เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

พูดภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาของเราเอง

จาก zeffiro
http://zeffiro.multiply.com/journal/item/1
---------
เอ่อ...ออกตัวไว้ก่อนนะครับ ว่านี่ไม่ใช่บทความวิชาการ และผมไม่ใช่ประเภทบ้าวิชาการขนาดนั้น

แต่ เหตุที่เขียนถึงเรื่องนี้ ก็สืบเนื่องมาจากการอภิปรายกันในห้องเรียนวิชาภาษาศาสตร์สังคมเมื่อหลายวัน ก่อน เรื่องมีอยู่ว่าเรากำลังอภิปรายกันถึงบทความเกี่ยวกับ British Pop singers ที่ร้องเพลงโดยเลียนแบบสำเนียงของอเมริกัน อันที่จริงแล้วบทความนี้น่าสนใจทีเดียว โดยเฉพาะกับคนที่ชอบฟังเพลงสากลอย่างผม

ถ้าอาศัยฟังแค่สำเนียงจากการร้องเพลง นัก ฟังเพลงสากลบางคนอาจจะแยกไม่ออกว่านักร้องคนไหนเป็นอเมริกัน คนไหนเป็นอังกฤษ เราอาจจะพอจับลักษณะคร่าว ๆ ของสำเนียงแบบอังกฤษ หรืออเมริกันได้ เป็นต้นว่า อังกฤษออกเสียงบางคำเป็น “อา” แต่อเมริกันออกเป็น “แอ” เช่น dance (ด๊านซฺ / แด๊นซฺ) หรือ การออกเสียงตัว ‘r’ ท้ายสระ เช่น ‘car’ ซึ่งแบบอังกฤษจะไม่นิยมออกเสียง แต่อเมริกันจะออกเสียงจนฟังดูเหมือนม้วนลิ้นเข้าไป (เอ่อ...นึกภาพออกกันไหมครับเนี่ย ) และนี่ก็เป็นประเด็นหลักในบทความที่อ่าน นั่นคือ นักร้องเพลงป๊อบของอังกฤษส่วนใหญ่มักจะเลียนแบบสำเนียงอเมริกัน จนทำให้คนฟังเพลง Brit Pop ส่วน ใหญ่แทบจะไม่สามารถจำแนกได้ว่านี่คือนักร้องอังกฤษ หรือ อเมริกัน (ถ้าไม่รู้จักนักร้องคนนั้น ๆ มาก่อน) ตัวอย่างคนกลุ่มนี้ก็คือเพื่อนนักเรียนในชั้นเรียนนี้นั่นเอง หล่อนนึกมาเสมอว่า Robbie Williams เป็นอเมริกัน! (ฮา) อ่ะ...ก็ลองพิสูจน์ดูด้วยการฟังเพลงฮิต ๆ ของเขาก็ได้ เช่น Better Man ดูก็ได้ ฟังดูคล้ายคนอเมริกันร้องเลยทีเดียว

ใช่แต่ Robbie Williams คนเดียวเสียเมื่อไหร่ เชื่อไหมว่า Trend ของการร้องเพลงโดยใช้สำเนียงอเมริกันในหมู่นักร้องอังกฤษนั้น เริ่มเป็นที่นิยมกันมาตั้งแต่สมัย The Beatles หรือ Guns ‘n’ Rose เลยทีเดียว จุดประสงค์ของการใช้สำเนียงอเมริกันในการร้องเพลงของพวกเขาก็คือ เพื่อตีตลาดคนฟังในอเมริกา แต่น่าเศร้าเหลือเกินที่ผลปรากฎว่า กลุ่มคนฟังชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่านักร้องอังกฤษจงใจร้องเพลงดัด สำเนียงเพื่อเอาใจพวกอเมริกัน!

