ถ้าเมื่อสิบปีก่อนมีคนบอกว่าต่อไปเมื่อดิฉันมีลูกแล้วต้องสอนลูกให้สามารถพูดได้สองภาษา ดิฉันคงหัวเราะงอหงาย เพราะตัวดิฉันเองภาษาไทยภาษาเดียวยังพูดได้ไม่ค่อยคล่อง เมื่อเวลาผ่านไป ชีวิตได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นแม่คนเข้า ความคิดทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนตามประสบการณ์และอายุ ก่อนที่จะมีลูก ดิฉันเคยทำงานที่ร้านอาหารไทยในเมือง St. Louis ได้เจอะเจอกับคนไทยหลายระดับ แต่ที่เห็นแทบทุกครอบครัวมีความเหมือนในตัวของแต่ละครอบครัวคือ ลูกๆของทุกคนไม่ยอมพูดภาษาไทย มองจากคนภายนอกดิฉันรู้สึกว่าขัดตา พ่อไทยแม่ไทย แต่ทำไมภาษาไทยภาษาลิ้นเรา ไม่ดีพอที่จะใช้เป็นการสื่อสารในครอบครัวหรืออย่างไร จึงมีความตั้งใจตั้งแต่ตอนนั้นว่าเมื่อมีลูกจะต้องสอนให้พูดให้ได้คล่องถึงสองภาษา และความคิดในการที่จะสอนลูกสาวให้พูดได้สองภาษาก็เริ่มขึ้น
การเดินทางของเราสามคน รวมลูกสาว(ลิซซี่), สามี, และตัวดิฉันเอง ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2551 ดิฉันตั้งใจตั้งแต่เห็นหน้าลูกเป็นครั้งแรกว่า ต้องสอนลูกให้พูดให้ได้อย่างน้อยสองภาษา ซึ่งสามีของดิฉันก็เห็นดีด้วย การเดินทางของเราอาจจะเป็นการเดินทางที่ย้อนศร เมื่อเทียบกับใครๆหลายคนในเมืองไทย เนื่องจากสามีของดิฉัน เกิดและโตที่อเมริกา เรื่องที่จะให้เขามาพูดภาษาไทยนั้นคงเป็นไปได้ยาก ส่วนตัวของดิฉันเองพูดภาษาไทยเป็นภาษาแม่และใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานซึ่งถือว่าภาษาของดิฉันอยู่ระดับปานกลางไม่ได้เก่งมากมายและไม่ได้แย่มาก ส่วนตัวของลูกสาวคาดว่าต่อไปคงใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เพราะถิ่นอาศัยของเราอยู่ที่อเมริกา
ในเมื่อแทบจะไม่มีความสำคัญเลยสักนิดที่จะใช้ภาษาไทย ทำไมดิฉันอยากที่จะให้ลูกเป็นเด็กสองภาษา ความสำคัญอาจะมองไม่เห็นจากคนรอบตัว แต่สำหรับตัวดิฉันเองแล้วสำคัญมาก อย่างแรกเลย ดิฉันเป็นไทยแท้ เลือดความเป็นไทยไม่ว่าอยู่ที่ไหนมันไม่เจือจาง เมื่อลูกสาวของดิฉันมีเลือดของดิฉันอยู่ครึ่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นภาษาที่แม่พูด ลูกก็สมควรที่จะพูดได้ อย่างที่สอง ดิฉันต้องการให้ลูกสาวสื่อสารได้กับญาติพี่น้อง ไม่ว่าจะเป็นตา, ยาย, ลุง, ป้า, และ ลูกพี่ลูกน้องทั้งสามที่เมืองไทย ถึงพูดไม่ได้แต่ฟังเข้าใจก็ดีใจแล้ว อย่างไรนั้นคงให้ตัวเค้าเองตัดสินใจเมื่อโตขึ้นไป อย่างที่สาม เมื่อแม่พูดได้ เราสอนกันเอง กำไรอยู่ที่ตัวของลูก ในขณะที่เด็กรอบข้างพูดได้แค่ภาษาอังกฤษภาษาเดียว แต่เราได้สองภาษากำไรชีวิตมันเป็นของเราเอง
เนื่องจากลิซซี่เป็นลูกสาวคนแรกและคนเดียวของดิฉันและสามี การเริ่มต้นไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดู หรือการอบรมสั่งสอนนั้นล้วนเป็นการลองผิดลองถูกทั้งสิ้น เมื่อเข้ามาถึงเรื่องการสอนภาษาของลูก เราตกลงกันได้ว่า สามีจะรับผิดชอบเรื่องภาษาอังกฤษ ส่วนตัวดิฉันเองจะรับผิดชอบเรื่องภาษาไทย เมื่อมานั่งคิดทบทวน แล้วจะใช้ภาษาไหนที่จะสื่อสองภาษานี้เข้าด้วยกัน ก็ตกลงได้ที่ภาษาที่สาม ภาษามือ จริงๆแล้วภาษามือนี้ได้รับการแนะนำมาจากเพื่อนที่ทำงาน ตัวดิฉันเองไม่เคยมีความรู้เรื่องภาษามือมาก่อนเลย ภาษาที่สามนี้เลยเป็นการเรียนรู้ร่วมไปกับลูกโดยปริยาย
เดี๋ยวมาต่อตอนสองค่ะ
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้