เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

สอนยังไงให้เป็นเด็กสองภาษา???

คำถามนี้ เป็นคำถามยอดฮิตที่คนชอบถามแม่เอ๋ เวลาเห็นแม่เอ๋ น้องเรน น้องเคนตะคุยกัน บางคนถึงกับคิดว่าเราไม่ใช่คนไทย เพราะหน้าตาก็ไปทางจีน เกาหลี ญี่ปุ่นพออำได้ แม่เอ๋เลยขอแชร์ประสบการณ์การเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กสองภาษากับเพื่อนๆห้องรังสิตบ้างนะคะ เผื่อจะเป็นไอเดียให้ครอบครัวอื่นๆได้บ้าง
จริงๆแล้วอยากเลี้ยงลูกแบบสองภาษามาตั้งแต่ท้องลูกคนแรก โดยที่ตอนนั้นยังไม่มีแนวทางชัดเจน แต่ด้วยความที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงแม่เอ๋ก็ไปลงเรียนภาษา เปิดเพลงฝรั่งฟังตั้งแต่ท้องลูกคนแรกหวังว่าเมื่อลูกคลอดออกมาภาษาจะดีขึ้นพอที่จะสอนลูกได้บ้าง หลังจากคลอดน้องเรนออกมา ภาษาที่ไปเรียนมาก็ยังพูดไม่ออกเหมือนเดิม แต่ยังเปิดเพลงฝรั่งให้ลูกฟังเหมือนเดิมหวังว่าลูกจะซึมซับภาษาจากเพลงบ้าง จนเรนอายุได้2ขวบครึ่ง ตัวแม่ยังไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษกับลูกได้ (ไม่ได้เริ่มสักทีผ่านมา2ปี)
จนมาวันหนึ่งสามีเอาคลิปวีดีโอลูกเพื่อน ก็คือน้องเจ้าขา(ลูกหมอภา)มาให้ดู เหมือนจุดประกายความหวังเรื่องสอนภาษาลูก เริ่มเข้าไปหาข้อมูลจากเวปสองภาษา อ่านหนังสือคุณบิ๊กทุกเล่ม ลงทะเบียนเรียนวช.ทุกคอร์สที่คุณบิ๊กจัด และได้คำแนะนำดีๆจากหมอภาหลายเรื่อง
ไฟในการสอนลูกเยอะมากช่วงแรกๆ ฝึกท่องประโยคทุกวัน นอนดึกดื่นเพื่อจดประโยคในห้องอิงเพื่อมาท่องๆๆๆ (คิดว่าขยันกว่าตอนเรียนหนังสือซะอีก) เมื่อหลายคนอ่านถึงตอนนี้อาจสงสัยว่าเอ๋เป็นหมอก็คงได้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ขอบอกว่าพูดได้ไม่มากค่ะ อ่านได้สบายแต่ฟังพูดก็คงไม่ต่างจากคนไทยทั่วไปที่จบปริญญาตรีเพราะเราไม่ค่อยได้ใช้พูดในชีวิตประจำวัน
สิ่งที่เอ๋เริ่มเมื่อคิดจะสอนลูกให้เป็นเด็กสองภาษา นอกจากที่กล่าวข้างต้นแล้วนั้น สำหรับคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ นี่คือสิ่งที่คุณต้องเตรียมตัว
1.talking dictionary ดีดีสักเครื่อง เอ๋ใช้cyber dict รุ่น6plus ตอนนั้นยังไม่มีsmartphoneเหมือนตอนนี้ ถ้าเป็นตอนนี้ก็โหลดapp the freedictionaryได้ แต่ส่วนตัวชอบใช้talkingdicมากกว่าเพราะสะดวกดี ได้ทุกที่แม้ไม่มีสัญญาณinternet

2.รื้อฟื้นทุกอย่างเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เริ่มจากphonic phonetic ไปเลยค่ะ เอ๋เริ่มทีหลังจากความรู้ที่ได้ตอนไปวช.phonicคุณบิ๊ก ค่อนข้างสำคัญนะคะ แต่ก่อนไม่เคยสนใจสัญลักษณ์กำกับการออกเสียงในดิกเลยเพิ่งรู้ว่ามันคือphoneticตอนนี้เอง(ครูสอนแล้วลืม หรือหลับตอนเรียนหรือเปล่าเนี่ย)เห็นไหมคะเริ่มต้นจะสอนลูกแต่เราจะพบความรู้ใหม่ๆตลอดเวลาที่สอนลูก มันดีจริงๆนะคะ
Phonic จะทำให้เราออกเสียงได้ถูกต้อง อ่านได้ถูกต้องแม้เป็นคำที่เราไม่เคยเห็นแต่ใช้ไม่ได้กับทุกคำนะคะ สำหรับtrickyword คุณต้องเช็คการออกเสียงจากphoneticอีกทีค่ะ