ความ จริงนั่นก็เป็นสาระสำคัญของบทความที่ว่า และการอภิปรายก็เกือบจะจบลงแค่นั้น ถ้าไม่ใช่เพราะผมเองนี่แหละที่ยกมือเสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า

“ในเรื่องของการพูดภาษาอังกฤษของคนไทยก็คล้าย ๆ กันนะครับ! คนไทยส่วนใหญ่นิยมพูดอังกฤษสำเนียงอเมริกัน ไม่รู้ทำไม”

เรื่อง ที่ดูเหมือนจงใจจะนอกเรื่อง (เพราะเริ่มเซ็งกะวิชาการแล้ว) ของผมนี้ กลับจุดประเด็นให้อภิปรายกันอีกยืดยาวจนหมดคาบ (สมความตั้งใจ) เมื่อทุกคนในห้องก็เห็นพ้องว่า คนไทยเหมือนจะมีค่านิยมว่า การพูดภาษาอังกฤษที่จะฟังดู “ไฮโซ” นั้น ต้องพูดเหมือนฝรั่งอเมริกัน คนไหนพูดแล้วฟังดูแปร่ง ๆ สำเนียงกระเดียดไปทางภาษาแม่ของตัวเองนั้น ก็จะถูกดูหมิ่นนิด ๆ ว่า “สำเนียงเห่ย”

แต่... เรื่องสำเนียงนี่มันฝึกกันยากนะครับ ถ้าไม่ได้เติบโตในประเทศเจ้าของภาษาตั้งแต่เล็ก หรืออาศัยอยู่นานพอสมควรแล้วเนี่ย ไม่ใช่จะเลียนแบบสำเนียงกันได้ง่าย ๆ ยิ่งใครที่อายุมากแล้วด้วย ก็ยิ่ง “ดัด” ยากขึ้นอีกต่างหาก ผมเองก็เคยเป็นหนึ่งในหลายต่อหลายคน ที่พยายาม Speak English แบบฝรั่งจ๋า ดัดสำเนียงจนลิ้นแทบพันกัน สุดท้ายเพิ่งจะมาตาสว่างว่า ความพยายามนี้มันช่างเสียเวลาเปล่าจริง ๆ สู้เอาเวลาไปใส่ใจกับการพูดสื่อสารให้รู้เรื่องจะดีกว่า ไม่อยากเป็นประเภทที่พูดสำเนียงฟังดูไฮโซ แต่ผิด grammar ตรึม (เคยได้ยินคนพูดอังกฤษสำเนียงดีมาก แต่แทบขำกลิ้งที่เขาหลุดออกมาเต็ม ๆ ว่า “Do you sure?”)

ยิ่ง ไปกว่านั้น คนในประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา เช่น ฝรั่งเศส อิตาเลียน สิงคโปร์ ฮ่องกง สเปน ฯลฯ ส่วนใหญ่เขาก็พูดสำเนียงแปร่ง ๆ แต่ฟังดูมีเอกลักษณ์ และก็ไม่ได้แคร์ด้วยว่าจะต้องพูดให้มีสำเนียงแบบเจ้าของภาษา (อเมริกัน หรือ อังกฤษ) ภาษาอังกฤษของพวกเขาจึงมีชื่อเรียกที่เป็นที่รู้จักกันว่า Singaporean English (Singlish), Spanish English (Spanglish), Hong Kong English ฯลฯ ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นภาษาอังกฤษแบบเฉพาะของพวกเขาเอง สำหรับในประเทศไทยนั้น ในแวดวงวิชาการเริ่มจะมีการบัญญัติศัพท์คำว่า Thai English กัน บ้างแล้ว แต่เหตุที่ยังไม่แพร่หลายจนเป็นที่ยอมรับกันนั้น ก็เพราะคนไทยเองไม่สนับสนุนภาษาอังกฤษสำเนียงไทย ๆ ของตัวเอง ถ้าแต่ละคนพยายามจะฝึกสำเนียงให้เหมือนฝรั่งกันหมด แล้วจะมีอะไรที่เรียกว่า Thai English กันล่ะ

แม้ ในประเทศเจ้าของภาษาเองก็ยังมีคนพูดหลากหลายสำเนียง แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ยิ่งประเทศกว้างใหญ่อย่างอเมริกา ความแตกต่างด้านสำเนียงก็นับว่ามีหลากหลายมาก คนที่ New York, Texas หรือ Hawaii ก็พูดไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แล้วถ้าเราคนไทยจะบอกว่า “ฉันพูดอังกฤษแบบอเมริกัน” เรายังต้องถามตัวเองเสียใหม่ว่า “แบบไหนล่ะ ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน?”

