ข้าวสวยกะข้าวจ้าว's Comments

ต้องบอกว่า ยินดีมากกว่าที่มาเจอกันที่เว็บนี้จ้ะ

โอ้โห .. มีคำถามมาถามในเว็บบ่อยเหมือนกันนะเนี่ย กันเนี่ยไม่ค่อยได้ถามเลย เพราะไม่ได้ใช้ระบบ OPOL ล่ะ แต่จะใช้ภาษาอังกฤษเวลาที่น้องเจเผลอ เค้าจะยอมตอบ

เมื่อเช้านี้น้องเจถามกันว่ามะม๊าครับเสื้อผ้านี้ซักเสร็จแล้วใช่ป่าวครับ กันบอกน้องเจว่า in English, please. รู้ป่าวน้องเจบอกว่าอะไร ขำมาก แต่แค่ยิ้มให้น้องเจ น้องเจบอกว่า What are they ready? กันก็เอ๊ .. ฟังแล้วแปลก ๆ ก็เลยถามว่าแปลว่าอะไร น้องเจสะดุดกึกนิดนึง เหมือนไม่มั่นใจในสิ่งที่พูด กันเลยบอกน้องเจไปว่าพอดีมะม๊าฟังไม่ทัน ก็เลยให้น้องเจแปล น้องเจค่อยยิ้มแล้วแปลให้มะม๊าฟัง กันบอกน้องเจว่า all clothes here have already washed. น้องเจก็เลยตอบด้วยความมั่นใจว่า in washing machine. กันก็รับมุขทันทีเลยนะ ... yesss ... ;)

รู้สึกว่าถ้าอย่างงั้น กันคงจะเป็นรุ่นพี่ ประมาณ 3 - 4 ปีค่ะ (พูดแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองแก่ยังงัยไม่รู้แฮะ ... ) หุหุ

ยังไม่ทราบรายละเอียดเลยค่ะ วันที่เท่าไรคะ
ไม่ค่อยได้เข้าเวปนี้เท่าไหร่ค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่านนิดๆหน่อยๆเท่านั้น

ตันหยงเรียนสุอารีค่ะ อยู่ อ.1

จบปีไหนเนี่ยยยยย .. กันก็จบที่นั่น ม.3 นะ

น้องเจไปเรียนที่ร่มไม้ตอน 2 ขวบ 8 เดือนค่ะ ขาดไปแค่ 2 เดือนเอง ครูเต่าไม่ยอมให้ขึ้น อ.1 เพราะครูกลัวเรื่องการปรับตัว การช่วยเหลือตัวเอง และความรู้พื้นฐาน แต่พอเรียนไปครึ่งเทอมแรก ครูสุบอกว่าคุยกะครูใหญ่ดีมั๊ยให้น้องเจพาสชั้นไปเรียน อ.1 แต่กันเห็นว่าไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ก็เรียนน้องเตรียมไปแหละ ปูพื้นไปเรื่อย ๆ ... ครูเต่า (ครูใหญ่) เคยบอกตอนน้องเจไปสมัครเรียนว่าถ้าอยากให้พาสชั้นไป อ.2 เลย ให้กันคุยกะครูประจำชั้น ครูเค้าจะจัดสอบให้ ซึ่งก็มีพ่อแม่หลายคนก็ให้ลูกพาส แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือส่วนใหญ่พอพาสแล้ว จะขอครูย้ายกลับมาเรียน อ.1 เพราะว่าวัย อายุน้อยกว่าพี่ ๆ ในห้อง และหลักสูตร bilingual ภาษาอังกฤษจะเยอะ ซึ่งจะหนักมากเกินไปสำหรับเด็ก ครูเคยเตือนเหมือนกันว่าคิดให้ดีก่อน เพราะว่าไม่ใช่ลูกเราทำไม่ได้ แต่วัยเค้ายังไม่พร้อมอะไรทำนองนี้อะค่ะ

ถ้าบอกไปว่า ... บ้านกันที่แถวเมืองใหม่ คือ "ร้านอาหารเจ เจ๊-เตียง" .... ร้อง อ๋อ .... ป่าวค๊า ;) แต่กันจะอยู่ที่ร้านสุกี้เจน่ะค่ะ

