เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

อยากจะถามคุณพ่อ คุณแม่ทุกท่านนะคะ

จากที่เราเลี้ยงลูกด้วยวิธีการสอน2ภาษากับลูก และพัฒนาการ2ภาษาก็ไปได้สวย แล้วเรามีความจำเป็นแค่ไหนในการส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนinter หรือ โรงเรียนนานาชาติ

หมายถึงว่า...แค่เราพูดภาษาที่2 กับลูกอยู่บ้านเพียงพอหรือยัง หรือว่าส่งลูกเรียนโรงเรียนไทย แต่เราต้องสอนลูกท่องสูตรคูณversion อังกฤษคะ

....ก็สับสนเหมือนกันนะคะ ว่าเราควรจะเลี้ยงลูกไปในแนวไหนดี (แล้วลูกจะงง ด้วยไหมคะ)

ช่วยแนะนำด้วยนะคะ

Views: 824

Replies to This Discussion

ความเห็นของดิชั้นนะค่ะ

คิดว่าไม่จำเป็นค่ะ (ลูกชายดิชั้นก็เรียนร.ร.หลักสูตรไทย) ดิชั้นเชื่อในแนวของคุณพงษ์ระพีมากๆ ว่าครูที่ดีที่สุดคือพ่อ แม่
ดิชั้นมีความตั้งใจตั้งแต่แรกว่าจะไม่ส่งลูกเรียนร.ร.สองภาษาเพราะคิดว่าเราก็พอจะพูดได้น่าจะสอนได้เอง แต่ก็คลำทางไม่ถูก จนมาเจอคุณพงษ์ระพี(ในเวป) ยิ่งย้ำความเชื่อที่มีมาแต่แรก แถมมาได้ติวเตอร์จากทุกๆท่าน ยิ่งเข้าทาง

ส่วนเรื่องรายละเอียดในการสอนเช่นเรื่องที่คุณอรดายกตัวอย่างคือ การท่องสูตรคูณ ดิชั้นคิดว่าก็ให้เค้าท่องไปตามระบบที่เค้าเรียนมา เพราะนั้นก็เป็นส่วนนึงของการเป็นเด็กสองภาษา เราไม่ได้ต้องการให้เค้าพูดได้แต่ภาษาอังกฤษ ทำทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษใช่มั้ยค่ะ แต่ไม่แน่พอถึงเวลานั้นอาจจะทราบวิธี เดี๋ยวจะถามเพื่อนที่มีลูกเรียนอินเตอร์มาให้ แล้วจะเอามาเล่าให้ฟังนะค่ะ

ส่วนเรื่องที่ว่าเด็กจะสับสนมั้ย? ดิชั้นว่าไม่ค่ะ วิธีตามแนวนี้คือการซึมซับอย่างเป็นธรรมชาติ เราไม่ได้ให้เค้าท่องจำ หรือแปลตลอดเวลา แต่เราใช้การซึมซับ เค้ารับรู้โดยแทบจะไม่รู้ตัว จริงๆนะค่ะ
เด็กๆเลียนแบบเก่ง แต่พอถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนเค้าก็ทำได้ดีเช่นกันค่ะ :)
ความเห็นส่วนตัวเรานะคะ

