เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ปัญหาแรกของการไม่ได้เรียนร.ร.2ภาษาของต้นกล้า!!!!

เฮ้อ................

มีเรื่องให้คิดหนักจนได้คร้าบบบบบ..พี่น้อง..

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ลูกชายกลับมาบ้านรายงานว่า ครูฝึกสอนที่ร.ร.บอกว่าต้นกล้าเรียนไทยโปรแกรม ให้พูดภาษาไทยไม่ให้พูดภาษาอังกฤษ ก็สอบถามเจ้าลูกชายช่างพูดของเราว่าแล้วลูกไปพูดอะไรกับเพื่อนล่ะ "ต้นกล้าก็แค่ชี้รูป sheep cow horse อะไรแค่นั้นเองแม่ แต่ครู(ฝึกสอน)บอกว่าไม่ให้พูดภาษาอังกฤษ" แค่นั้นไม่พอ เวลาไปรับลูกเราก็พูดภาษาอังกฤษตามแบบที่เราฝึกกันมาอยู่แล้ว ต้นกล้าเอามือมาปิดปากเราแล้วก็ทำเสียง "จุ๊ๆๆๆ" ไม่ให้เราพูด........

ร้อนอาสน์คร้าบบบ..พี่น้อง..

วันรุ่งขึ้นเลยขอเข้าพบครูประจำชั้น ถามครูว่าลูกเราทำพฤติกรรมไรที่ยอมรับไม่ได้ ตรงๆเลยก็คือ ลูกเราพูดภาษาอังกฤษมากจนเว่อร์ไปรึป่าว ครูประจำชั้นบอกว่า ไม่เลย ไม่ได้ทำอะไรที่ดูแปลกแยกไปจากเพื่อนเลย ก็เลยต้องรายงานให้ครูประจำชั้นทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายเรา ครูเค้าก็บอกว่าเค้าเสียใจที่ครูฝึกสอนทำแบบนี้ แต่พอยท์หลักของเราคือแล้วความมั่นใจที่ไอ้เจ้าลูกชายเราเสียไปอ่ะ จะฟื้นฟูไงดี...ครูประจำชั้นรับปากว่าจะไปจัดการให้.....................

จากเรื่องนี้ ทำให้คิดทบทวนอ่ะค่ะว่าการที่เราคิดว่า ให้ลูกเรียนสามัญแล้วเราสอนภาษาอังกฤษเองตามแนวนี้ไปเรื่อยในขณะที่สิ่งแวดล้อมของลูกไม่ได้เอื้อกับการเป็นเด็ก 2 ภาษาเท่าที่ควรจะเป็นปัญหากับเค้าต่อไปในอนาคตมั้ย......????

Views: 388

Comment

You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!

Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

Comment by BeeV on August 5, 2009 at 6:08pm
ขออนุญาตเข้ามาตอบหน้านี้อีกครั้ง จากข้อความส่วนตัวที่คุณอรนัยส่งไปนะคะ เพราะวันนี้ เข้าเวบบอร์ดยากมาก (จากที่ทำงาน) คลิกไปคลิกมา กลับมาเจอหน้านี้อีกที

ส่วนตัวคิดว่า ไม่ต้องกังวลกับเรื่องภาษาพูดของน้องจะดีที่สุดค่ะ...เคยปฏิบัตืมาอย่างไร ก็ทำอย่างนั้นต่อไป ก็น่าจะช่วยน้อง maintain ไว้ได้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้แล้ว ภาษาพูดเป็นเรื่องธรรมชาติของคน เราเคยชินมาอย่างไรตอนเด็กๆ พอโตขึ้น ก็จะติดนิสัยพูดแบบนั้นไปเรื่อยๆ....การเขียน-อ่านเสียอีก ที่จะเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงวัยเรียน และจะมีส่วนช่วยพัฒนาการใช้ภาษาพูด ให้สละสลวยและจัดระบบความคิดให้ดีขึ้นด้วย

ความจริง เป็นเรื่องปกติ ที่แม่จะวิตกกังวลในหลายๆเรื่อง เมื่อลูกเริ่มเข้ารร.อนุบาล (ใช่ไหมคะ)...แต่เชื่อเถอะค่ะ ยังมีอีกมากมายให้เราวิตกกังวลมากกว่าเรื่องการพูดภาษาอังกฤษ...เช่น เรื่องทักษะการแก้ปัญหา การปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนและอยู่ร่วมกับคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัว สุขภาพของน้องเมื่อเข้าเรียน การฝึกอ่าน ใช้จินตนาการ ฝึกเขียน คณิตศาสตร์ ฯลฯ...บางครั้งก็ควรปล่อยวาง เรื่องไหน เขาทำได้แค่ไหน ก็เอาแค่นั้นค่ะ...ถ้าไม่ใช่เรื่องซีเรียสมากจริงๆ...จะได้ไม่ต้องกดดันทั้งแม่และลูก

