เมื่อตอนเริ่มสรัางครอบครัวสองภาษาแรกๆ เราตกลงกันว่า จะใช้ระบบ OPOL
แต่พอเอาเข้าจริงๆ เรากลับมาปัญหาระหว่างพ่อกับแม่เรื่องการโยนกันไปมา
ใครล่ะจะเป็นคนพูดกับลูกเป็นภาษาไหนดี โยนกันไปโยนกันมาอยู่พักนึง จนกลายเป็นว่า เราทั้งสองคนพูดภาษาอังกฤษกลับลูก
ตอนแรกเลย ป๊อปเป็นคนพูดกับลูกก่อน ไปไปมามา แม่ป๊อปก็คิดว่า โอย ภาษาที่เราพูดนี่มันดีหรือเปล่านะ มันลื่นไหลหรือเปล่านะ
ท้ายทีาสุดก็ดยนกลับไปให้พ่อต่อ เพราะคิดว่าพ่อต่อน่าจะพูดจาได้ลื่นไหล เป็นธรรมชาติดีกว่าแม่ป๊อปมาก
แต่เจ้าลูกดันติดภาษาอังกฤษแล้ว ไทเปจึงเลือกใช้ภาษาที่ตัวเองถนัดในการสื่อสารกับพ่อแม่
ทีนี้ครอบครัวเราเลยกลายเป็นครอบครัวที่เลี้ยงมาแบบภาษาอังกฤษเกือบ 100%
ตอนเข้าอนุบาลเราจึงตัดสินใจส่งไทเปเข้าเรียนที่โรงเนียนไทย โรงเรียนเล็กๆ แถวๆบ้าน
สอนแบบแนวบูรณาการพัฒนาการตามวัยไม่เน้นอ่านเขียน
ตอนแรกไทเปบอกว่า school is not fun. No one speaks English to me.
แม่ใจแป้วมากมาย แต่สุดท้าย เด็กๆก็ปรับตัวได้ค่ะ
แต่พอจบอนุบาล3 เด็กๆดันอ่านได้ เขียนได้ แม่ป๊อปก็รู้สึกโอเคในพัฒนาการของลูก
เราไม่ได้เน้นเรื่องวิชาการหรอกค่ะ อนุบาลอยากให้ลูกร้องเล่นเต้นระบำไปตามวัย
แต่โรงเรียนมีแค่ อนุบาล 3 ไทเปจึงต้องไปสอบเข้าที่อื่น และโรงเรียนที่เราเลือกคือ สาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ภาคภาษาอังกฤษ
ช่วงก่อนจะสอบ 1 ปี คุณพ่อก็ไปซื้อหนังสือแบบฝึกหัดเตรียมสอบเข้าสาธิต มา4-5 เล่ม
แล้วพาไปลงเรียนติวเข้าสาธิต 1 ครอส ไม่แพงประมาณ 1 หมื่นบาท ที่ให้ไปเรียน เพราะให้เค้าได้ไปฝึกทำใจเวลาเข้าห้องสอบ
ของแบบนี้ที่บ้านป๊อปสอนไม่ได้อ่ะค่ะ ต้องอาศัยคนอื่นช่วย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า
ไทเปชอบไปเรียน เพราะสนุก เค้ามีเกมส์ให้เล่น มีของเล่นเชิงสร้างสรรค์ให้เล่น มีขนมให้กิน
เรียนไปครอสเดียวก็กลับมาฝึกฝนต่อที่บ้าน
เด็กๆต้องมีวินัยค่ะ ทักษะต่างๆ เหมือนทักษะทางภาษา เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน ทักษะในการทำข้อสอบก็เหมือนกัน
1 ปีก่อนสอบเข้า ป.1 ไทเปทำแบบฝึกหัดทุกวัน
เรื่องนี้ต้องยกความดีให้คุณพ่อต่อค่ะ คุณพ่อต่ออดทนกับไทเปมาก
พวกข้อสอบอนุกรม จับใจความคุณพ่อรับไปหมดค่ะ
แม่ป๊อปน่ะเหรอ นอนดูค่ะ 555