เคยถามตัวเองกับสามีเรื่องนี้เหมือนกันนะคะ เนื่องจากต้องยอมรับก่อนว่า เรื่องทักษะการใช้ภาษา ฟัง พูด อ่าน เขียน นั้นไม่ได้มาพร้อมกัน และไม่ได้แปลว่าพูดฟังได้ดีจะเขียนได้ดีด้วย หากจะมองถึงการฟังและการพูดในชีวิตประจำวัน การสื่อสารกับผู้อื่นแล้ว เรากับสามีคิดว่าน่าจะสอนได้ไม่ลำบากมากจนเกินไปนัก (ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ถึงขั้น native speaker นะคะ) แต่เรื่องการเขียน การนำเสนองาน คงยากที่จะสอน (ตรงนี้แล้วแต่เด็กด้วยนะคะ แต่เราไม่กล้าคาดหวังว่าลูกจะยอมเขียนหรือทำรายงานเป็นภาษาอังกฤษส่งเรา เพราะลำพังรายงานภาษาไทยที่โรงเรียนก็แทบจะทำไม่ทัน) และที่สำคัญการเข้ากลุ่มเพื่อนที่เป็น native speaker ก็จะหายไป ในส่วนของกลุ่มเพื่อนมีส่วนสำคัญที่จะช่วยเรื่องการใช้ภาษาที่เหมือน native speaker จริงๆ ตัวอย่างเช่น หลายๆ ประโยคเรารู้ว่าควรพูดอย่างไร ถึงจะถูก grammar แต่บางทีฟังแล้วก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ

เล่ายาวเลยนะคะ สรุปคืออาจจะต้องมองถึงเป้าหมายในอนาคตว่าอยากให้น้องได้ภาษาอังกฤษในระดับไหน แต่หากเลือกที่จะเรียนอินเตอร์และทำงานในไทยก็ต้องฝึกฝนภาษาไทยหนักเลยทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะการเขียน จากที่เคยเห็นนะคะเด็กไทยที่เรียนอินเตอร์จะพูดไทยอ่านไทยได้ เขียนได้บ้าง แต่การเขียนบางประเภทจะยังไม่สวยงามเท่าไหร่ ตรงนี้อยู่ที่การฝึกฝน และชั่วโมงบินของแต่ละคนด้วย

คิดว่าน่าจะมีคุณแม่ท่านอื่นที่น้องเรียนอินเตอร์และโตกว่าลูกชาย มาให้คำตอบซึ่งน่าจะชัดเจนมากขึ้น เดี๋ยวมารอฟังด้วยคนค่ะ

แต่หากเป็นการเรียน EP นี่ไม่ค่อยแน่ใจในผลสัมฤทธิ์เท่าไหร่นะคะ เพราะจากประสบการณ์หลานชายแล้วยังตอบอะไรไม่ได้มากค่ะ อาจจะต้องรอท่านอื่นมาตอบค่ะ

เรื่องสูตรคูณยังไม่เคยสอนเลยค่ะ เพราะว่าน้องเรียนอยู่อนุบาลอยู่เลย แต่ส่วนตัวคิดว่าท่องแบบไหนซักแบบแล้วเค้าถนัดเค้าจะจำไปใช้ได้เองน่ะค่ะ (เลือกตามที่โรงเรียนสอนดีที่สุด เพราะเด็กจะคุ้นกว่าค่ะ)
เข้ามาแสดงมุมมองในฐานะที่ลูกเป็นเด็กสองภาษา...และเรียนอินเตอร์อยู่ค่ะ (กำลังจะขึ้นระดับอ.3 โดยเรียนมาตั้งแต่ชั้นเตรียม)

ความเห็นส่วนตัว ภาษาฟังและพูดที่ลูกได้เริ่มพัฒนาตั้งแต่ยังเล็กจนถึงก่อนวัยอนุบาล จะได้จากที่บ้านเป็นส่วนมาก...ไม่ว่าจะภาษาไทย อังกฤษหรืออื่นๆ...ซึ่งเด็กเล็กๆจะพัฒนาทั้งคลังคำศัพท์ สำเนียง สำนวนตามพ่อแม่หรือคนใกล้ชิดในครอบครัว...และเป็นไปตามวัย...เช่นเด็กเล็ก ก็จะมีภาษาของเขา เด็กที่โตขึ้นมาหน่อย ภาษาพูดและการฟัง (รวมทั้งเรื่องการอ่านและเขียน) ก็จะพัฒนาไปตามวัย แบบเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น เช่นกัน

