เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

 A. ปัจจุบันการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยนั้น ยังคงใช้ระบบท่องจำคำศัพท์ และอ่านออกเสียงแต่ละคำตามครูผู้สอน เช่นเดียวกับวิธีการที่เราเคยเรียนมาในอดีต ซึ่งหากครูผู้สอนขาดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง ย่อมทำให้ผู้เรียนจำวิธีการออกเสียงไปใช้อย่างคลาดเคลื่อน ประสบปัญหาในการสื่อสาร ซึ่งบ่อยครั้งที่เราเองยังรู้สึกว่าพูดไปอย่างไร ผู้ฟังซึ่งเป็นเจ้าของภาษาก็ไม่สามารถเข้าใจคำพูดที่เราต้องการสื่อสารได้ 

B. ระบบ Phonics สอนให้เด็กรู้จักเสียงที่ถูกต้องของตัวอักษร ไม่ได้ให้อ่านตามชื่อตัวอักษรเท่านั้น...

ในระบบปกติเด็กๆ จะถูกสอนให้อ่าน A=เอ, B=บี , C=ซี  แต่เมื่อเรียนตามระบบ Phonics จะอ่านออกเสียง A=แอะ, B=เบอะ, C=เคอะ 
ดังนั้นเวลาผสมคำว่า CAT จะต้องสะกด "เคอะ-แอะ-เทอะ=แคท" ไม่ใช่ "ซี-เอ-ที=แคท" ซึ่งทำให้เด็กสามารถอ่านหรือสะกดคำได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยการท่องจำคำศัพท์ (เช่น "ซี-เอ-ที-แคท-แปลว่าแมว") แต่เป็นการอ่าน จากความเข้าใจในระบบการออกเสียงที่ถูกต้องตามหลัก Phonics
       เราเคยสังเกตหรือไม่ว่า ตัวอักษร C ออกเสียงอย่างไร ในเวลาใช้ตัว C ในการผสมคำต่างๆ เช่น CAT, COOK, CUP หากออกเสียงตามชื่อเรียกตัวอักษร "ซี" เราจะไม่สามารถออกเสียงเป็นคำว่า "แคท" ได้เลย (น่าจะเป็นเสียง "แซด" เสียมากกว่า) ฉะนั้นตามที่เราเรียนมาแบบดั้งเดิม จึงเป็นเพียงการสอนให้จำเสียงของคำที่เราได้ยินจากการเรียกชื่อตัวอักษรเท่านั้น และนั่นหมายความว่าเราไม่เคยรู้จักเสียงที่แท้จริงของตัวอักษรหรือสามารถออกเสียงที่ถูกต้องของตัวอักษรนั้นๆ เลย
C. การถอดรหัสเสียงในระบบ Phonics จะช่วยสร้างความเข้าใจในการออกเสียงหรือผสมคำในภาษาอังกฤษ ซึ่งจะทำให้เด็กรู้จักตัวอักษรและคำศัพท์โดยไม่ต้องอาศัยการท่องจำ แม้แต่คำที่เราไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินมาก่อนได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน เช่นเดียวกับเจ้าของภาษา ขณะที่เด็กที่ผ่านการเรียนแบบท่องจำมาตลอด จะรู้จักเฉพาะคำศัพท์ที่ท่องมาเท่านั้น
D. สิ่งสำคัญของการเรียนระบบ Phonics แท้จริงแล้วไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การออกเสียงเท่านั้น แต่ยังสร้างความสามารถในด้านการผสมเสียงและสะกดคำ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาสู่ทักษะการอ่านจับใจขั้นสูง และการเขียนเชิงสร้างสรรค์ได้เร็วยิ่งขึ้น  ซึ่งจะทำให้เด็กที่เรียนในระบบนี้รักการอ่านและการเขียน ซึ่งนับเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเปิดโลกใบนี้ให้กว้างขึ้น โดยไม่ถูกจำกัดขอบเขตของการเรียนรู้อยู่ที่แหล่งความรู้ที่เป็นภาษาไทยเพียงอย่างเดียว
E. ที่สำคัญระบบการเรียนแบบโฟนิกส์นั้น มีความสัมพันธ์กับการเรียนภาษาอังกฤษในทุกๆ ทักษะ ไม่ว่าจะเป็นฟัง พูด อ่าน เขียน หรือสะกดคำ จะเห็นได้ว่าเมื่อเด็กสามารถแยกแยะหน่วยเสียงได้ จะทำให้ฟังได้ง่ายขึ้นเมื่อฟังเจ้าของภาษาพูดหรือสนทนา (Listening) และเมื่อเข้าใจที่พูดก็จะสามารถโต้ตอบได้ (Speaking) และเมื่อพบคำใหม่ ก็ใช้จะหลักแยกแยะหน่วยเสียงอ่านได้ (Reading) ซึ่งเมื่อสามารถอ่านได้ก็จะสามารถเขียนคำตามที่อ่านได้ (Spelling และ Writing) นั่นเอง 
 