พูด ภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาของเราดีกว่า และสำเนียงแบบไทย ๆ ของเรานี่แหละจะเป็นเสน่ห์ของเราเมื่อสนทนากับชาวต่างชาติ เพราะอย่างน้อย นอกจากรูปร่างหน้าตาแล้ว สำเนียงภาษาก็บ่งบอกได้ว่า “ตูนี่แหละ คนไทยฟ่ะ”

สุด ท้ายนี้ ขอยกคำพูดของอาจารย์ท่านหนึ่งในภาคภาษาอังกฤษของผม ซึ่งพูดภาษาอังกฤษในสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ครั้งหนึ่งท่านพูดในห้องเรียนว่า

“I don’t care about my accent, as long as I make myself understood.”

....ถูกต้องนะคร้าบบบบบบ....’จารย์

Views: 697

Reply to This

Replies to This Discussion

ผมสนับสนุนการพูดให้เคลีัยร์ ไม่จำเป็นต้องเหมือนเป๊ะ
เคลียร์ พิมพ์เกินไปหน่อยครับ
เห็นด้วยค่ะ ฝรั่งก็บอกว่าแอคเซนต์ไม่สำคัญเท่าออกเสียง และ เน้นหนักเบา(stress) ได้ถูกต้องค่ะ
เห็นด้วยกับคุณบิ๊กนะคะ ว่า............ผมสนับสนุนการพูดให้เคลีัยร์ ไม่จำเป็นต้องเหมือนเป๊ะ.............

แต่ไหนๆ เราจะพูดภาษาเขาแล้วเราต้องเพิ่มสำเนียงชาวดั๊ช ดั๊ชชาริท เข้าไปอีกสักนิ๊สนะคะ อย่าไทยจ๋าเยอะไปค่ะ

ความหมายคือ--ไม่จำเป็นต้องเป๊ะ--- แต่ใส่จริตเข้าไปให้เหมาะกับตัวเรา ก็น่าจะทำได้สวยงามทีเดียวค่ะ
การพูดสื่อสารให้รู้เรื่องจะดีกว่า ไม่อยากเป็นประเภทที่พูดสำเนียงฟังดูไฮโซ แต่ผิด grammar ตรึม (เคยได้ยินคนพูดอังกฤษสำเนียงดีมาก แต่แทบขำกลิ้งที่เขาหลุดออกมาเต็ม ๆ ว่า “Do you sure?”)

ประโยคนี้โดนใจมากค่ะ
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ สิ่งสำคัญอยู่ที่เราต้องออกเสียงให้ชัด ตัว r l ch sh ...
ส่วนเรื่องสำเนียงนั้น ภูมิใจเถอะค่ะ ที่สำเนียง Thailish ...
ฝรั่งก็มาจากหลายประเทศ บางประเทศก็ไม่ได้ใช้อังกฤษเป็นหลัก มันก็ไม่เก่งเหมือนเราๆนี่แหละ
อย่างสามีทำงานกับชาวเดนมาร์ก ชาวอิตาลี ต่างคนก็ต่างงงกันอยู่พักนึง ถึงค่อยๆ ปรับเข้าหากัน
เพื่อนคนนึงเคยทำงานที่อินเดีย แรกๆก็ไม่เข้าใจว่ามันพูดอะไรหว่า ก็ต้องใช้เวลาประมาณสัปดาห์ถึงค่อยๆ ปรับให้เข้าใจกันได้
สำคัญที่ ต้องพูดให้เคลียร์ อย่างที่พี่บิ๊กว่าแหละค่ะ

