เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

จะถามว่าเมื่อไหร่เราต้องมี และ ไม่ต้องมี Article ครับ

เช่น Give me a pan หรือ I go to see

ขอบคุณครับ

ขออีกข้อครับ  an อ่านออกเสียงว่าอะไรครับ

Views: 3536

Replies to This Discussion

อืม.....ป๊อปเข้าใจคุณ ขวัญชัยละ คุณขวัญชัย ยังจัดระบบของข้อมูลไม่ถูกต้อง

อีกอย่างป๊อปก็ไม่รู้ว่าคุณขวัญชัยสงสัยตรงไหน มันกว้างมากนี่นา ถามตรงตรงซีคะ จะได้ตอบถูก
เหมือนที่ถามคุณป้าจิ๊บ สงสัยอะไรก็ถามตรงเป้าไปเลย ถามงงงงคนตอบก็งงงง


ก็ประมาณนั้นแหละครับ ไม่รู้ว่าส่วนใหญ่เรียกว่าอะไร อาจเจอในหนังสือประมาณไหนก็เขียนไปประมาณนั้น

เลยไม่ตรงจุดสักที ยังไงก็ขออภัยที่ทำให้งง

ขอแชร์ด้วยคนนะค่ะ

เริ่มต้นด้วยการใช้ a/an/the นะค่ะ

ว่าไปแล้ว a/an/the ก็คล้ายๆ กับ adjective นะค่ะ คือ เป็นส่วนเพิ่มเติ่ม หรือ ขยายคำนาม  วางใว้หน้าคำนาม

a/an ใช้กับคำนามที่ไม่เจาะจง (refer to a non-specific or non-particular member of the group, or any member of a group)
ตัวอย่างเช่น
(1) My girlfriend wants a dog. ตรงนี้กล่าวถึง สุนัขตัวไหน พันธุ์ไหนก็ได้ ตอนที่พูดก็ยังไม่รู้ว่า จะเป็นสุนัขตัวไหน
(2) Somebody calls a policeman!  บอกให้โทรหาตำรวจ หรือ เรียกตำรวจ แต่ไม่ได้เจาะจงลงไปว่า ตำรวจคนไหน ที่สถานีไหน
(3) When I was at the zoo, I saw an elephant. เล่าเรื่องให้ฟัง ว่าเห็นช้างที่สวนสัตว์ ซึ่งอาจจะมีช้างหลายตัว แต่ตอนนี้กำลังพูดถึงแค่ตัวเดียว

เอ๊า.. แล้วจะรู้ได้งัยว่า เมื่อไรจะใช้ a หรือ an

ง่ายๆ เลยค่ะ ทั้ง a กับ an ใช้คำนามเอกพจน์นับได้เท่านั้น และถ้าคำนามตัวนั้นมีเสียงขึ้นต้นด้วยเสียง อ อ่าง ก็ใช้ an (ไม่ใช่แค่ว่า คำนามขึ้นตั้นด้วยสระนะค่ะ)

 a boy; a car; a bike; a zoo; a dog; a user, a university; a broken egg; a European country
an elephant; an egg; an apple;  an hour; an unusual problem


The ใช้เมื่อเราเอ่ยถึงคำนามที่เจาะจง ใช้นำหน้าคำนามเอกพจน์ หรือ พหูพจน์ ก็ได้ค่ะ The ใช้กับนามนับไม่ได้ ก็ได้ค่ะ

ตัวอย่างค่ะ

(1) The
 dog that bit me ran away. เจาะจงลงไปว่า เป็นสุนัขตัวที่กัดเรา
(2) I was happy to see the policeman who saved my cat! เจาะจงลงไปว่า เป็นตำรวจที่ช่วยแมวของเรา
(3) I saw the elephant at the zoo. เจาะจงลงไปว่า ช้างตัวนั้นที่สวนสัตว์ และเป็นไปได้ว่า ที่สวนสัตว์นั้นมีช้างอยู่ตัวเดียว