F. นอกจากนั้นยังมีผลสรุปงานวิจัยด้านการเรียนรู้ทางด้านสมอง (Brain-based learning /Neuron-scientific research) ของมหาวิทยาลัยเยล ที่ได้ทำการสแกนสมองของผู้เรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีการแบบโฟนิกส์ กับวิธีการสอนแบบดั้งเดิม สรุปไว้ว่า วิธีการสอนแบบโฟนิกส์นั้น ช่วยกระตุ้นเซลล์สมอง ทำให้มีการสร้างเส้นใยสมองใหม่ ทั้งทำให้เส้นใยสมองเดิมแตกตัวและเบ่งบานอย่างถาวร มีผลทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางด้านการเรียนภาษาอังกฤษสูง เมื่อเปรียบเทียบกับการสอนด้วยวิธีอื่นๆ
 
ข้อมูลจาก

Views: 3068

Reply to This

Replies to This Discussion

5555 ขอปรับความเข้าใจหน่อยนะค่ะ สั้นๆง่ายๆวันนี้ เดี๋ยวจะพาแม่ไปทำบุญ ไม่มีเวลาพิมพ์ยาวๆค่ะ อิอิ

แพทเรียนสายวิทย์ที่เมืองไทยค่ะ มานี้มาต่อสายคอม ส่วนภาษาอังกฤษ ไม่งูไม่ปลาละค่ะ เพราะตกยาวตั่งแต่ตอนที่เรียนประถมยันมัธยม (แต่บรรดารุ่นน้องและคุณครูโดยหลอกกันตอนแพทอยู่ ม.4 เพราะแต่งตั่งให้เราเป็นประธานชมรมภาษาอังกฤษ ทั้งๆที่เพื่อนที่เข้าชมรมมาด้วยกันมีแพทคนเดียวที่เรียนสายวิทย์ คนอื่นเค้าศิลป์ภาษาหมดเลย หึหึ และปีนั้นก็ต้องซ่อมอังกฤษอีกเช่นเคย ครูบอกขายหน้ามาก)

แพทเป็นประเภทไม่เข้าใจก็ไม่เข้าหัวค่ะ ถึงชอบสายวิทย์เพราะเราต้องเข้าใจมัน ทุกวันนี้ที่พอมาตอบคำถามให้ได้ก็เพราะเราได้ใช้มันที่นี่ เลยมีโอกาสมากกว่าคนที่ไม่ได้ใช้ และเราก็เอาโอกาสตรงนั้นมาแบ่งปันให้คนอื่นเท่านั้นเองค่ะ

ป.ล. เกลียดมาเลยเวลาดูหนังมี Subtittle เพราะมันไม่ได้อัตถรส คนแปลหลายทีแปลไม่ตรง กับดูไปอ่านไปไม่รู้เรื่องค่ะ เลยกลายเป็นแรงบันดาลใจว่าฉันต้องฟังให้รู้เรื่องให้ได้ ไม่ได้ทุกคำก็ต้องเข้าใจทั้งประโยค