จำเป็นไหมว่าลูกจะต้องเข้ารร.อินเตอร์....คิดว่า ขึ้นอยู่กับความคาดหวังของผปค.ค่ะ...หากพ่อแม่พูดอังกฤษกับลูกที่บ้าน แต่พอลูกไปรร. ซึ่งเพื่อนๆพูดกันเฉพาะภาษาไทย...แน่นอนว่า ลูกย่อมที่จะถนัดสื่อสารเป็นภาษาไทยในชีวิตปจว.มากกว่า...แม้ว่า กลับมาบ้านจะพูดกับพ่อหรือแม่จนเคยชินเป็นภาษาอังกฤษแล้วก็ตาม...อีกอย่าง ยิ่งโตขึ้น เพื่อนและรร.ย่อมมีอิทธิพลมากขึ้น...ไม่เฉพาะเรื่องภาษา แต่รวมทั้งค่านิยม...แนวคิด การปฏิบัติตน ฯลฯ...ดังนั้น การ maintain ให้ลูกสื่อสารกับเราเป็นภาษาอังกฤษแบบตอนเล็กๆ ไปจนโตนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย...เพราะยิ่งลูกโตขึ้น คำถามต่างๆที่ซับซ้อนและยุ่งยากก็จะมีมากขึ้น...ขึ้นอยู่กับว่า พ่อแม่จะสามารถถ่ายทอด-อธิบายสิ่งต่างๆในภาษาอังกฤษ (ซึ่งก็เป็นภาษาที่สองของพ่อแม่เอง) ให้ลูกฟังได้ดีขนาดไหน

การเรียนในรร.อินเตอร์ สิ่งที่ได้คือสภาพแวดล้อมที่บังคับให้ลูกต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในชีวิตปจว....โดยเฉพาะรร.ที่มีสัดส่วนของเด็กฝรั่งอยู่พอสมควร..ลูกจะได้เรียนรู้ทั้งภาษา ค่านิยมและวัฒนธรรมจากเพื่อนต่างชาติค่อนข้างมาก ภาษาที่เด็กๆฝรั่งเขาคุยกัน..เรื่องตลกขำขันต่างๆ ซึ่งเรียกรวมๆว่า Social language นั้นเป็นสิ่งที่พ่อแม่ไทยๆอย่างเราสอนลูกโดยวิธีตามธรรมชาติได้ยาก เพื่อนๆของลูกนั่นแหละ...กลับเป็นฝ่ายสอนเรา....

ถ้าให้เรียนอินเตอร์ระยะยาว คงต้อง weight ค่ะว่า ภาษาอังกฤษที่ใช้การได้ดีในแนวลึกนั้น สำคัญกับลูกมากขนาดไหน...เมื่อต้องเทียบกับค่าใช้จ่ายที่แพงลิ่ว...หรือเราขอแค่ พูดพอสื่อสารได้ ไม่อายฝรั่ง เอาแค่พอๆกับที่พ่อแม่พูดได้ก็ดีถมไปแล้ว...ถ้าอย่างนั้น ให้เรียนรร.ในระบบการศึกษาบ้านเรา แล้วพยายาม maintain ให้ได้ก็น่าจะเพียงพอค่ะ

ที่เขียนมาทั้งหมด ไม่ได้เชียร์ให้ส่งลูกเรียนอินเตอร์นะคะ ทุกระบบมีข้อดีข้อด้อย...อย่างตอนนี้ ดิฉันเองกลับเป็นห่วงภาษาไทย (อ่าน- เขียน) ของลูก เพราะแม้ว่า เขาจะฟังและพูดทั้งภาษาไทยและอังกฤษได้ดีเท่าๆกัน (ภาษาอังกฤษพูดได้ใกล้เคียงเด็กฝรั่งที่เป็น native speaker) แต่ภาษาไทย เรื่องอ่านเขียนค่อนข้างช้า และไม่ชอบเอาเลย...ที่แย่ไปกว่านั้น เขากลับคิดว่า ตัวเองเป็นครึ่งไทยครึ่งฝรั่ง...ซึ่งก็กำลังพยายามปรับทัศนคติกันอยู่ค่ะ
555 ปัญหาคล้ายๆกันที่ลูกสับสนอยู่ตอนนี้ค่ะ น้องนิวน้องซีเกิดและโตที่นิวซีแลนด์ พ่อกะแม่ไทยทั้งคู่ โดยที่เกิดหรือสัญชาติแล้วถือว่าเค้าทั้งคู่เป็นเด็ก หรือคนนิวซีแลนด์ โดยเชื่อชาติแล้วเค้าเป็นคนไทยแท้ๆ ปัญหาอยู่ที่เวลาคุณครูที่โรงเรียนถามว่า Where are you from? นิวงงมากค่ะ จะตอบยังงัยดี เพราะไม่ได้เกิดที่เมืองไทย ก็ไม่ได้ from Thailand. But i'm Thai.