Grammar and tense ก็สำคัญ อ่านคร่าวๆแต่อย่าซีเรียสกับมันมากจนพูดไม่ออก เอาเป็นว่าอ่านผ่านๆทบทวนพอหมอปากหอมคอ นึกอะไรๆม่ออกใช้present tenseไปก่อนค่ะ ความรู้พวกนี้หาได้จากinternetมากมายจนอ่านไม่ไหว ใช้googleหาได้เลยค่ะ

และสำคัญที่สุดคือคลังศัพท์ ขอให้เริ่มต้นจากภายในบ้านก่อนนะคะ เช็คการออกเสียงทุกคำให้แน่ใจว่าออกเสียงไม่ผิดแน่ สอนช้าแต่ถูกต้องดีกว่าเร็วแล้วผิดเพราะนอกจากเด็กจะออกเสียงผิดแล้ว แก้ไขยากกว่าสอนนะคะ ถ้าไม่แน่ใจคำไหนอย่าเพิ่งสอนเช็คก่อน การพกดิกตลอดเวลาจะช่วยคุณได้ เอ๋เปิดตลอดเวลาแม้ไปเที่ยวเจอศัพท์ใหม่เรียนรู้พร้อมลูกทันทีอย่าให้เสียเวลาเปล่า

เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว เราก็มาเริ่มสอนกันเลยค่ะ อายุเท่าไหร่จะสอนดี อันนี้แล้วแต่เพื่อนๆเลยค่ะ พัฒนาการเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับเรน แม่เอ๋เริ่มตอนสองขวบครึ่งเพราะเพิ่งรู้จักหนังสือคุณบิ๊กจากการแนะนำของหมอภา แต่สำหรับเคนตะ เอ๋ก็ไม่ได้เริ่มตั้งแต่เกิดนะคะ เพราะคิดว่ายังไงเด็กก็ยังพูดไม่ได้ มาเริ่มจริงจังตอนประมาณ1ขวบครึ่งแล้วเพราะเคนตะเริ่มเปล่งเสียงพูดออกมา

สิ่งที่เอ๋เริ่มกับเรนและเคนตะอย่างแรกคือ คำศัพท์ค่ะ ชี้ทุกอย่างที่ลูกเห็นแล้วพูดออกไปเป็นภาษาอังกฤษ ช้าและชัดที่สุดโดยเฉพาะเสียงท้าย(สิ่งที่จะทำให้ฝรั่งฟังเราออก เคยมีฝรั่งชมว่าเราออกเสียงชัดดีด้วย ต้องยกความดีให้ลูกไปเลย) สอนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แต่สอนเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ห้ามแปลเด็ดขาด เช่น it is a dog.(cat , mouth,apple) พร้อมกับชี้ให้เห็นของจริง ทำอย่างนี้ทุกวัน ซ้ำๆ(ความถี่คือตัวแปลสำคัญมากค่ะ) เวลาเดิน นั่ง ทานข้าว เข้าห้องน้ำ สอนกันได้ตลอดเวลา เช่น เดินอยู่ก็บอกลูกว่า walk walk walk :we are walking. Run spin sit sleep ประมาณนี้
จนเมื่อคำศัพท์ที่สอนทั้งเราและลูกเริ่มคล่อง (มันคือการสอนลูกและเรียนรู้ฝึกฝนตัวเองไปพร้อมๆกัน)
เอ๋ก็เริ่มใช้คำถามกับลูกบ้าง เป็นคำถามง่ายๆเพื่อถามสิ่งที่เค้าต้องการเช่นถ้าเห็นท่าทีลูกหิวน้ำก็จะถามว่าdo you want to drink some water? ต้องมีท่าประกอบด้วยนะคะ ทำท่าดื่มน้ำ และชี้ไปที่แก้วน้ำ อล้วให้ทางเลือกกับลูกyes or no. ถ้าลูกsay noอต่ทำท่าจะดื่มน้ำก็ตอบลูกว่าyes yes yes I want to drink some water please.
ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่จะให้ลูกดื่มน้ำ ไม่นานเค้าจะเรียนรู้และเลียนแบบในที่สุด
เมื่อลูกเริ่มมตอบคำถามyes /no ได้ถูกต้องและเข้าใจแล้ว และเมื่อคลังศัพท์ที่สอนมากเพียงพอ
เราก็สามารถถามคำถามง่ายที่เป็นทางเลือกให้้เค้าเช่น do you want to eat an apple or a banana?(พร้อมทำท่ากินไปด้วย
) ให้เด็กเลือกตอบพร้อมโชว์สิ่งนั้นไปด้วย
การถามตอบแบบนี้ทุกวัน จนเด็กเริ่มชินและทำทุกอย่างได้ถูกต้อง เด็กจะเริ่มสร้างประโยคได้เองแบบง่าย เช่นเวลาอยากทานอะไรจะชี้และบอกeat eat เราก็ต้องเติมเต็มประโยคที่สมบูรณ์ให้ลูก เป็น I want to eat food/a snack /etc.อย่างที่คุณบิ๊กบอกคือการพยุงการพูดแต่การสร้างประโยคของเด็กแต่ละคนระยะเวลาขึ้นกับอายุของเด็กด้วยนะคะ เอ๋ว่าถ้าเป็นเด็กโตอาจใช้เวลาน้อยกว่าเด็กเล็กเพราะเข้าใจสิ่งต่างๆได้ง่ายกว่าเด็กเล็ก

