Reading Magic

[Clamp ka]

สวัสดีค่ะ ชาวสองภาษาทุกท่านๆ นานๆจะมาเขียนบล็อกสักที รู้สึกเขินๆ
ไม่รู้จะเริ่มยังไง เอาเป็นว่า มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ

ตอนที่ได้ไปเยือนเมืองบริสเบรนที่ออสเตรเลียเมื่อเดือนก่อน มีโอกาสไปแวะร้านหนังสือมา
แหม ก็ไปถึงที่โน่นเที่ยง กว่าจะถึงโรงแรมก็บ่ายสอง ก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัว
เดินเป็นผีดิบอดนอนออกไปหาข้าวปลาอาหาร ก่อนจะอดตายเพราะร้านที่โน่นปิดห้าโมงเท่าออฟฟิค
(ออกจากกรุงเทพเที่ยงคืน ไปถึงโน่นเที่ยงวัน เริ่ดสุดๆ ได้นอนหนึ่งคืน
เดี๋ยวแปดเก้าโมงเช้าก็ต้องตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว เตรียมเดินกลับกรุงเทพอีก--อุ๊ย นอกเรื่อง)
โชคดีที่วันนั้นร้านหนังสือปิดหกโมงเย็นค่ะ เลยมีโอกาสแวะเข้าไปดู

คว้าหนังสือมาได้หนึ่งเล่มชื่อ Reading Magic: how your child can learn to read before school - and other read-alound miracles. เขียนโดย Mem Fox ค่ะ

หนังสือเล่มนี้ ส่งเสริมการอ่านหนังสือให้ลูกๆและเด็กๆฟังค่ะ
คุณ Fox บอกว่า การอ่านหนังสือให้เด็กฟัง จะทำให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านภาษาเร็ว รวมทั้งสามารถอ่านได้เร็วด้วยค่ะ
เนื่องจากการอ่าน ทำให้เด็กๆได้รู้จักคำและวิธีออกเสียง จากการที่ได้ฟังค่ะ

คุณ Fox ว่าการอ่าน ทำให้เด็กมีสมาธิจดจ่อได้มากขึ้นค่ะ
ยิ่งเริ่มอ่านให้เด็กฟังเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เริ่มตั้งแต่เกิด หรือตั้งแต่อยู่ในท้องเลยก็ได้
ถ้าอ่านให้ลูกฟังตั้งแต่เล็กๆ เด็กจะมีสมาธิจดจ่อได้ดีค่ะ
แต่ถ้าอ่านตอนลูกเริ่มโตหน่อย แรกๆลูกก็จะไม่ค่อยมีสมาธิกับหนังสือที่อ่าน
แต่พอนานเข้า เด็กจะเริ่มมีสมาธิมากขึ้นค่ะ

คุณ Fox ว่า ยิ่งอ่านมากยิ่งดี โดยที่ปีหนึ่งเด็กๆควรจะได้รับการอ่านหนังสือให้ฟังประมาณ 1000 ครั้งค่ะ
เธอบอกว่า อ่านวันละสามครั้ง ปีหนึ่งก็เกินพันครั้งแล้วค่ะ
แล้วก็ สามเรื่องเนี่ย อาจจะเป็นเรื่องเดียวกันหรือคนละเรื่องก็ได้
โดยเธอแนะนำว่า ถ้าจะอ่านคนละเรื่อง ก็แนะนำว่า
ให้มีเรื่องที่ลูกชอบหนึ่งเรื่อง เรื่องที่คุ้นหนึ่งเรื่อง แล้วก็เรื่องใหม่หนึ่งเรื่องค่ะ

อ่านอะไรน่ะเหรอคะ.............อะไรก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสือเด็กค่ะ
อ่านให้ลูกฟัง ใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนไปเรื่อย จนลูกโตพอจะนั่งมองหนังสือได้ก็ค่อยเปลี่ยนเป็นหนังสือเด็กได้ค่ะ
หนังสือที่เป็นกลอน เป็นจังหวะจะโคนก็ทำให้เด็กๆเพลินดีด้วยค่ะ
คุณ Fox แนะนำว่าอย่าลืมหนังสือประเภท fairy tales. นะคะ
เธอว่า หนังสือพวกนี้ช่วยสร้างจินตนาการ สมาธิ ความสามารถในการตัดสินใจแก้ไขปัญหา
สร้างความสามารถในการคาดเดาสิ่งที่จะเกิดในอนาคต และช่วยเรื่องการรับรู้ทางด้านอารมณ์ด้วยค่ะ