ข้อยกเว้นการใช้ the ค่ะ

ห้ามใช้ the นำหน้า
(1) ชื่อประเทศ ยกเว้น  the Netherlands,the Dominican Republic, the Philippines, the United States
(2) ชื่อเมือง รัฐ หรือ จังหวัด Seoul, Manitoba, Miami, Bangkok, Chaiyaphum
(3) ชื่อถนน Washington Blvd., Main St., Phaholyothin Road
(4) ชื่อทะเลสาบ หรือ อ่าว (lakes or bays)  ยกเว้น เมื่อกล่าวถึง กลุ่มของทะเลสาบ ตัวอย่างเช่น ทะเลสาบทางตอนเหนือของอเมริกา The Great Lakes
(4) ชื่อภูเขา อย่าง Mount Everest, Mount Fuji ยกเว้นเมื่อกล่าวถึงเทือกเขา อย่างเช่น the Andes,  the Rockies, The Dong Phaya Yen Mountains และภูเขาชื่อแปลกๆ the Matterhorn
(5) ชื่อทวีป Asia, Europe
(6) ชื่อเกาะ Easter Island, Maui, Key West ยกเว้นหมู่เกา อย่างเช่น the Canary Islands

ใช้ the นำหน้าคำนามเฉพาะต่อไปนี้ได้ค่ะ

(1) ชื่อของแม่น้ำ, ทะเล, มหาสมุทร - the Chao Praya, the Nile, the Pacific.

(2) ชื่อตำแหน่งตามที่เห็นบนลูกโลก - the Equator, the North Pole
(3) ตำแหน่งตามภูมิศาสตร์ - the Middle East, the West, the East

(4) ชื่่อทะเลทราย, ป่า, อ่าว (gulf), คาบสมุทร - the Sahara, the Persian Gulf, the Black Forest, the Iberian Peninsula, the Gulf of Thailand


และคำนามเฉพาะต่อไปนี้ ไม่ต้องใช้ a/an/the ทั้งสิ้น
(1) ชื่อภาษา และ เชื้อชาติ - Chinese, Thai, Russian, Japanese
(2) ชื่อกีฬา - volleyball, basketball, soccer (football)
(3) ชื่อวิชา - mathematics, biology, history, computer science



เฮ้อ... เหนื่อยเลย... ลอกมาหมดยังเนียะ ^__^

 

ขอบคุณครับคุณจิ๊บ

ตัวอย่างประโยคนี้ พอจะอธิบายเกี่ยวกับ Determiner ได้อย่างไรครับ

A dog is an animal.สุนัขเป็นสัตว์

Dogs are animals.สุนัขเป็นสัตว์

Fruit is good for everybody.ผลไม้มีประโยชน์กับทุกคน

ตัวอย่างประโยค ลอกมาจากหนังสือเรียน ป. ตรี

ทำไม Fruit ถึงไม่มีคำนำหน้านาม ทั้งๆที่เป็นเอกพจน์ ... ตรงนี้แหละไม่เข้าใจ

ขออธิบายตามที่จิ๊บเข้าใจนะค่ะ

A dog is an animal. จากประโยคนี้ A dog คือ สุนัขหนึ่งตัว ตัวไหนก็ได้ พันธุ์ไหนก็ได้

Dogs are animals. จากประโยคนี้ Dogs คือ สนุัขหลายตัว

                                 # จะใช้ a ก็ไม่ได้เพราะ a จะใช้กับคำนามเอกพจน์เท่านั้น

                                 # จะใช้ the ก็ไม่เข้าท่า เพราะ the ใช้กับคำนามที่เจาะจง แต่ Dogs ไม่ได้เจาะจงว่า พันธุ์ไหน ตัวไหน ก็เลยใช้ the ไม่ได้
                                 # จะใช้ determiner - all ก็ได้ แต่ถึงจะไม่ใช้ all คนอ่าน คนฟัง ก็รู้แล้วว่า Dogs เนียะ คือ สุนัขทั้งหลายทีมีอยู่บนโลกใบนี้ ก็เลยไม่จำเป็นที่จะต้องมี determiner 

Fruit is good for everybody. # fruit เป็นได้ทั้ง นามที่นับได้  และ นามที่นับไม่ได้ 
                                                # fruit จะใช้เป็น นามที่นับได้ เมื่อมีการเฉพาะเจาะจงลงไปว่า เป็นผลไม้อะไร
                                                   อย่างเช่น I love Thai fruits, especially longans, mangosteens and rambutans. 
                                                                   My favorite Thai fruit is mangosteen.

 จะเห็นว่า Thai fruits ไม่ใช้ determiner เพราะ Thai เป็นนามบ่งบอกถึงสัญชาติ ไม่ต้องมี articles นำหน้า
                                               
                                                 # fruit เมื่อใช้เป็น นามที่นับไม่ได้ จะหมายถึง ผลไม้ทั่วๆ ไป กล่าวรวมๆ ไม่เจาะจงลงไปว่า ผลไม้อะไร พันธุ์ไหน ซึ่งจิ๊บคิดว่า คือ fruit ที่ใช้ในประโยคนี้

เมื่อเป็น นามนับไม่ได้ ก็จะใช้ a ไม่ได้ ก็เหลือ the

ซึ่งการใช้ the กับ นามที่นับไม่ได้ เราจะใช้ หรือ ไม่ใช้ ก็ได้ อย่างเช่น
He spilled the milk all over the floor.  กับ He spilled milk all over the floor.

