เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

เด็กสองภาษาจำเป็นต้องเข้าโรงเรียนแบบสองภาษาหรือไม่?

พอดีว่าผมอยู่บ้านนอกครับ รายได้น้อยคิดว่าไม่พอส่งลูกเรียนโรงเรียนแบบ English Program แน่ๆ (ค่าเทอมน่าจะประมาณปีละแสน ไม่รวมค่ากินอยู่ ค่าเดินทาง ฯลฯ)

เด็กสองภาษาที่เรา (กำลัง) สร้างขึ้นมาจะมีปัญหาไหมครับ ถ้าเราไม่ได้ส่งเค้าเรียนโรงเรียนที่ใช้สองภาษา?

ตอนนี้กำลังสับสนอย่างมาก แฟนบอกว่าเลิกคุยกะลูกเป็นภาษาอังกฤษได้แล้ว ทำใจซะ เดี๋ยวเราส่งลูกเรียนโรงเรียนเทศบาลแถวบ้านละกัน (เรียนฟรี 15 ปีอีกตะหาก)

ผมก็ว่าจะทำใจขอลาออกจากเครือข่ายเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้แล้วล่ะครับ

Views: 396

Reply to This

Replies to This Discussion

อย่าเลิกเลยค่ะ เข้าใจถึงความจำเป็นที่ไม่สามารถส่งลูกเข้าโรงเรียนที่มี English Program แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเลิกสอนลูกที่บ้านนี่ค่ะ อย่างน้อนเด็กจะได้มีพื้นฐานภาษาอังกฤษ จากที่บ้าน ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีความจำเป็นแค่ไหนในการที่จะต้องส่งลูกเข้าโรงเรียนแบบนั้น แต่โรงเรียนแรกของลูกคือที่บ้าน ครูคนแรกของลูกคือพ่อและแม่ จริงอยู่ว่าน้องเค้าอาจจะไม่ได้นำไปใช้ นำไปพูดในโรงเรียนเวลาเค้าโตขึ้น แต่คุณพ่อเชื่อเถอะค่ะว่าสิ่งที่คุณพ่อพยายามสอนลูกไปในตอนนี้ ลูกได้ติดตัวนำไปใช้ในอนาคตแน่ๆ น้องเค้าจะมีพื้นฐานภาษาอังกฤษดีกว่าเด็กคนอื่นๆที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้สอนเค้าเลยตอนที่เค้ายังเล็กอยู่ เรียนเทศบาลแถวบ้านก็เก่งภาษาอังกฤษได้นี่ค่ะ
ใช่แล้วค่ะ อย่าเพิ่งถอดใจสิคะ เรียนรร.วัดแต่เก่งภาษา Eng ก็ไม่เลวนะคะ อย่างน้อยลูกก็ได้พื้นฐานที่ดีติดตัวไปตลอดค่ะ
ขอแสดงความเห็นด้วยคนคะ อย่ายกเลิกความตั้งใจที่จะให้ลูกเป็นเด็กสองภาษาเลยนะคะ ถึงแม้ว่าเรียนที่ไหนก็ตาม ถ้าเราก็ฝึกฝนการใช้อย่างสม่ำเสมอเช่นการคุยกับคนในครอบครัว อย่างน้อยก็เป็นพื้นฐานการเรียนที่ดีให้กับลูกคะ เมื่อลูกชอบเค้าก็จะทำได้ดีส่งให้การเรียนในระดับที่สูงขึ้นได้ผลดีคะ
จากประสบการณ์ที่หลานชายเรียน EP มานะคะ

เด็กสองภาษาจะไม่มีปัญหาในการเรียนโรงเรียนสองภาษา หรือโรงเรียนไทย ถ้าที่บ้านพูดภาษาที่สอง
แต่เด็กที่เรียนสองภาษาแล้วที่บ้านพูดไทยอย่างเดียวมีปัญหาเยอะมาก คือเรียนแล้วไม่สัมฤทธิ์ผลค่ะ เรียนแล้วพูดไม่ได้เยอะนะคะ

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทำเพื่อลูกค่ะ ไม่ยากหากเราพยายาม ท้อได้แต่อย่าถอยค๊า
คุณพ่อน้องแอ๊นท์ค่ะ ลูกๆดิชั้นก็ไม่ได้เรียนร.ร.สองภาษาค่ะ เรียนร.ร.ธรรมดาเหมือนกัน
แต่ดิชั้นก็เชื่อในแนวคิดที่ว่า "เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้" ของคุณพงษ์ระพีค่ะ
เมื่อไหร่ท้อ หรือ เหนื่อยก็เข้ามาหาแนวร่วมในเวปนี้นะค่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ:)
แนวความคิดการสร้างเด็กสองภาษาของผม ไม่ได้หมายความว่าเด็กจะต้องพูดภาษาที่สองคล่องเป็นน้ำไหลไฟดับ พ่อแม่เลือกเป้าหมายได้ครับ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละครอบครัว ถ้าเงื่อนไขไม่อำนวย เอาแค่ให้เด็กรู้สึกคุ้นเคยกับการเรียนภาษาที่สองอย่างธรรมาชาติ เข้าใจและพูดพื้นฐานได้ระดับหนึ่ง ก็โอเคแล้วครับ

อย่าลืมนะครับ ครูสอนภาษาที่ดีที่สุด ในแนวความคิดเรียนแบบธรรมชาติ คือพ่อแม่ ไม่ใช่ ฝรั่ง