กันคนกรุงเทพฯ จ้า ... จบจากโรงเรียนแถวคลองเตยยยย !!!! จบจาก พห. ค่ะ สำหรับน้องเจกำลังมองอยู่ 2 ทางคือเรียนที่กรุงเทพฯ กะ เรียนที่ชลบุรี ตัวเองจบที่กรุงเทพฯ เลยคิดว่าที่กรุงเทพฯ น่าจะมีอะไรที่พร้อมกว่า แต่อากงเคยบอกว่าเด็กต่างจังหวัดเก่งกว่าเด็กกรุงเทพฯ เยอะแยะ ก็เลยยังชั่งใจอยู่ว่าจะยังงัย เพราะบ้านกันอยู่แถวรังสิต (คือบ้านที่อยู่หลังแต่งงานอะค่ะ) แต่ รร. แถวรังสิตยังไม่เข้าตาเท่าไหร่ แต่จริง ๆ แล้วอยู่ที่ชลบุรีก็ดีอย่างนะ เพราะว่าจากบ้านไปเรียนที่ร่มไม้ ใช้เวลาเดินทางนิดเดียว อากาศก็ดีกว่า แต่ตอนนี้เริ่มคนเยอะ อากาศเสียก็ไล่เข้ามาอีกแล้ว ;)

ตอนนี้กันเริ่มเชื่อ ผอ. แล้วว่าสำหรับน้องเตรียมฯ เมื่อจบชั้นน้องเตรียมจะสามารถอ่านหนังสือแบบองค์รวมได้ (ไม่ได้หมายถึงการสะกดเป็นตัวนะ) แต่ว่าโดยรวมจะรู้ว่าคำ ๆ นั้นเรียกว่าอะไร และจะรู้เยอะ เพราะเคยสังเกตน้องเจ น้องเจเคยบอกว่าในคำว่า "ทรงพระเจริญ" มี จอ เอ เจ ด้วย กันก็อ๋อ ... เฮ๊ยยย มีจริง ๆ หรือบางทีพาไปเที่ยวห้าง ก็จะเห็นศัพท์ไหนที่คุ้นตา แต่มีตัวอักษรอื่นปนมา เค้าจะแยกแยะได้ว่าเนี่ยคือคำว่าอะไร เช่น ANTI น้องเจบอกว่า ถ้าไม่มี I คือ ANT หรืออย่างตอนนี้เค้าเห็นคำว่า Alphabet น้องเจจะชี้แล้วบอกกันว่าเนี่ยคำนี้เค้าอ่านว่า Alphabet ....

เห็นเด็ก รร. นี้ไปสอบเข้า อนุบาลชลบุรีเยอะมากเลยค่ะ ร้านหมอข้างบ้านก็ให้ลูกไปเรียนที่นั่น ลูกค้าก็จะฝากลูกไปที่นั่น 3 คน แต่โดยส่วนตัวกันไม่ได้คิดจะให้น้องเจเข้าที่นั่นค่ะ อย่างที่บอกก็มองไว้แค่ เซนต์คาเบรียล กรุงเทพคริสเตียน แล้วก็อัสสัมชัญ แล้วก็อาจจะร่มไม้ แต่ต้องรอดูใกล้ ๆ ก่อน เพราะว่ากันชอบแนวของร่มไม้ค่ะ เพราะน้องเจเรียนรู้จากสิ่งที่ครูสอนและได้เป็นความเข้าใจ แล้วก็ทำให้จำได้โดยไม่ต้องท่อง ...

อยู่เมืองใหม่จ้าาาา ....

คือถ้าเรียนแนวใหม่แบบร่มไม้ เราก็ต้องเข้าใจระบบการสอนแบบใหม่ด้วย แต่ถ้าเรายังคิดว่าแนววิชาการดีกว่า ต้องหิ้วกระเป๋าหนัก ๆ หนังสือเยอะ ๆ แล้ววิชาจะแน่น ก็เลือกแนวเดิมค่ะ ส่วนเรื่องกวดวิชาอะไรเพิ่มเติม ก็คงต้องดูหลังจากที่น้องเจเข้า ป.1 แล้วค่อยพิจารณาอีกที ตอนนี้อยากให้สนุก ๆ ๆ ๆ ไปก่อน เพราะวัยนี้เป็นวัยที่ควรสนุก มีแค่ไม่กี่ปีในช่วงชีวิตที่จะได้ทำอะไรแบบไม่ต้องคิดมาก ใช้ให้เต็มที่ แล้วถึงเวลาต้องเรียน .. ก็คงต้องอธิบายและคุยให้เข้าใจถึงความสำคัญตรงนั้นให้น้องเจฟังด้วย :)