ถ้าใช้ the กับนามนับไม่ได้ ก็แค่เน้นว่า เป็นสิ่งนั้น อย่างในประโยค He spilled the milk all over the floor. อาจจะพูดถึง นมที่เพิ่งซื้อมา 

ดังนั้นในประโยค Fruit is good for everybody. - fruit เป็น นามที่นับไม่ได้ แล้วก็ไม่ได้เจาะจงด้วยว่า ต้องเป็นผลไม้ที่ซื้อมาจากสวนป้าจิ๊บเท่านั้น ^__^  เป็นผลไม้อะไร พันธุ์ไหน จากมุมไหนของโลกก็ได้ So, fruit is good for everybody.


สงสัยตรงไหนก็ถามได้นะค่ะ ขึ้นต้นกระทู้ใหม่ก็ได้นะค่ะ เจ้าของกระทู้เขาจะไม่ได้ตกใจว่า ทำไม กระทู้ฉันมีคนมาตอบเยอะจัง 

ถ้าสอนแกรมม่าคุณขวัญชัย ได้ทุกอย่าง จิ๊บจะเขียนหนังสือขายแหละเนียะ... ^___^ 

สงสัยตรงไหนก็ถามได้นะค่ะ ขึ้นต้นกระทู้ใหม่ก็ได้นะค่ะ เจ้าของกระทู้เขาจะไม่ได้ตกใจว่า ทำไม กระทู้ฉันมีคนมาตอบเยอะจัง

ถ้าสอนแกรมม่าคุณขวัญชัย ได้ทุกอย่าง จิ๊บจะเขียนหนังสือขายแหละเนียะ... ^___^

ตกลงชมหรือด่าเนี่ย...ฟังแล้วรู้สึกทะแม่งๆ......

ขอแก้ตัวนิดนึง..........

ผมมาเห็นเรื่อง article ผมก็เข้ามาอ่าน ถ้าตอบได้ผมก็ช่วยตอบ แต่คุณ จขกท. ถามแค่ article

ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Determiners ผมเลยถือโอกาสถามเรื่องที่สงสัยมานาน เพราะหนังสือเรียนเขาอธิบายแล้วรู้สึกมันขัดกันเอง

คือผมสงสัยแค่กรณีที่ไม่ใส่ Determiner เท่านั้น แต่ท่านอื่นตอบไปทางว่า Determiner มีกี่ตัวอะไรบ้างอะไรประมาณเนี่ย ซึ่งอันนี้ผมไม่ได้สงสัยอะไร พูดง่ายๆ คำถามผมอาจจะสั้นไปจนทำให้ คนตอบไม่เข้าใจว่าผมสงสัยอะไร(อันนี้ต้องขออภัย) ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ผมฟังทั้งหมดหรอก เพียงแต่จี้ให้ถูกจุดก็พอครับ

ซึ่งผมไม่เข้าใจเรื่องที่จะถามอยู่แล้ว เลยอาจจะบอกจุดให้จี้ไม่ชัดเจนเท่าไร(อันนี้ต้องขออภัยเช่นกัน)

 

ส่วนทำไม ไม่ตั้งกระทู้ขึ้นมาถามเอง ผมเห็นว่า คุณจขกท. ถามแค่ article ไม่เพียงพอสำหรับคำนำหน้า ถ้ารู้ determiners ไปเลยน่าจะดีกว่า และถ้าผมตั้งกระทู้ถามเรื่อง determiners สุดท้ายผมก็วนมาถามเรื่อง aritcle อยู่ดีเพราะรู้สึกว่า การไม่ใส่ determiners เพราะคำนามชนิดนั้นระบุไม่เฉพาะเจาะจง และไม่ได้เป็นเอกพจน์ ซึ่งก็ไปเกี่ยวข้องกับ article a(an) ที่มีไว้สำหรับ ไม่ระบุเฉพาะเจาะจง และเป็นเอกพจน์

 