แล้วอ่านตอนไหนดีน่ะเหรอคะ
คุณ Fox ว่า แต่ละครอบครัว มีรูปแบบของตัวเองค่ะ
ไม่จำเป็นต้องเป็นตอนก่อนนอนก็ได้
แล้วแต่ครอบครัวและสถานการณ์ค่ะ

เอาเป็นว่า เรามาอ่านหนังสือให้ลูกฟังกันเยอะๆดีกว่าค่ะ
ถ้าสนใจหาหนังสืออ่าน หน้าปกเป็นแบบนี้ค่ะ

[ยศภัด มีเดช]

thank you so much

[อรดา พงศ์สุธนะ]

ขอบคุณมากค่ะคุณป๊อบ ไปไกลถึงออสเตรเลียยังคิดถึงเวป 2 ภาษาเลยค่ะ น่ารักมากค่ะ

[JT007]

ข้อมุลดีมากเลยคะน้องป๊อบคนสวย ขอบคุณมากนะคะ

[อาน้องปริม]

เห็นด้วยว่า อ่านให้ลูกฟังตั้งแต่เล็กๆ เด็กจะมีสมาธิจดจ่อได้ดีค่ะ อ่านวันละสามครั้ง ปีหนึ่งก็เกินพันครั้งแล้วค่ะ
แล้วก็ สามเรื่องเนี่ย อาจจะเป็นเรื่องเดียวกันหรือคนละเรื่องก็ได้
โดยเธอแนะนำว่า ถ้าจะอ่านคนละเรื่อง ก็แนะนำว่า
ให้มีเรื่องที่ลูกชอบหนึ่งเรื่อง เรื่องที่คุ้นหนึ่งเรื่อง แล้วก็เรื่องใหม่หนึ่งเรื่องค่ะ อันนี้เป็นข้อแนะนำที่ดีมากเลยค่ะ เพราะส่วนตัวยืมหนังสือห้องสมุดเปลี่ยนไปเรื่อยเลย แต่ก็มีหนังสือส่วนตัวเองเอาไว้อ่านให้ฟังซ้ำๆ ต่อไปต้องอย่าลืมเพิ่มพวก fairy tales อีกสักนิด ขอบคุณมากค่ะสำหรับบทความดีดี

[Nui & Pordee krub]

ขอบคุณมากค่ะคุณป๊อบ เป็นเทคนิคที่ดีมาก ตอนนี้ก็อ่านให้ลูกฟังอยู่ค่ะวันละครั้งเอง เวลาอ่านเค้าจะชอบเข้ามาดึงหนังสือไปกัดไปอม ทำให้อ่านไม่เคยจบเรื่องซักที

[อรนัย รักในหลวง]

เป็นคำแนะนำที่ดี และน่าทำตามมากเลยค่ะน้องป๊อบ..ปกติพี่อ่านให้เด็กๆฟังวันละครั้งเอง เฉพาะก่อนนอน
คงต้องทำแบบนี้บ้างแล้ว....ขอบคุณมากค่ะ

[i-Gie Gie]

ขอบคุณมากค่ะ แนะนำหนังสือดี ๆแถมด้วยเทคนิคอีกด้วย

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการแบ่งปันสิ่งดี ๆ ค่ะ

[สุภาพร(แม่ปั้น฿แป้ง)]

Than you for youe kindness.

[boj]

ขอบคุงมากคับ

[แม่น้องเนย]

เยี่ยมมากค่ะกับเคล็ดลับ วันละ 3 เล่ม ชอบค่ะ
ขอบคุณคุณป๊อปนะคะ กลับมาก็เอาเรื่องดีดีมาฝากด้วย