เห็นด้วยคะ เพราะภาษาไทยเป็นภาษาที่ยากมากภาษาหนึ่ง ถ้าไม่ได้เกิดเป็นคนไทยคงแย่เหมือนกัน

อีกอย่างถ้าเรียนอินเตอร์แล้วต้องเรียนอินเตอร์ตลอด เพราะถ้ากลับมาเรียนโรงเรียนไทยเค้าจะปรับตัวยากทั้งสังคมและระบบการศึกษา ส่วนภาษาไทยก็สำคัญ เพราะเราเป็นคนไทยและใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย ก็ต้องเรียนเสริมกันเอา
โดยส่วนตัว กันคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องเข้า Inter ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่แต่ละครอบครัวว่าจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่จะให้ลูกเข้า รร. นานาชาติ อีกอย่างนึงคือสะตุ้งสตางค์ที่จะเสียไปต่อปี ก็เยอะเอาการอยู่ค่ะ

กันมองว่าการที่ลูกจะได้ภาษาที่สองหรือสามนั้น เปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่จริง ๆ แล้ว ควรจะอยู่ที่ลูกค่ะว่าเค้าขวนขวายเค้าเรียนรู้และรับรู้ได้มากน้อยแค่ไหน เราเป็นผู้แนะแนวและสอน (เด็กบางคนก็รับเร็ว พูดได้ปร๋อเลย หรือบางคนรับช้า อาจจะต้องใช้เวลานานนิดนึง ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครอง ก็คงต้องใจเย็น และสอนแบบค่อยเป็นค่อยไป) ปัจจุบันนี้โดยมากแล้ว กันคิดเองว่าน่าจะเป็นเปอร์เซ็นต์ของ "ความคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองมากกว่า" ที่อยากให้ลูกเก่ง ทำได้อย่างงั้น อย่างงี้ ตามแต่ใจผู้ใหญ่ต้องการ (ซึ่งกันก็เคยเป็นนะ .. หุหุ)

พอน้องเจไปโรงเรียน ในชั้นเตรียมอนุบาลที่น้องเจอยู่นี้หลากหลายอายุ พัฒนาการแตกต่างกันไป ทำให้กันลดความคาดหวังลงเยอะเลย เพราะดูเหมือนว่าน้องเจก็พอไปได้ในระดับนึง (ซึ่งครูเองก็ทึ่งอยู่ไม่น้อย) แต่ไม่อยากให้เสียโอกาสทองในวัย 6 ขวบปีแรกอย่างที่ ผอ, บอกนั้น เลยทำให้สอนแบบเป็นธรรมชาติมากกว่าตะก่อนที่จะสอนแบบเป็นล่ำเป็นสัน (ซึ่งจริง ๆ น้องเจก็ชอบนะ) ตอนนี้มองว่าอยากให้ลูกสนุกกะกิจกรรม อยากให้ทำอย่างอื่นที่โรงเรียนกะเพื่อน ๆ ฝากคุณครูพูดภาษาอังกฤษกะน้องเจด้วย เพราะบอกครูไว้ว่าน้องเจชอบ (ครูก็จะคุยเล่นกะน้องเจเป็นภาษาอังกฤษบ้าง .. ให้น้องเจได้ตอบคุณครู) ... ประโยคที่คุย ๆ สอน ๆ ตอนนี้จะใช้ในชีวิตประจำวันแบบง่าย ๆ มากกว่าที่จะเน้นอะไรเหมือนที่เคยเป็นมา (แต่ก็ไม่ได้ทิ้งไปซะทีเดียว) ค่ะ