ส่วนหลักสูตรยังไม่แน่ใจว่าจะให้เรียนแบบ EP หรือเป็นหลักสูตรไทย แต่เท่าที่คุยกะพ่อน้องเจ เค้าก็อยากให้เรียนหลักสูตรไทยเพราะพวกเลข วิทย์ อะไรพวกเนี้ยจะแข็ง ถ้าเรียนแบบ EP เลยกลัววิชาหลัก ๆ จะอ่อน โดยส่วนตัว (อีกแล้ว) กันมองว่าอยากให้ลูกเรียนในสิ่งที่เค้าชอบ ส่งเสริมในสิ่งที่เค้าถนัด แต่ก็ต้องคอย ๆ มองอนาคตด้วยว่าสิ่งที่เค้าเลือกเองนั้นจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างมั๊ย หรือเรียนแค่เอามันส์ ถ้าเป็นอย่างหลังก็คงต้องมีการเตือนสติกัน กันไม่อยากยัดเยียดให้เรียนอะไรเยอะแยะ เพราะเชื่ออย่างหนึ่งว่าตัวลูกเองควรจะมีสิทธิ์เลือก แล้วถ้าเค้าเก่ง ก็เป็นความโชคดีที่ติดตัวเค้า ถ้าเค้าไม่เก่ง แต่รู้จักขวนขวายและพยายามเติมเต็มโดยมีเราเป็นที่ปรึกษา ก็คงไม่ยากที่ลูกจะประสบความสำเร็จค่ะ แต่ถ้าลูกหวังว่าจะให้กัน support แบบเต็มร้อย ก็คงไม่ ... ไม่ใช่ concept เลี้ยงลูกของกัน ... เพราะเค้าต้องเรียนรู้ที่จะสู้ อดทน ด้วยตัวเองบ้าง แล้วจะให้ช่วยอะไรก็บอก แต่ถ้าให้ช่วยเลยโดยที่ตัวเองไม่ทดลองอะไรเลย ก็คงไม่ 5555+

กลับมาเรื่องเรียน ป.1 กันต่อค่ะ โดยส่วนตัวกันไม่เคยมอง รร.แนวสาธิตเลย เพราะเคยเจอหลานของลูกน้องแฟนเรียน มานั่งอ่านภาษาอังกฤษกะน้องเจ (ซึ่งตอนนั้นประมาณ 2 ขวบนิด ๆ) โอ้ววว .. สำเนียงไทยแท้แต่โบราณมาก น้องเจยังพูดชัดกว่าอีกค่ะ ที่กันพาน้องเจไปดูมาคือ รร. เซนต์คาเบรียล ดูเหมือนน้องเจจะไม่ชอบบรรยากาศที่นี่ เค้าบ่น ๆ ออกมาค่ะ แล้วก็ไปดูที่อัสสัมชัญ (ชาย) ที่กรุงเทพฯ แล้วก็ว่าจะหาเวลาว่าง ๆ ไปดูที่อัสสัมชัญศรีราชา แล้วก็กรุงเทพคริสเตียนค่ะ

กันสังเกตจากน้องเจว่าอาจจะมีบ้างที่ร้องกรี๊ดเสียงดังหรืออะไรก็ตาม แต่เมื่อเราได้สื่อสารกะครู ครูได้ช่วยเราในการคุยกะลูกเราอีกแรง ครูยืนยันตลอดเวลาว่าน้องเจอยู่ รร. เด็กดีมาก มีอะไรช่วยครูตลอด มีน้ำใจ คนละแบบกะอยู่ที่บ้านตามที่กันแจ้งครูไว้ แต่ครูก็คงมีวิธีเทคนิคของเค้าทำให้น้องเจกลับมาขอโทษทุกครั้งที่ทำผิด ยังไม่เคยได้ยินน้องเจเล่าเลยว่าครูดุ ครูตี หรือครูว่า เคยแต่บอกว่าครูคุยกะน้องเจดี ๆ พอกันเจอหน้าครู ครูจะบอกว่าครูคุยให้แล้ว ครูใช้วิธีกอด แล้วบอกว่าครูรักน้องเจ ปะป๊ามะม๊ารักน้องเจ แล้วก็สอนในสิ่งที่น้องเจเคยไม่น่ารัก ครูอีกคน (ครูสุ) จะเป็นแนวร่วมที่คุยกะกันต่อหน้าน้องเจว่าถ้าวันไหนน้องเจเด็กดี ครูจะได้ดาวเด็กดีกลับไปบ้านด้วย น้องเจก็จะทำตัวเป็นเด็กดี แล้วกลับมาเล่าว่าวันนี้ได้ดาวเด็กดีเพราะเจ่เจ๊ไม่ดื้อ ;)

