เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

รคภูมิแพ้ในเด็ก

     โรคภูมิแพ้เป็นโรคมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ  นั่นคือ ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานมากกว่าปกติเมื่อพบกับสิ่งกระตุ้นอย่างใดอย่างหนึ่งเช่น เกษรดอกไม้ ไรฝุ่น อาหารบางชนิด ซึ่งจะเกิดในคนบางคน (ขึ้นกับพันธุกรรม ถ้าพ่อแม่เป็นโรคภูมิแพ้ โอกาสที่มีลูกเป็นโรคภูมิแพ้ก็จะสูงกว่าปกติ)

     อาการของโรคภูมิแพ้ก็จะมีได้หลายอย่าง ขึ้นกับอาการที่แสดงออกในแต่ละคน เช่น คัดจมูก มีผื่นลมพิษขึ้นตามตัว  ท้องเสียถ่ายเหลว  ในเด็กเล็กอาจมีอาการอาเจียนหรือถ่ายเหลวได้  อาการแสดงของโรคภูมิแพ้ก็ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติตามภูมิภาคต่างๆของโลกด้วย

     สมมุติว่าผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ พบกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น  ระบบภูมิคุ้มกันก็จะเริ่มทำงานและเริ่มต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม (ในที่นี้คือ ไรฝุ่น)  และเม็ดเลือดขาวนี้จะปล่อยสารเคมีออกมา ที่เรียกว่าฮีสตามีน  (ซึ่งสารเคมีนี้จะทำหน้าที่คล้ายๆกับโทรโข่ง ไปบอกเม็ดเลือดขาวตัวอื่นๆให้มารุมจัดการกับไรฝุ่นนี้)

     สารฮีสตามิน เป็นสารที่ทำให้เกิดอาการต่างๆของภูมิแพ้ ได้แก่
     - คัดจมูก
     - น้ำมูกไหล
     - เคืองตา
     - น้ำตาไหล

     และอาจก่อให้เกิดอาการดังต่อไปนี้ได้ (เกิดน้อยกว่า)
     - ไอ
     - คันที่เพดานปาก
     - ผื่นลมพิษ
     - หอบหืด
     - ภูมิแพ้อย่างรุนแรงที่เรียกว่า อนาไฟแลกซิส anaphylaxis 

      ปัจจัยทางพันธุกรรมกับโรคภูมิแพ้ในเด็ก

     ถ้าคุณมีบุตรเป็นโรคภูมิแพ้  นั่นอาจจะหมายความว่าคุณอาจมียีนที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ครับ  ถ้าพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้ย่อมมีโอกาสที่คุณจะมีลูกเป็นโรคภูมิแพ้ประมาณ 40%  แต่ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ โอกาสที่จะมีลูกเป็นโรคภูมิแพ้ก็มีมากขึ้นถึง 80%

      ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมกับโรคภูมิแพ้ในเด็ก

    ปัจจัย ด้านสิ่งแวดล้อมก็ส่งผลให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้เช่นเดียวกับปัจจัยด้านพันธุ กรรม ยกตัวอย่างเช่น สุนัข หรือแมว เมื่อลูกของคุณไปคลุกคลีกับสัตว์เลี้ยง ก็มีส่วนที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ได้  หรือ แม้แต่ บ้านของเพื่อนที่มีสัตว์เลี้ยง แล้วไปโรงเรียน ขนของสัตว์เลี้ยงก็จะติดไปกับเสือผ้าที่สวมใส่ พอลูกของคุณอยู่ใกล้ชิด ก็ย่อมมีโอกาสได้รับสารก่อภูมิแพ้จากเสื้อผ้าของเพื่อนได้

      สิ่งต่างๆที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ได้แก่

     - ละอองที่เกิดจากยวดยานพาหนะ เช่น รถบรรทุก เครื่องยนต์ดีเซล  มีหลายการทดลองบ่งชี้ว่า ภูมิคุ้มกันสามารถถูกกระตุ้นได้เมื่อพบกับน้ำมันดีเซล