ส่วนทำไม ไม่ตั้งถามว่า การใส่ไม่ใส่ article เพราะ ผมกลัวบอกไม่ใส่ article จะพาไปหมายถึง ไม่ใส่ artice แต่ใส่ determiners ตัวอื่นแทน

-------------------------------

ขอแก้ตัวก็ประมาณเนี่ยนะครับ

หวังว่า ที่จิ๊บตอบไป คงพอช่วยคลายความข้องใจได้มั้ง

เรื่อง การใช้ determiners จิ๊บว่า ส่วนมากแล้วคนไทยจะไม่ค่อยมีปัญหากับการใช้ determiners ตัวอื่นๆ เพราะในภาษาไทยเราก็ใช้ จะมีปัญหาเยอะ ก็แต่การใช้ a/an/the เพราะภาษาไทยเราไม่มี 


ครับ........คิดว่าเข้าใจ ในส่วนที่หนังสือเขียนไม่รู้เรื่องแล้ว

ยังไงก็ ขอบคุณมากครับ

ด้วยความเต็มใจค่ะ จิ๊บแน่ใจว่า ผู้ใหญ่บิ๊ก ทำเวปตรงนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยพวกเราทุกคนได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยเหลือกันในครอบครัวสองภาษา

ลืมบอกที่จิ๊บพูดว่า เขียนหนังสือขาย ไม่ได้ว่าคุณขวัญชัยนะค่ะ

จิ๊บหมายถึง หนังสือเรียนที่คุณขวัญชัยอ่านแล้วไม่เข้าใจ แต่จิ๊บอธิบายแล้วคุณขวัญชัยเข้าใจ จิ๊บน่าจะไปเขียนหนังสือขาย

ครับ...ผมคงเข้าใจอะไรผิดไป...บางทีการใช้ภาษามันก็กำกวม อาจตีความได้หลายแบบ

แนะนำว่าควรหาหนังสือแกรมม่าพื้นฐานมาศึกษาร่วมไปด้วยค่ะ

และที่สำคัญ ขอที่เขียนโดยเจ้าของภาษา เพราะคนไทยเขียนแล้ว งง งงมาก

แนะนำหนังสือชื่อ Grammar in Use เล่มนี้ดีมากนะคะ

อย่างน้อยก็เป็นการฝึกฝนด้วยตัวเองไปในเรื่องพื้นฐานคร่าวๆค่ะ

มาแชร์ค่ะ เผื่อจะช่วยให้รู้เรื่องมากขึ้น เอาแบบสั้นสุดๆ

determiner คือ คำนำหน้าคำนาม มีหน้าที่ทำให้คำนามชัดเจนขึ้น

determiner มีหลายประเภท ซึ่งมีคุณป๊อปและป้าจิ๊บแจงไปละเอียดแล้ว

article คือ ส่วนหนึ่งของ determiner

article มี a / an / the

a / an ไว้นำหน้าคำนามที่ไม่เน้น และ/หรือมีจำนวนแค่ 1

this is an apple แปลว่า นี่คือแอปเปิ้ล 1 ลูก (มี 1ลูก)

this is an apple แปลว่า นี่คือแอปเปิ้ลลูกนึง (แอปเปิ้ลธรรมดาๆ)

the ไว้นำหน้าคำนามที่ต้องการเน้นเจาะจง พิเศษ หรือมีหนึ่งเดียวในโลก กฏข้อยกเว้น copy ป้าจิ๊บเลยค่ะ

this is the apple that i talked about นี่คือแอปเปิ้ลที่เคยพูดถึง

* บางคำอะไรที่เป็น general ไม่เน้นเจาะจง หรือพิเศษ เราไม่สามารถใช้ a/an/the ได้ ซึ่งเราจะไม่ใส่อะไรนำหน้าเลย เช่น

Earth is where we live. เพราะโลกมีหนึ่งเดียว ไม่มีโลกอื่นไหนให้เราต้องเน้น ให้เห็นความแตกต่าง ยกเว้นเวลาพูดถึงลูกโลกอันที่  1 อันที่ 2

Love is everywhere. เพราะ Love เป็น abstract นับไม่ได้ และเน้นไม่ได้ ใช้ article ไม่ได้ (จำง่ายๆ ตรงนี้ แบบคร่าวๆ นะคะ) แต่สามารถใช้ determiner อันอื่นได้ค่ะ

This love is not mine. Your love is his to earn.

ด้วยเหตุนี้ this is an apple ถึงสามารถใช้ว่า this is apple ได้ค่ะ

หวังว่าจะช่วยย้ำความเข้าใจได้ค่า

 

 

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service