ด้วยความที่เป็นคนชอบซื้อหนังสือแบบฝึกหัดมาให้ไทเปทำตั้งแต่เด็กๆแล้ว
เราก็หาหนังสือแบบฝึกหัดดีๆ ที่สนุกๆ มาให้ลูกเล่นค่ะ
ไทเปจึงได้ทำแบบฝึกหัดที่หลากหลายมาก เพราะแม่ชอบอะไรก็เอามาให้ทำ จับฉ่ายสุดขีด
แบบฝึกหัดที่แม่หามาจะเน้นภาษาอังกฤษเป็นหลักค่ะ กลัวลูกงงภาษาอังกฤษ
เพราะปกติพวกโจกท์คำถาม มันก็ไม่ใช่ประโยคปกติที่จะพูดกับลูกอยู่แลัว
ไทเปก็ชอบนะคะ เพราะหนังสือแบบฝึกหัดต่างประเทศ เค้าพิมพ์สี่สีสวยงามมาก
ทำเสรฺจหมดเลีม แม่ก็เสียดายสุดๆ ทิ้งไม่ลง แต่ก็นะ เก็บไว้ก็รก
แล้วเก็บไหม.....เก็บค่ะ .......~_~'
วันสอบ แม่ลุ้นมาก พอส่งลูกเข้ารั้วสอบ อยากสารภาพเลยว่า น้ำตาแตกมาก
สงสารลูกว่าทำไมต้องมาสอบนะ ตัวเล็กตัวน้อยขนาดนี้......
แล้วพอประกาศผลออกมา แม่ก็น้ำตาปริ่มอีกรอบ ไทเปสอบข้อเขียนได้ค่ะ T_T
ลุ้นสอบสัมภาษณ์ต่อไป
วันสัมภาษณ์ พ่อต่อแม่ป๊อป มาครบค่ะ โรงเรียนให้มาทั้งหมด
เริ่มแรกด้วยเข้าไปพร้อมกัน 3 คนก่อน กล้วเค้าก็ถามค่ะ
แต่ถามลูกนะคะ
What's your name?
What's your dad's name?
what's your mom's name?
What is your nickname?
How old are you?
Do you want to study here?
โอว สำหรับเด็ก 2 ภาษา คำถามเหล่านั้น จิ๊บๆ
แล้วพอถามจบนั่นก็แยกลูกออกไปอยู่อีกมุมห้องนึงค่ะ
แล้วเค้าก็มาคุยกับพ่อแม่แทน คำถามก็ธรรมดาค่ะ แล้วให้ออกไปก่อน
ทีนี้ก็ลุ้นระทึกรอลูกค่ะ
ไทเปออกมาแล้ว ยิ้มมาด้วย แล้วบอกว่าอยากกลับบ้านแล้ว
แม่ถามว่า เค้าถามอะไรบ้าง
ไทเปบอกว่า many..so many questions.
จำได้คร่าวๆว่าตอนนั้นไทเปบอกว่า
คุณครูให้ชี้สีที่ถูกต้อง ให้ชี้รูปทรงที่ถูกต้อง
ถามว่านี่สีอะไร รูปทรงอะไร สิ่งนี้สิ่งนั้นคืออะไร
แล้วให้คำนามมา 5 คำ ให้แต่งเรื่องค่ะ
ทั้งหมดข้างบนเป็นภาษาอังกฤษค่ะ
แม่ก็ลุ้นต่อไป คิดไปโน่นนี่ ถ้าสอบไม่ได้จะไปเรียนที่ไหนดี
จะบอกพ่อไทเปว่าอะไรดี โน่นนี่นั่นโน่น
กระทั่งวันประกาศผลสอบก็ยังนอยด์ไม่เลิก
ผลสอบ ป๊อป check จากinternet เพราะตัวไม่ได้อยู่กรุงเทพ
กด refreshแล้ว refresh อีก ตั้งแต่หกโมงเช้า ยันเก้าโมง
จนมีประกาศรายชื่อผู้สอบเข้าได้บนเวปไซท์ของโรงเรียน
............
............
............
..........
ไทเปสอบติดแล้วค่า โย่โย่โย่
แม่ดีใจที่สุด......
แต่นี่มันแค่จุดเริ่มต้นค่ะ .....,,,
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้