หลายๆคนบอกว่าดนตรีเป็นเรื่องพรสวรรค์และพูดว่าไม่มีความรู้ด้านดนตรีช่วยลูกไม่ได้เมื่อส่งลูกเรียนดนตรีก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณครูอย่างเดียวถึงเวลาก็สั่งให้ลูกซ้อมบางครั้งลูกก็สามารถซ้อมเองได้ ถ้าตอนเรียนสามารถเก็บวิธีการของคุณครูมาได้หรือจำท่วงทำนองได้ แต่ถ้าไม่ได้และไม่บอกคุณครู ดินก็จะเริ่มพอกหางหมูเมื่อทำไม่ได้ความสนุกความสุขก็หายไปกลายเป็นความเบื่อเข้ามาแทนและเลิกเรียนในที่สุดและคำที่ฮิตมากที่ใช้บอกเมื่อมีการถามคือลูกไม่ชอบซึ่งมองได้หลายประเด็น ซึ่งผมขออนุญาตยกตัวอย่างคุณพ่อ พิชิตซึ่งเป็นเพื่อนกันมานานมากและได้ใช้วิธีการที่ผมแนะนำเพียงบางส่วนและทุนเดิมของคุณพ่อพร้อมเครือข่าย เนื่องจากติดต่อกันตอนน้องพิมอยู่ประถม 4 ปลายเทอมแล้วนิทานร้องโน้ตใช้ไม่ได้แล้ว คุณพ่อพิชิตก็เริ่มการเรียนรู้ดนตรีจากศูนย์เช่นเดียวกันและปรับวิธีการเพื่อให้สัมพันธ์กับลูกโดยดูตัวอย่างจากน้องบุ้งและรู้เรื่องระยะเวลาว่าต้องใช้มากพอสมควร จากวันที่ 5 เมษายน 2550 มาถึงวันที่ 9 ธันวาคม 2552 น้องพิมคนเดิมได้กลายมาเป็นน้องพิมคนใหม่(ตอนนี้อยู่ ม.1 )เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติแววตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและความสุขและมีความคิดในการทำความดีด้วยความสามารถที่มีอยู่ ด้วยการเขียนจดหมายถึงมูลนิธิชัยพัฒนาขออนุญาตใช้บทเพลงพระราชนิพนธ์เพื่อจัดงาน เด็กไทยรวมใจบรรเลงเพลงของพ่อ รายได้หักค่าใช้จ่ายมอบให้มูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อให้ในหลวงทรงหายจากพระอาการประชวร โดยเชิญพี่บุ้งมาช่วยเล่นและได้รับการสนับสนุนจากพ่อพิชิต ร้านอาหารมังสะวิรัต คุณเชิญ และเครือข่ายจัดงานนี้ขึ้นเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2552 เพื่อเป็นตัวอย่างสิ่งที่ผมเขียนมาว่าสามารถทำได้ ขออัญเชิญบทเพลง ดวงใจกับความรัก แก้วตาขวัญใจ และ ยิ้มสู้ ปิดท้ายด้วย ลมหนาว
" target="_blank">
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้