     - มลภาวะทางอากาศ ก็มีส่วนที่ก่อภูมิแพ้ได้เช่นกัน ก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้  ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์

     - สปอร์ของจุลชีพ เช่น สปอร์ของเชื้อรา ซึ่งมองไม่เห็น

     - ไรฝุ่น และแมลงสาบ สาเหตุเหล่านี้มักเป็นสาเหตุหลักในผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง การกำจัดแมลงสาบให้หมดไปนั้นยาก แต่การกำจัดไรฝุ่นนั้นง่ายกว่ามาก
     
      อาหาร
     
     การดื่มนมแม่ อย่างน้อย 
เดิอนมีส่วนช่วยป้องกันและ ลดการเกิดโรคภูมิแพ้ได้ แถมยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย  นมแม่ไม่มีสารก่อให้เกิดภูมิแพ้ แต่นมผงผสมนั้นมีส่วนที่ทำให้เกิดการกระตุ้นภูมิแพ้ได้ ไม่ว่าจะเป็นนมวัว หรือ นมถั่วเหลือง นมถั่วเหลืองก็เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยในเด็กเช่นกันไม่แพ้นมวัว

     ถ้าจำเป็นต้องเลือกนมผสมสำหรับเด็ก  ให้เลือกสูตรนมผสมที่ผ่านการย่อยโปรตีนที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ (Protein Hydrolysate หรือ Hypoallergenic ) และแนะนำให้เริ่มรับประทานอาหาร มื้อ หลังอายุ เดือนด้วยครับ

      ผู้ปกครองควรทำอะไรบ้าง?
     
     เป้าหมายในการดูแลต้องร่วมมือทั้งแพทย์และผู้ปกครองค่ะ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภูมิแพ้ให้น้อยที่สุด
  และช่วยให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีไม่แตกต่างจากเด็กปกติทั่วไป  ดัง นั้นการค้นหาว่าอะไรที่ทำให้ลูกเกิดอาการภูมิแพ้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่าง ยิ่งยวด เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงต่อสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้ค่ะ

      หลีกเลี่ยงและป้องกันโรคภูมิแพ้ในเด็กได้อย่างไร?

    - กำจัดพรม และเครื่องนอนที่ทำมาจากผ้าฝ้าย ผ้าเลนิน และปิดประตูและหน้าต่างตอนกลางคืนและตอนเช้า เพื่อลดโอกาสที่จะได้รับสารก่อภูมิแพ้ให้มากที่สุด   การลดปริมาณไรฝุ่นจะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของปอดดีขึ้นและลดอาการของโรคภูมิแพ้ และหอบหืดลง

     - ห
ลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น บุหรี่ ยาสูบ น้ำหอม ละออกเกสรดอกไม้  การสูบบุหรี่ระหว่างการตั้งครรภ์เพิ่มโอกาสที่จะเกิดโรคหอบหืดในเด็กได้ค่ะ

     - การติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไรโนไวรัส(rhinovirus) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคไข้หวัดธรรมดานี่แหละครับ  ก็มีส่วนกระตุ้นให้เกิดโรคหอบหืดตามมาได้ แต่ว่าการป้องกันไม่ให้เกิดโรคหวัดนั้นอาจทำได้ยาก

     - ฤดูที่เปลี่ยนแปลงมักจะทำให้เกิดโรคหอบหืดได้ง่ายมากขึ้นครับ ด้วยเหตุที่บางฤดูเป็นฤดูที่มีดอกไม้และละอองเกษรมาก และยากที่จะหลีกเลี่ยง  ดังนั้นการจัดตารางเวลาที่จะออกไปเล่นข้างนอก ก็มีส่วนช่วยด้วยค่ะ

     - ให้บุตรหลานสวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง ในเวลาที่ดูดฝุ่น ทำความสะอาด หรือทำสวนก็จะช่วยได้

