ะ เขียนลงไปในสมุดรายงานพัฒนาการลูกที่คุณครูจะส่งมาให้ทุกๆวันศุกร์ ว่าลูกพูดเก่งมาก ชอบพูดชอบเล่า โดยเฉพาะเรื่องที่โรงเรียนว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง เรียนหรือเล่นอะไรบ้าง ทานอะไรที่โรงเรียนประมาณนี้อ่ะค่ะ อย่างน้อยอาจจะทำให้คุณครูฉุกคิดสักนิดว่า..เอ ถ้าแอบตีไป เจ้าหนูนี่จะกลับไปเล่าหรือเปล่าเนี่ย แฮะๆ
แต่คุณอ๊อบคะ โรงเรียนอะไรคะ ใบ้หน่อยได้ไม๊.มันเหมือนละครที่โจรจับตัวประกันไปเรียกค่าไถ่เลยนะคะ มัดมือปิดปาก..จะขาดก็แต่เอาผ้าปิดตาด้วยเท่านั้นเอง เพื่อไม่ให้รู้ว่าใครทำ?
เข้ามาอ่านค่ะ
โอ้โห..ป้าหายหน้าไปทำธุระเสียหลายวัน เข้ามาก็เจอเรื่องเล่าของแม่เพ่ย มันรู้สึกแย่จริง ๆ นะคะที่ได้ยินเรื่องแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เด็กเล็ก ๆ ไร้เดียงสา ถึงจะซนขนาดไหน ครูก็ไม่มีสิทธิ์จะกระทำการลงโทษได้ขนาดนั้นนะคะ กรณีแรกของเด็กชาย ถ้าเป็นป้านะ ป้าจะเชื่อเด็ก เชื่อลูกของเราค่ะ เพราะเด็กยังไร้เดียงสา ไม่มีมารยาแน่นอน และทางผู้ปกครองเองก็น่าจะร้องเรียนทางโรงเรียน เอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะคะ ถ้าครูคนนี้ยังอยู่สอนอยู่อีก มันจะไม่ใช่จบที่เด็กของเรา อาจจะยังมีเด็กอีกมากต้องถูกกระทำทารุณอย่างไม่น่าให้อภัยเลยค่ะ อย่างนี้ต้องเอาให้ออกไปจากวิชาชีพนี้เลย ไม่มีจรรยาบรรณ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับเกียรติเรียกว่า "ครู" ได้นะคะ

ส่วนอีกกรณีนั่น ป้าไม่เข้าใจว่า..จะรอดูต่อไปอีกสักระยะเพื่ออะไรค่ะ ยิ่งเราทิ้งไว้นานมันจะกลายเป็นบาดแผลในใจเด็กมากกว่า เด็กเล็กยังไงก็ต้องซนทุกคนแหละค่ะ ถ้าไม่ซนสิค่ะแปลก ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ เดี๋ยวนี้ใน รร. ส่วนใหญ่เขาเลิกวิธีการลงโทษโดยการตีไปนานแล้วนะคะ แต่ก็แปลกที่ยังได้ยินข่าวทำนองนี้อีก

บางสิ่งบางอย่างทำเพราะเด็กกำลังเรียนรู้ ก็ซนไปตามประสา เขาไม่รู้หรอกค่ะว่า ไอ้ที่ทำไปน่ะมันผิด-ถูกอย่างไร ก็เจอของแปลกใหม่ก็ต้องลอง ครู หรือใครก็ตามก็ไม่ควรลงโทษด้วยการตีนะคะ ไม่ใช่ว่าจะตีไม่ได้นะคะ ป้าเองก็ตีหลานบ้างเหมือนกัน ก็นาน ๆ ครั้งนะคะ เพราะหลานชายตัวแสบ ทั้งฉลาดและเก่ง ไอคิวดี ชอบคิดอะไรแผลง ๆ แปลก ๆ ใหม่ ๆ ทำอะไรพิศดาร จนบางครั้งอาจเป็นอันตรายกับผู้อื่นในบ้านได้ (เพราะที่บ้านมีคนแก่ คุณยายอาศัยอยู่ด้วย) แต่การตีของป้าต้องมีการพูดคุยให้เข้าใจเหตุผลที่กำลังจะทำโทษ แล้วการตีของป้าก็เป็นไปตามการตัดสินใจของหลาน ที่ยอมรับการกระทำผิด และขอรับโทษด้วยการให้ตี อะไรประมาณแหละค่ะ แต่เราก็เลือกตีก้นนะคะ (อิๆๆ เพราะเป็นส่วนที่มีเสื้อผ้า-กางเกงซ้อนกันหนาพอ) เราก็ตีไปงั้นแหละค่ะ แต่การที่ได้พูดคุยอธิบายกันก่อนถึงสิ่งที่เขาทำมันเป็นยังไง และผลของการกระทำมันมีอะไรบ้าง เขาลำดับได้ครบ แล้วป้าก็สรุปถึงผลเสียต่าง ๆ เขาก็เข้าใจและยอมรับ และรับปากว่าครั้งต่อไปจะไม่ทำอีกค่ะ

ยังไงก็ขอสรุปว่า ครูที่ รร. ไม่มีสิทธิ์ทำโทษเด็กด้วยการตีนะคะ (ถ้าตีขอป้าตีเองดีกว่า ให้คนอื่นตีน่ะ)

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service