คนต่างชาติส่วนใหญ่ (ที่อยู่เมืองไทย) ไม่ได้แคร์เรื่องสำเนียงมากนะคะ ถ้าเราพูดไม่เก่ง เค้าก็แค่งง แต่ไม่ทำเหมือนคนไทยแน่นอน ที่ชอบเอาเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ชั้นจบนอก ชั้นไฮโซ สำเนียงชั้นเริ่ดกว่าใคร พอได้ยินคนอื่นพูดสำเนียงไทยเข้าหน่อย หรือบางทีออกเสียงผิดเล็กน้อย ก็ยิ้มเย้ย เยาะหยัน ถากถาง ก็เลยทำให้คนที่กำลังจะฝึกฝน หมดใจที่จะพยายามต่อ (ตัวเองก็เป็นหนึ่งคนที่เคยโดนมา แห่ะแห่ะ)

เขียนซะยาว เก็บกดค่ะ พี่บิ๊ก ^ ^
มาอ่านทู้นี้ ตรงใจมากเลย
เพราะเมื่อคืนเริ่มสับสนใน accent ภาษาพอสมควร
เนื่องจากหลายวันมานี้ฮึดในการพัฒนาภาษาตัวเอง ไล่อ่านไล่ดูคลิปที่พี่ๆน้องๆแปะมาให้ชม
ยิ่งดูมาก เริ่มสับสน เนื่องจากในบ้านนุ้ยเองจะได้ยินแต่สำเนียงอังกฤษ และเวลาพูดสำเนียงอเมริกัน
สามีมักจะทัก เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ไปทาง ไทย-เมกัน โดยคนอังกฤษหรือคนไทยทั่วไปจะฟังออก
เมื่อคนไทยพูดสำเนียงคำึควบกล้ำเกินไป หรือเวลาตัวเองเน้นเสียงควบกล้ำบ่อยขึ้นสามีก็ติบ่อยขึ้น
หลังๆมาเริ่มดีขึ้น แล้วพอค้นหาเอาตำราใส่ตัว เสียงควบกล้ำลิ้มก็กลับมา เลยทำให้สับสนว่า
สรุปแล้วเราจะไปทางไหนกันแน่....จะสำเนียงไปทางอังกฤษหรือไปทางเมกันดี เริ่มสับสน(แต่ไม่ได้ผิดหรอกนะคะ แต่สับสนตัวเอง)
แต่พอได้อ่านกระทู้นี้ หัวข้อนี้ รู้สึกสบายใจขึ้นมากค่ะ...บางครั้งการอ่านมากไป ดูมากไป ก็ทำให้ความมั่นใจเรา เกิดการหวั่นๆได้...

แต่ไม่ถอยที่จะเรียนรู้ภาษาต่อไปจ้า...^^
เห็นด้วยอย่างมากเลยคะ สามีที่ต้องทำงานกับคนต่างชาติตลอด ก็พูดให้ฟังบ่อยว่าสำเนียงไม่สำคัญแต่ขอให้ออกเสียงให้ชัดเจน

เค้าบอกว่าเคยฟังเพื่อนต่างชาติพูดมาก็หลายชาติทั้งยุโรป อเมริกา แอฟฟริกา เอเซีย และรวมทั้งคนไทยพูดภาษาอังกฤษ เค้าเลยคิดได้ว่า เอาแบบสำเนียงไทย แต่พูดให้ถูกต้อง ฟังง่ายเป็นใช้ได้ค่ะ
แค่แอคเซน กะ stress ก้ยังไม่ค่อยจะได้ค่ะ คือ ต้องฝึก ฟังต่อไป ใช้ต่อไป ให้มากเท่าที่ทำ ได้ เนาะ
ตรงใจมากเลยค่ะ ชอบๆ ขอบคุณค่ะ

แบบนี้เราก็พูดอังกฤษ แบบสำเนียง Thai English ไม่ต้องอายใครแล้ว เย้
เห็นด้วยคะ เพราะว่าเวลาคนสิงคโป อินเดีย มาเลย์ อินโด หรือคนเอเชีย อื่น เค้าพูดหรือสนทนาไม่เห็นจะต้องแคร์ใครเลย ค่ะ
คนด้วยคนครับ...พูดอังกฤษสำเนียงไทยๆ เป็นเอกลักษณ์ของเราคนไทย

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service