สำหรับน้องเรนเริ่มสอน2ขวบครึ่ง ประมาณสามเดือนก็เริ่มสร้างประโยคได้แต่พูดคล่องเลยก็หกเดือนไปแล้วจึงเริ่มเป็นเด็กสองภาษาเต็มตัวคือ สามารถแยกโหมดได้(ถามไทยตอบไทย ถามอังกฤษตอบอังกฤษ)แต่ยังไม่คล่องเพราะคลังศัพท์ยังไม่เยอะ ปัจจุบันผ่านมา2ปีกว่าเรนสื่อสารภาษาอังกฤษได้สมบูรณ์ในเรื่องที่รู้ แต่ยังต้องเรียนรู้และเพิ่มพูนคลังศัพท์อีกมากตามวัยของเค้า (คุณบิ๊กบอกในหนังสือไว้ว่าต้องพยุงการพูดถึง10ขวบนะคะ) เรนสามารถคุยกับครูได้อย่างธรรมชาติไม่เค่อเขิน(แค่นี้แม่ก็ดีใจละ)

สำหรับน้องเคนตะ เริ่มสอนอายุ1ขวบครึ่ง ประมาณ1เดือนสามารถจำคำศัพท์ได้26คำจากa-z (a -apple /z-zebra)จำได้อย่างแม่นยำ
ตอบได้หมด เอ๋สอดแทรกสอนphonicไปพร้อมกันด้วยทำให้เมื่อเคนตะแค่ฟังเสียงจะสามารถบอกคำศัพท์จากการฟัังเสียงได้ทันที(สมองเด็กน่าทึ่งจริงๆค่ะ) และจำคำศัพท์ได้มากกว่า50คำ ทำตามคำสั่งได้ในระยะเวลา6เดือน ตอนนี้เคนตะอายุ2ขวบครึ่ง ผ่านมา1ปี เค้าสามารถเริ่มคุยกับเราได้ตามวัยเช่น mommy where are you? หาของไม่เจอก็จะพูดwhere? , drink water ,poopoo, ชอบร้องเพลงมากๆ

ที่เล่ามาซะยาวจริงๆ แม่เอ๋อยากบอกสำหรับครอบครัวที่กำลังเริ่มต้นทำ แล้วสับสนว่าจะทำยังไงดี เบื้องต้นตั้งสติก่อน อ่านหนังสือคุณบิ๊กหลายๆรอบ เพราะแต่ละรอบให้ความรู้ แง่คิดไม่เหมือนเดิม บางครั้งรอบเดียวตีไม่แตกค่ะ สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องคือความอึดค่ะ อดทนได้แค่ไหน ???
อดทนต่อเสียงคนรอบข้างที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ
อดทนต่อเสียงติเตียนเรื่องไม่เก่งแล้วจะสอนให้ลูกเก่งได้อย่างไร(พิสูจน์แล้วด้วยหลายๆครอบครัวพ่อแม่เก่งภาษาเพราะการสอนลูก เข้ากับสุภาษิต ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว)
อดทนต่อตัวเอง พยายามๆๆๆๆท่องไว้there is no limit what you can do if you try.(ทุกอย่างเรียนรู้กันได้)
อดทนต่อการรอคอย คือลูกของเราเป็นเด็กสองภาษา ไม่ใช่ภาษาสองชั้นอย่างที่คุณบิ๊กบอก เด็กแต่ละคนเรียนรู้เร็วช้า แตกต่างกัน อย่าเปรียบเทียบหรือกดดันเด็ก หากเราเดินตามเส้นทางที่ถูกต้อง(ตามที่คุณบิ๊กได้กล่าวไว้ในหนังสือทั้งหมดแล้ว)จริงๆ รออย่างใจเย็น ทำทุกอย่างให้สม่ำเสมอ เดี๋ยวทุกอย่างจะค่อยๆมาเองตามพัฒนาการของลูก