ที่น่าคิดคือ เมื่อฝึกลูกให้เป็นเด็กสองภาษาได้สำเร็จในระดับนึงแล้ว จะต่อยอดให้ลูกนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริง หรือในด้านการเรียน (เช่น การสอบแข่งขันต่างๆ)ได้อย่างไร การที่พ่อหรือแม่แค่พูดภาษาอังกฤษกับลูกอยู่ที่บ้านอย่างเดียว แต่สภาพแวดล้อมรอบตัวลูกข้างนอกบ้านเป็นไทยล้วนๆ เมื่อเด็กโตขึ้นไป หากไม่มีโอกาสได้ใช้ภาษาในการปฏิสัมพันธ์กับครู หรือเพื่อนที่เป็นเจ้าของภาษาจริงๆ ในชีวิตปจวอย่างสม่ำเสมอ....ลูกจะสามารถพัฒนาภาษาได้ดีไปถึงขั้นที่ดีมากๆ (อย่างที่พ่อแม่คาดหวังไว้)ได้อย่างไร...อย่างมาก ก็คงได้เท่าที่พ่อหรือแม่พูดได้ แต่ที่คุณอรนัยพยายามสร้างสิ่งแวดล้อมให้ลูกได้มี social English หรือจ้างครูฝรั่งมาสอนเพิ่มนอกเวลา ดิฉันคิดว่าเป็นไอเดียที่ดีและสมควรทำต่อไปอย่างยิ่งค่ะ

เอาใจช่วยนะคะ
Comment by MaMa n'JaY on August 5, 2009 at 2:45pm
(ต่อจาก MSN ที่ตะกี๊ กะลังจะเล่าเรื่องนี้เลย มาเจอกระทู้นี้ Match มากกก)

อ่านมาทั้งหมดจนถึงย่อหน้าสุดท้ายของคุณอรนัยเลย กันได้คุยกะครูประจำชั้นของน้องเจค่ะ ครูแนะนำว่าถ้ากันเคยพูดภาษาอังกฤษกะน้องเจ ขอให้ทำต่อไป เพราะน้องเจแววดี วกมาที่บ้านครูบ้าง ครูเล่าว่า ทุกคนที่บ้านจะไม่สื่อสารกันเป็นไทยเลย จะเป็นอังกฤษล้วน ๆ แต่พอมาโรงเรียน (ลูกครูก็เรียน รร.ที่ครูสอนอะค่ะ ก็คือโรงเรียนที่น้องเจเรียนด้วยเช่นกัน) ครูบอกว่าก็เรียนตามแนวสามัญปกติทั่วไป เรียนเป็นภาษาไทย แต่วิชาภาษาอังกฤษทุกคาบนั้น จะเป็นครูต่างชาติ เวลาลูกอยู่กะครู ครูก็สอนเป็นภาษาอังกฤษอย่างเดิมค่ะ ลูกก็จะได้ทั้งสองสังคม

กระซิบดัง ๆ ค่ะ เทคนิคครูดีมาก ๆ คือ ครูเปิดโรงเรียนสอนภาษาด้วย แล้วก็เน้นพูดและพัฒนาเด็กแบบสองภาษาอะค่ะ และเพื่อเป็นการฝึกลูกไปในตัว ครูให้ลูกครูทุกคน มาเป็นคุณครูฝึกสอนน้อง ๆ ที่ไปเรียนที่บ้านครูค่ะ --- กันยังไม่เคยไปแวะเวียนที่บ้านครูนอกเวลาเลยนะคะ แต่ฟังแล้วก็เกิดไอเดียดีค่ะ ถึงแม้ว่าจะเรียนแนวสามัญ ภาษาก็ไม่ได้ทิ้ง ลูกก็มีสังคมปกติค่ะ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเป็นปัญหาระยะยาวค่ะ แล้วน้องต้นกล้าเอง ก็กล้าที่จะมาเล่า และคุณอ๊อบก็พร้อมที่จะเปิดอกคุยกะครูด้วย ทุกอย่างน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีค่ะ
Comment by เพียงพิศ on August 5, 2009 at 2:18pm
คุณอรนัยคะ