     - ให้เด็กรับประทานอาหารตามวัย ไม่แนะนำอาหารหลากหลายเร็วจนเกินไป เป็นคำแนะนำของ  American Academy of Allergy, Asthma, and Immunology (AAAAI)
     อายุ 6-10 เดือน : ผัก ข้าว เนื้อสัตว์ ผลไม้
     อายุ 12 เดือน : นมวัว ข้าวโพด ถั่วเหลือง
     อายุ ปี : ปลา
     เช่น ถ้าให้นมวัว ในอายุน้อยๆก็จะมีโอกาสก่อให้เกิดแพ้นมวัวได้เร็วกว่า

      ยาสำหรับโรคภูมิแพ้ในเด็ก

       ก็เป็นส่วนที่ช่วยในการควบคุมอาการของภูมิแพ้ ปัจจุบันมียาอยู่หลายตัวที่ช่วยในการควบคุมอาการของโรคภูมิแพ้

      - ยาที่ช่วยต้านฤทธิ์ของ ฮีสตามีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ร่างกายสร้างและก่อให้เกิดอาการของภูมิแพ้

      - Sodium cromolyn เป็นยาพ่นจมูก ซึ่งช่วยลดอาการคัดจมูกลง

      - Steriod พ่นจมูก ลดการอักเสบบริเวณโพรงจมูก และลดอาการบวมลง ซึ่งเป็นยาที่มีประสิทธิภาพ

      - Leukotriene antagonist เป็นยาที่ต้านฤทธิ์ของสารเคมีในร่างกายทีชื่อ Leukotriene เป็นยาใหม่ที่ใช้ในผู้ป่วยโรคหอบหืด
     
      กล่าวโดยสรุป โรคภูมิแพ้มีปัจจัยที่เป็นสาเหตุจากทั้งพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลให้มีการตอบสนองต่อสารต่างๆที่โดยปกติไม่ก่อให้เกิดอันตราย
   แต่ผู้ที่เป้นโรคภูมิแพ้ ทำให้มีการตอบสนองที่ไวเกินไป และมีการหลั่งฮีสตามีน และทำให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้  สารที่ก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อยๆได้แก่ ไรฝุ่น แมลงสาบ เกสรดอกไม้  สปอร์ของรา รวมถึงฝุ่นและมลพิษมี่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ด้วยครับ

      โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เป็นความท้าทายทั้งแพทย์และผุ้ปกครองค่ะ ซึ่งโรคภูมิแพ้ หากไม่ได้รับการรักษา หรือดูแลได้ไม่ดีพอ จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว  ทำให้ประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมต่างๆลดลง ความสามารถการเรียนรู้ที่ลดลงด้วยค่ะ

Views: 332

Replies to This Discussion

น้องคลอดก่อนกำหนด และคุณหมอเป็นคนสั่งให้ทานนมวัว 24 แคลลอรี่ เพื่อเร่งน้ำหนักน้อง และทานนมแม่ร่วมด้วย ต่อมาเดือนที่สองคุณหมอให้เปลี่ยนนมอีกยี่ห้อ 22 แคลลอรี่ น้องทานได้กระป๋องที่ 2 ก็เริ่มมีผื่นแพ้ตามหน้า หน้าบวม คุณแม่ได้พาน้องไปหาหมอ น้องร็องไม่มีสาเหตุ คุณแม่ก็ไม่รู้เรื่องแพ้นมวัวมาก่อนปล่อยให้น้องร้องต่อกันมา 2 เดือน เพราะทานนมวัวมาตลอด (คุณแม่เสียใจมากที่มารู้ว่าทำร้ายลูกตัวเอง) พอคุณบยายให้ไปหาหมออีก รพ. คุณหมอให้เอานมวัวไปทิ้งให้หมดและทานนมแม่ และแนะนำนมถัวเหลือง (Isomil) แต่ปัจจุบันน้องอายุ 4 เดือน ผื่นแดงน้อยลงแต่น้ำมูกใสยังมีอยู่ ไม่รู้เพราะนมถั่วเหลืองหรือป่าว ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service