หากคุณอึดพอที่ทนสิ่งต่างๆเหล่านี้ สักวันสิ่งที่คุณรอคอยก็จะมาหาคุณแบบไม่ทันตั้งตัว

แม่เอ๋อยากขอบคุณคุณบิ๊ก พี่ตุ๊กตา หมอภา น้องเจ้าขา คุณปาซ คุณเล็ก คุณครูแพท และคุณครูทุกคนในห้องengรวมถึงเพื่อนๆคนอื่นๆทุกคนที่คอยช่วยเหลือให้กำลังใจ ให้ความรู้และคำแนะนำดีดี มาตลอดจนถึงวันนี้ ทำให้ครอบครัวแม่เอ๋ได้มีเด็กสองภาษาถึงสองคน ตัวแม่เอ๋เองก็สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับคนไข้ได้ดีกว่าแต่ก่อนมาก ไม่เขินเหมือนเมื่อก่อน
หวังว่าคนที่ได้อ่านกระทู้นี้จะพยายามสู้ต่อไปนะคะ หนทางยังอีกยาวไกล กว่าลูกจะถึง10ขวบ เดินต่อไปด้วยกันไม่เหงานะคะ หากใครมีปัญหาอะไรเรื่องการสอนลูกก็โพสต์มาคุยกันได้นะคะทุกคน^_^

Views: 4958

Replies to This Discussion

มาขอเรียนรู้ และขอเกาะไปด้วยนะคะ อิอิ
น้องเอ๋เขียนมาได้ชัดเจนเห็นภาพมาก ถ้าคุณอึดพออะ ใช่เลย^^
คนที่เคยผ่านมาแล้วก็เห็นอดีตได้ชัด คนที่ยังไม่ผ่านก็เป็นแนวทางและกำลังใจที่ดีมากๆ
ขอนำกระทู้ไปแบ่งปันในห้องพิษณุโลกนะคะ^^
ขอบคุณค่ะพี่เนติ์ เอ๋คิดว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาเอ๋ผ่านทุกอย่างมาได้เพราะความอึดของเราค่ะ จึงทำให้มีทุกอย่างเหมือนตอนนี้ ตั้งแต่สมัยเรียนยันมีครอบครัวถึงมีลูก(เลี้ยงเองค่ะ ใครผ่านมาคลินิกเอ๋ก็จะเห็นความวุ่นวายของเด็กสองคนในคลินิก เกิดคำถามในใจใช่คลินิกไหมเนี่ย )
เอ๋คิดว่าคำว่าความอึดเท่านั้นอ่านแล้วเห็นภาพเลย
สู้ชีวิตกันจริงเนอะแม่ๆเนี่ย ทางข้างหน้าอีกไกลมาเป็นกำลังใจให้กันจ้า
ถ้าได้ไปกรุงเทพจะแวะไปส่องดูนะคะว่าใช่คลินิกไหม^^