แต่ที่กันห่วงจริง ๆ ก็น่าจะเป็นวิชาสามัญ อย่างเลข วิทย์ อะไรพวกเนี้ยที่สำคัญตอนมัธยม เพราะน้องเจเป็นเด็กผู้ชายด้วย เลยคิดว่าน่าจะเรียนสายวิทย์มากกว่าสายศิลป์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูความถนัดแล้วค่อย ๆ ปรับกันไปค่ะ ลูกสาวของลูกค้ากันเค้าเรียนที่ร่มไม้รุ่นแรกเลย เห็นพ่อแม่เค้าบอกว่าเรียนที่นี่ครูเอาใจ คุณหนู พอย้ายไปดาราสมุทรเจอครูที่นั่นพูดเสียงดังหน่อย กลายเป็นไม่อยากไปโรงเรียน เรื่องวิชาการไม่มีปัญหานะคะ เค้าก็ตามเพื่อนทันไปตามวัยเค้า โดยส่วนตัวแล้วถ้าหากเป็นพฤติกรรมเด็ก กันว่าก็อยู่ที่เราที่เป็นพ่อเป็นแม่มากกว่าว่าจะอธิบายให้ลูกฟังและเข้าใจได้ยังงัย และในความคิดส่วนตัว (อีก) ว่า ที่ร่มไม้ไม่ได้สอนให้เด็กเปราะบาง แต่สอนให้เด็กอยู่ในสังคมได้ด้วยความมีวินัยจากตัวเอง เรียนรู้กฎกติกาสังคมมากกว่าที่จะมาดุมาตีหรือมาว่าให้เจ็บช้ำน้ำใจ นี่คือจุดดีของร่มไม้

สำหรับน้องเจแล้ว ตอนนี้ยังไม่แพลนเลยนะคะ เพราะว่าอยู่เตรียมอนุบาลเอง แต่ก็มีดู ๆ ไว้หลายโรงเรียน ใจกันก็อยากให้น้องเจเรียนที่ร่มไม้ เท่าที่ได้รับจดหมายแจ้งข่าวสารจากทาง รร. กันว่าเด็กที่นี่ก็เก่งดี (แล้วก็น่าจะได้ภาษาเยอะ เพราะเคยฟัง ผอ. พูดเหมือนกันว่าภาษาอังกฤษนั้นแยกย่อย เป็น พูด อ่าน ฟัง เขียน ไม่รวมอยู่ในชั่วโมงเดียวกัน) ที่สำคัญคือที่นี่ฝึกเด็กให้กล้าแสดงออก เห็นเด็กหลายคนพูดภาษาอังกฤษแล้วดูไม่เขิน ไม่กลัวฝรั่ง) ... อย่างลูกชายครูแคลร์ครูประจำชั้นน้องเจ ก็เรียนที่นี่ ป.4 สำเนียงก็โอเคดี แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะที่บ้านครูเป็นโรงเรียนสอนภาษาด้วยรึป่าวแล้วน้องเค้าก็ช่วยครูสอนด้วย แต่ที่โรงเรียนกันว่าก็ต้องมีส่วนช่วยเพราะว่าเค้าอยู่ รร. มากกว่าบ้าน เลิกเรียนแล้วบางทีก็ยังมาช่วยครูแคลร์ดูแลน้อง ๆ ด้วย

มี 2 คนเนี่ยแหละค่ะที่ดูแล้วว่า ดี คือครูนุชกับครูวินี่แหละค่ะเอาจริง แม่น้องเจคิดว่าจะให้น้องเรียนร่มไม้ถึงชั้นไหนคะตอนนี้กำลังมีปัญหาค่ะคืออยากให้เค้าเรียนที่ร่มไม้เพราะเราชอบระบบการเรียนการสอนเค้าชอบห้องวิทยาศาสตร์เค้าแต่ที่บ้านปู่ย่าเค้าบอกว่าวิชาไม่แข็ง แต่เราว่าก็โอเคนะเราไม่อยากไปเร่งเค้ามากไปน่ะคะ ที่บ้านเค้าบอกให้ย้ายไป สาธิตเกษตร อมตะนคร แต่ไม่รู้ว่าจะดีมั้ยคุณแม่น้องเจพอจะมีข้อมูลมั้ยคะ