กันคงให้น้องเจเรียน Bilingual ไปจนถึง อ.3 เพราะเป็นหลักสูตรบังคับของที่นี่ ส่วน ป.1 กันคงดูแนวโน้มอีกทีว่าน้องเจถนัดทางไหน แล้วก็คงให้ไปทางนั้น ระหว่างทางจากเตรียมอนุบาล ไป อ. 3 อะไรสอนได้ก็จะสอนให้ก่อน จะได้ไม่เครียดไปสะสมตอนจะขึ้น ป.1 อย่างน้อยหลักสูตร bilingual นี้ ก็คงทำให้น้องเจกระดิกบ้างในเรื่องภาษาที่สอง แล้วกันจะช่วยเสริมเพิ่มจากที่โรงเรียนให้อีกทีด้วย เพราะเวลาช่วงนี้อยู่โรงเรียนมากกว่าที่บ้านซะอีก ... :)

ปล. ที่เขียนอย่างงี้เพราะเคยเจอเด็กสองภาษามาก่อนหน้าที่เป็นปี คือลูกของลูกค้ากัน เก่งมาก ๆ ทุกด้าน ภาษาอังกฤษเปรี๊ยะ ๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ เรียบร้อย มารยาทดีสุด ๆ คุณพ่อคุณแม่จัดตารางไว้เลย วัน ๆ ทำอะไรบ้าง นี่กันเพิ่งเจอเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา สังเกตหน้าน้องเค้า ทำไมไม่สดใสเลย ทั้งที่ไปว่ายน้ำแท้ ๆ ไม่ยิ้มไม่อะไร ... กันไม่อยากให้น้องเจเป็นอย่างงั้น เลยเพลา ๆ ลง .. หุหุ (ตอนนี้น้องเจกรี๊ด .. สนุก ๆ กันก็ให้น้องเจออกเสียงสุด ๆ ด้วยย .. ปลดปล่อยเลยลูกกกกก)
โอ้ววว..กลุ้มจายยยย
ถามว่าจำเป็นไม๊....
ต้องกลับไปถามตัวคุณพ่อคุณแม่ก่อนว่า...
กำลังการส่งเรียนให้ลูกในโรงเรียนอินเตอร์นั้น คุณพ่อคุณแม่ไหวไม๊ หนักไปหรือเปล่า
หรือสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีกิจการ หรือหวังจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกนั้น ก็โอเค

ถามว่าเรียนโรงเรียนอินเตอร์กับโรงเรียนภาคปกตินั้น
บางครั้งเราก็มีความเข้าใจผิดๆ
อันที่จริง โรงเรียนอินเตอร์ในแต่ละประเทศ ส่วนใหญ่แล้ว
ไว้สำหรับลูกชาวต่างชาติที่พ่อแม่เข้ามาพักอาศัยอยู่ต่างประเทศชั่วคราว

สำหรับการเรียนการสอน ก็แค่สอนพื้นฐานของวิชาทั่วไป ไม่นับวิชาพื้นฐานไทยและภาษาไทย
ดังนั้น หากจะส่งลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์ ลูกก็จะได้เรียนวิชาพื้นฐานของสากล
วิชาพื้นฐานของไทยก็จะไม่มี เช่น วิชาสปช ภาษาไทย เป็นต้น

แต่คนไทยคิดว่า ส่งลูกไปเรียนแล้ว เด็กจะได้รับภาษาที่เร็วและดีขึ้นนั้น ก็จริงอยู่ เนื่องจากสภาพแวดล้อมโรงเรียนโดยส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษ หรือพูดภาษาอังกฤษตลอด ไม่ว่านอกห้องเรียน หรือในคลาสเรียน