แพทนับถือคุณปอเรื่องการสอนลูกนะค่ะ แพทไม่ค่อยมีเทคนิคในการเล่นกับลูกเท่าไหร่ เด็กๆจะเบื่อง่าย T-T
จริงด้วย เท่าที่ติดตามบล็อก และเม้นท์ของคุณปอมา ต้องยอมรับว่า ทึ่งๆๆ มากๆ เลยค่ะ คุณปอขยัน และสรรหาหนังสือ และสื่อเรียนรู้หลายๆ รูปแบบมาให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ได้ดีมากๆ เลย ขอชื่นชมด้วยคนค่ะ
อ่านแล้วได้ประโยชร์มากมาย ขอบคุณค่ะ
ดีมากเลยคะคุณน้องแอน พี่ว่าคงเป็นประโยชน์กับหลายๆ ครอบครัวเลยคะ น่ารักมากๆ มีมาแบ่งปันด้วย
ขอเข้ามาเกาะติดกระทู้นี้ด้วยคนค่ะ มีประโยชน์มากๆ อยากให้เพื่อนๆ คนอื่นมีโอกาสได้มาอ่านเยอะๆ
ย่าอ่านเพลินเลยค่ะ ชอบทั้งคุณแพทและคุณปอ..ขอย่าเรียนรู้ด้วยคนนะคะ..ขอบคุณที่เอาสิ่งดีๆมาบอกค่ะ

compound word ภาษาไทยเรียก คำผสม ถ้ามาจากรากศัพท์ไทยหรือเขมร หรืออื่นๆ เช่น ลูกน้ำ, แม่เลี้ยง,
และเรียก คำสมาส,คำสนธิ ถ้ามีรากศัพท์มาจากคำ บาลี-สันสกฤต เช่น สุนัข ประวัติศาสตร เป็นต้นค่ะ
วันนี่มีเวลามากหน่อย ขอมาแจมด้วยนะจ้ะ คุณแพทมาทักนะ ไม่รู้ว่าเป็นเด็กวิทย์ คิดว่าเด็กศิลป์ ชอบการบ้านโรงเรียนของน้องๆค่ะ การบ้านโรงเรียนเซ็บไม่สร้างสรรเท่าไร แบบท่องศัพท์อย่างเดียว แต่อันที่ชวนคนในบ้านวิ่งอันนี้คิดหนัก กี่รอบนะค่ะ
แม่ปอ เจ๋งมาก :-)
ชอบอ่านให้ลูกเหมือนกัน อ่านเป็นนิทานให้ฟังสนุกดี เพลงเด็กๆจะสอนเกี่ยวกับเลขเยอะจริงๆ อย่าง หัดนับเลข เรื่องของบวกลบ
อย่าง five little ducks, five current buns และอีกมากมายเนอะ ชอบชุด Baa Baa Sheep กับ Hickory Dickory dock ของปอ
มีเอามาแต่งเพิ่มให้สนุกสนานด้วย
Hickory Dickory dock
The mouse ran up the clock,
The clock struck one
The mouse ran down,
Hickory Dickory dock. (tick tock tick tock)

Hickory Dickory dock,
The mouse ran up the clock,
The clock struck two
The mouse went boo,
Hickory Dickory dock. (tick tock tick tock)

Hickory Dickory dock,
The mouse ran up the clock,
The clock struck three
The mouse did flee,
Hickory Dickory dock. (tick tock tick tock)

Hickory Dickory dock,
The mouse ran up the clock,
The clock struck four,
The mouse said 'no more',
Hickory Dickory dock. (tick tock tick tock)

ลองแต่งต่อดูค่ะ 5 6 7
แบบหนุกๆ
เพลงนี้ขอ copy คุณเปิ้ลนะคะ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service