ขอบคุณกับการแชร์ประสบการณ์ดีๆ  มีประโยชน์มาก  คงต้องอึด  ถึก  สู้   เพราะสิ่งนี้คือทำเพื่อคนที่เรารักมากที่สุด  ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ไม่รู้คุณแม่เอ๋จำได้หรือเปล่า แม่กิ๊บ พ่อไก่ และน้องกันต์ สมาชิกห้องรังสิตนะคะ เจอกันล่าสุดที่กองบินฯ ค่ะ ไปร่วมกิจกรรมมาเกือบทุกครั้ง และตามรอยคุณแม่เอ๋มาติดๆ เลยค่ะ เริ่มสอนลูกตอน 1 ขวบครึ่งเหมือนกัน ตอนนี้น้องกันต์ 2.2 ขวบแล้ว เริ่มแยกโหมดได้แล้ว พูดกับคุณแม่เป็นภาษาอังกฤษ 100% สามารถบอกในสิ่งที่ตัวเองต้งการได้ เช่น eat, walk, run, jump, open the door please เวลาเค้าอยากได้อะไรก็จะ please please  เริ่มพูดเป็นประโยคได้บ้าง แต่เรื่องวิชาการ เช่น ABC, 123 , หนังสือนิทาน ก็จะแค่เปิดๆ ดู แต่ยังไม่ให้คุณแม่เล่าให้ฟัง  ได้เห็นน้องเรนนั่งฟังคุณโทปาซเล่านิทาน แล้วก็อยากให้ลูกเป็นแบบนั้นบ้าง คุณเอ๋ ช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ยคะว่าทำอย่างไรลูกถึงสนใจนิทาน หรือว่ายังไม่ถึงวัยที่เค้าจะสนใจคะ

เรื่องการพัฒนาภาษาอังกฤษตัวคุณแม่กิ๊บเองยังรู้สึกว่ายังพยายามไม่มากพอ (ยังทำได้ไม่เท่าคุณแม่เอ๋เลยค่ะ) คือตัวเองทำงานประจำ กว่าจะกลับถึงบ้านก็เย็นๆ ได้เล่น ได้คุยกับลูกก็ไม่กี่ ชม. แต่ก็พยายามให้เป็นเวลาคุณภาพที่สุด

 

ครอบครัวของเราขอขอบคุณคุณแม่เอ๋ ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดมิตติ้งกลุ่มรังสิต ดีใจที่สังคมไทยมีคนดีๆ แบบคุณแม่เอ๋นะคะ

จำได้ค่ะ แม่กิ๊บ พ่อไก่ และน้องกันต์ น้องกำลังน่ารักเลย
เรื่องนิทานเอ๋ว่าแล้วแต่เด็กแต่ละคนนะคะ แต่ต้องเริ่มปลูกฝังให้รักการอ่านตั้งแต่เด็กๆค่ะ เรนกับเคนตะก็ไม่ค่อยชอบฟังนิทานเท่าไหร่คือไม่ได้ชอบมากเท่าน้องไข่มุกค่ะ ดังนั้นถ้าอยากให้เค้าสนใจนิทาน เอ๋พอแนะนำได้คร่าวๆว่าควรจะต้องเริ่มดังนี้
1.หานิทานที่ภาพสวยๆ ตัวหนังสือน้อยๆ
2.เล่าแบบใส่feelingลงไปด้วยค่ะ มีเสียงประกอบสร้างบรรยากาศ
3.เล่านิทาน แบบคิดเอง ไม่ต้องอ่านก็ได้
สิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงความสนใจเด็กเล็กได้ดีนะคะ
4.ให้ลูกเป็นคนเลือกนิทานเอง
ลองดูนะคะ ถ้าน้องไม่สนใจก็ค่อยๆใช้เวลาน้อยๆก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มความยาวขึ้นค่ะ เด็กวัยนี้ต้องหลอกล่อเค้าค่ะ
สิ่งที่เอ๋แนะนำก็คิดเอาจากประสบการณ์เลี้ยงเรน และเคนตะนะคะ ใครมีไอเดียดีๆเข้ามาแบ่งปันกันนะคะ แม่กิ๊บลองคุยกับคุณปาซดูน่าจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนและอาจดีกว่านี้นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ตามกระทู้มาจากห้องพิษณุโลกครับขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ ไปหลายอย่างต้องไปหา talkingdic ดีๆสักเครื่องแล้ว

ยินดีค่ะคุณกฤติพงศ์ ที่กระทู้นี้พอมีอะไรมีสามารถช่วยครอบครัวอื่นๆได้บ้างค่ะ ย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อนเอ๋ก็ไม่รู้อะไรเลยเหมือนกันค่ะต้องขอบคุณผู้ใหญ่บิ๊กและพี่ตุ๊กตาที่สร้างสังคมนี้ขึ้นมาให้พวกเราได้รู้จักก้นค่ะ

ขอบคุณคุณเอ๋ สำหรับคำแนะนำดีๆ นะคะ จะลองนำไปใช้กับลูกดูค่ะ

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ รอมีตติ้ง ค่ะ ไม่เคยไปเลยค่ะ 

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service