อย่าเพิ่งท้อ อย่างเพิ่งเลิก ให้ค่อยๆทำ ไม่ต้องเร่ง
อย่าเพิ่งท้อนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้อีกคน....คุณพ่อทำต่อไปเถอะคะ สักวันสิ่งที่คุณพ่อทำจะส่งผลดีในระยะยาวให้กับน้อง...ดิฉันเชื่อคะว่า อย่างน้อยที่สุด น้องจะเป็นคนที่กล้าและไม่กลัวกับภาษาอังกฤษ ซึ่งเด็กต่างจังหวัดบางคนจะประสบปัญหาข้อนี้ อีกอย่างจะเรียนที่ไหน..ไม่แต่ต่างหรอกคะ หากคุณครูผู้สอนไม่เอาใจใส่และขาดการอบรมอย่างดี.....คุณพ่อสู้ๆ นะคะ
สิงที่เราทำไม่ได้ทำร้ายลูก ไม่ได้เสียตังค์ เป็นแต่ประโยชน์ ทำไปเถอะค่ะ ไม่เรียนสองภาษา ใช่ว่าจะไม่เก่งภาษาอังกฤษซะหน่อย สมัยเราเป็นเด็กประเทศไทยก็ไม่ค่อยมีโรงเรียนสองภาษาซะหน่อย คุณพ่อเองก็ไม่ได้เรียนสองภาษาเหมือนกันยังสอนลูกได้เลย เชื่อว่าในนี้ยังมีอีกหลายคนที่อยู่ในสถานการณืเดียวกับคุณพ่อ สู้ สู้ค่ะ เต็มที่ของเรา ไม่ต้องเปรียบกับใคร สู้สู้
ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกกำลังใจครับ พ่อน้องแอ๊นท์ได้รับทุกกำลังใจและซาบซึ้งใจมากๆ ครับ

มีเรื่องเล่าให้ฟังครับ

วันที่ตัดสินใจเลิกคุยกะลูกเป็นภาษาอังกฤษ ก็ทักเค้าเป็นภาษาไทยครับ เช่น น้องแอ๊นท์ ว่าไงลูก? ว่าไงคะ?

เค้าก็มองหน้าผมครับ มองแบบจ้องตาไม่กะพริบ มองแบบงงๆ

ผมเลยทักใหม่ว่า "Hello Andy! How are you?" เหมือนที่เคยทักเค้าตอนเช้าๆ เวลาเค้าตื่น (ทักแบบนี้มาประมาณเกือบๆ เดือนครับ)

ปรากฏว่าน้องแอ๊นท์ยิ้มให้พ่อครับ!

ผมเลยตัดสินใจว่าจะไม่เลิกเป็นพ่อที่พูดภาษาอังกฤษแล้ว ยังไงซะก็เหมือนที่พี่ๆเพื่อนๆ น้องๆ ในนี้บอกไว้ (รวมทั้งคุณพ่อน้องเพ่ยๆ ด้วย) แหละครับว่าอย่างน้อยที่สุดเค้าก็ได้พื้นฐานภาษาที่พ่อสอนให้ติดตัวไป

ขออนุญาตกลับมาเป็นครอบครัวเครือข่ายเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้อีกครั้งนะครับ!!
ยินดีต้อนรับ และจะขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ

พ่อน้องแอ๊น พยายามต่อไปนะคะ ตอนนี้ยินดีด้วยที่คุณมีกำลังใจสู้เพื่อลูก

ดิฉันขอยกตัวอย่างครอบครัวของดิฉันนะคะ เราอยู่ประเทศเยอรมนี สามีเป็นคนเยอรมันพูดเยอรมันกับลูก
ซึ่งก็เหมือนปรกติเช่นครอบครัวอื่นๆ ในเยอรมนี

ส่วนดิฉันสอนภาษาไทยให้ลูก แล้วลูกก็ไปเรียนโรงเรียนเยอรมัน เหมือนเด็กเยอรมันทั่วไป ไม่ได้ไปเรียน
โรงเรียนอินเตอร์ หรือโรงเรียนสองภาษา

ชีวิตนอกบ้านของลูกก็เหมือนเด็กคนอื่นๆ ที่พูดเยอรมัน แต่เวลาลูกกลับมาบ้าน ที่นี่แหละที่เขาจะไม่เหมือนเด็กอื่นๆ
เขาต้องพูดไทยกับแม่ พอดีดิฉันทำงานส่วนตัวอยู่บ้านจึงมีเวลาอยู่กับลูกมาก เรามีเวลาให้กันและกันมาก
ภาษาไทยของลูกจึงพัฒนาและแน่นมาก

ดิฉันเป็นต้นแบบที่แข็งแกร่งทางภาษาไทยให้ลูก แม้จะอยู่แต่ในบ้านก็ตาม แต่ลูกจะมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ
จนสุดท้ายเขาจะพัฒนาเทียบเท่ากับต้นแบบ แต่ทั้งนี้ดิฉันต้องมีผู้ช่วยเช่นสื่อการเรียน เช่น ภาพยนต์ไทย
การ์ตูนไทย, เพลงไทย เข้ามาเสริม ให้เขาได้รู้คำศํพท์ที่กว้างและลึกยิ่งขึ้น

ดิฉันไม่กังวลใดๆ ที่ให้ลูกเรียนโรงเรียนธรรมดา เพราะดิฉันคิดว่า "บ้าน" คือสถานที่สำคัญที่สุดในชีวิต
ของคนในช่วงวัยเด็กที่จะได้เรียนรู้ทุกๆ อย่าง ภาษา, มารยาท, ความประพฤติ ฯลฯ ทุกอย่างเริ่มจากที่ "บ้าน"
พ่อแม่ คือครูที่ดีที่สุดของลูกค่ะ อย่ากังวลเลยนะคะ
สู้ต่อไปครับ ตอนนี้ผมรู้แต่ว่า ถ้าผมไม่ทำ ผมคงต้องมารู้สึกเสียใจภายหลังแน่ๆ สู้ครับ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service