แต่ต้องยอมรับว่า ลูกจะได้วิชาการไม่ครบตามหลักสูตรของกระทรวงการศึกษาไทย

แต่สำหรับนุ้ยแล้ว ไม่มีความคิดจะส่งลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์
ด้วยความไม่ชอบส่วนตัว และคิดว่าไม่จำเป็นต่อครอบครัวของเรา
ทั้งที่ครอบครัวสามีอยากให้ส่งลูกสาวเข้าเรียนอินเตอร์ แต่นุ้ยว่าไม่จำเป็น
เรามีเจ้าของภาษาอยู่ในบ้านแล้ว ใยจะไปเสียเงินให้คนอื่นอีกชิมิ....

ที่สำคัญ นุ้ยถามตัวเองก่อนว่า ความเป็นจริงแล้ว นุ้ยต้องการให้ลูกเป็นแบบไหน เป็นอย่างไร เรียนอย่างไร

สรุปคือ...ในเมื่อตัวเองอยู่ประเทศไทย จะปักหลังอยู่ที่นี้ ก็ให้เรียนตามแบบไทย
เราได้เปรียบที่ว่า มีเจ้าของภาษา และลูกได้เรียนรู้ตั้งแต่เด็กๆ ไม่กลัวเลยว่าลูกจะสื่อสารภาษาที่สองไม่ได้
และสามีก็ชอบวัฒนธรรมของไทยมากกว่าตะวันตก และลูกก็เป็นเด็กผู้หญิง อยากให้อ่อนหวานเหมือนคนไทย

เวลาพูดภาษาไทยแล้ว พ่อเค้าชอบมาก ดูนุ่มนวล อ่อนหวาน สมเป็นเด็กผู้หญิง

ยังงัย ก็ลองถามตัวเองดูก่อนว่า หนักเกินไปสำหรับครอบครัวเราหรือเปล่า เพราะค่าใช้จ่ายมันสูงจริงๆ และจะสูงเพิ่มขึ้นทุกปี

เก็บเงินให้ลูกเปิดกิจการในอนาคตไม่ดีกว่าหรือ ชิมิ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นไทยแท้...ก็ต้องวางรากฐานภาษาของลูกตั้งแต่เด็กจะง่ายมากเลยนะคะ
ถ้าเรามารอตอนลูกโตแล้ว อันนี้ก็คงต้องพึ่งสถาบันสอนภาษาเสริมเอา หรือ ต้องดูว่า ลูกเรานั้นมีความสนใจมากน้อยแค่ไหน

แต่ให้ดี วางรากฐานภาษาให้ลูกตั้งแต่เด็กจะดีมากค่ะ และทำประจำสม่ำเสมอ ลูกก็จะกลายเป็นว่า ทำเป็นความเคยชิน พูดเป็นความเคยชิน ไม่ต้องนั่งนึกศัพย์ นั่งแปลศัพย์ ก่อนที่จะพูดประโยคนั้นออกมา

เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินเพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ภาษาเพิ่มขึ้น...

เอาใจช่วยค่ะ ค่อยๆคิดนะคะ...
บางครั้งหลายๆอย่างก็เป็นแค่วัตถุนิยม...อย่าลืมมองลูกก่อนตัดสินใจนะคะ ขอบคุณค่ะ
ได้ความคิดเห็นหลากหลายมาก ๆ เลยครับ
ผมเองก็คิดเรื่องอนาคตทางภาษาของเค้าบ่อยอยู่เหมือนกัน ว่าจะยังไงต่อไปดี

ยังไม่มีความคิดเห็นมาแบ่งปันนะครับ

อ่านความคิดเห็นแต่ละท่านแล้ว
รู้สึกดีใจแทนเด็ก ๆ ที่มีคุณพ่อ คุณแม่ที่คิด และทำเพื่อลูกกันมากขนาดนี้

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service