เมื่อคืนนี้ได้มีโอกาสดูรายการชีพจรโลกแล้ว รู้สึกชื่นชมในความตั้งใจจริงของคุณอรนัย และน้องต้นกล้าก็น่ารัก และดูเป็นเด็กที่มีความเชื่อมั่น และมีความสุขค่ะ พอได้อ่านเรื่องนี้เข้าก็เลยอยากเข้ามาเป็นกำลังใจให้อีกคนนะคะ ว่าอย่าท้อค่ะ คนแต่ละคนมีทัศนคติการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน เพราะเห็นโลกมาไม่เท่ากันค่ะ สิ่งที่คุณอรนัยทำให้กับลูก เป็นสิ่งที่มีค่าทั้งทางด้านจิตใจในวันนี้ และประสบการณ์ชีวิตที่ดีให้กับลูกในวันหน้า น่ายกย่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับอีกหลายๆครอบครัวนะคะ เรื่องทัศนคติของครูฝีกสอน คงเป็นเรื่องที่ไกลเกินกว่าที่เราจะทำอะไรได้ คงทำได้อย่างเดียวคือยืนหยัดสร้างความเข้มแข็งให้กับลูกเราค่ะ ส่วนเรื่องเรียนสายสามัญ สิ่งแวดล้อมอาจไม่ค่อยเอื้อเท่ากับรร สองภาษาก็จริง แต่ว่า รรสามัญ เค้าก็เรียนภาษาอังกฤษด้วยเหมือนกันใช่มั้ยคะ ถ้าเพียงแต่คุณครูสร้างสิ่งแวดล้อมให้เอื้อประโยชน์ต่อการเรียนรู้ก็ไม่น่าที่จะต้องกังวลค่ะ ขอให้คุณอรนัยโชคดีนะคะ
Comment by อั้งเปา on August 5, 2009 at 11:55am
หวัดดีค่ะ คุณอ๊อบ ขอแชร์ด้วยคนนะค่ะ อย่างของแอ๊ดเนี๊ยเราจะสอนรู้เสมอให้มีความมั่นใจในตัวเองและภูมิใจที่พูดภาษาอังกฤษค่ะ สองแม่ลูกไปที่ไหนก็แจ้วๆแต่ภาษาอังกฤษจนเค้าเคยชิน เพราะของแอ๊ดเนี้ยอยู่ต่างจังหวัด จะเป็นอะไรที่ประหลาดมากสำหรับเรื่องแบบนี้ ซึ่งตรงนี้คุณอ๊อบทำเกินร้อยอยู่แล้ว ส่วนที่รร.ในความคิดโดยส่วนตัวนะค่ะ ถ้าเป็นแอ๊ด เราจะดูก่อนเลยว่าที่รร.เค้า(ดดยเฉพาะอาจาร์ใหญ่ หรือเจ้าของรร) เค้าสนันสนุนแนวคิดแบบเราหรือเปล่าค่ะ ถ้าไม่ใช่แนะนำให้เปลี่ยนรร.เลยค่ะ เพราะลูกเราอยู่แล้วจะเครียด และไม่มีความสุขเลยค่ะ อย่างของแอ๊ดเนี่ยลูกเราจะมีความสุขในการไปรร.มาก และเป็นที่เอ็นดูของคุณครู และเป็นที่รู้โดยทั่วกันว่า เค้าเป็นเด็ก 3 ภาษา (เค้าพูดจีนกลางได้ด้วยค่ะ คุณพ่อพูดน่ะคะ แต่คุณแม่ไม่ได้เน้น เพราะพูดไม่ได้ แค่ภาษาอังกฤษก็เอาตัวไม่ค่อยรอดอยู่แล้ว) ซึ่งรร.ที่ไปเนี่ยเพื่อนๆก็บอกว่าไม่ค่อยเน้นเรื่องวิชาการสักเท่าไหร่ แต่เราเอาลูกเป็นหลักค่ะ ถ้าเค้าhappy ที่จะอยู่ที่นั่นเราก็ใค้อยู่ เดี๋ยววิชาการคุณแม่เสริมให้เอง เรื่องแนวคิดของรร.กับเราถ้าไม่ตรงกันเนนี้ยสำคัยนะคะ มีอยู่วันนึง น้องอี้งเค้ามาร้องเพลงภาษอังกฤษให้ฟัง แต่เพี้ยนหมดเลย เค้าพูดภาษาอังกฤษสำเนียงคนจีน-มาเลย์ เราก็เลยซักไปซักได้ความว่า คุณครูภาษาอังกฤษคนใหม่มาสอน คุณแม่ล่ะปวดกะบาลเลยฝึกมาตั้งนาน มาตกม้าตายเอาซะดื้อๆ (เด็กนี่แปลกเชื่อครูมากกว่าเชื่อแม่) เดือดร้อนถึงเราต้องแจ้นไปห่ครูใหญ่ ขอให้เปลี่ยนครูภาษาอังกฤษหน่อย ครูใหญ่เต้าก็จัดให้ค่ะ ประทับใจมากเลย แอ๊ดเลยคิดว่าอาจเป็นเพราะแนวคิดเรากับ รร.เหมือนกันเลยไม่เกิดปัญหา ไม่งั้นเดือดร้อนแน่ๆ
แต่จะให้ดีน้องต้นกล้า น่าจะเรียนinter ก็ดีนะค่ะเหมือนคุณmom_jenita ว่าน่ะคะ เพราะน้องต้นหล้าเค้าเก่งอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามขอให้กำลังใจนะคะ
Comment by BeeV on August 5, 2009 at 11:07am
เข้ามาแชร์ปสก.จากการที่ลูกเป็นเด็กสองภาษา และตอนนี้ ๕ ขวบแล้วค่ะ เรียนอนุบาลอินเตอร์มาตั้งแต่ชั้นเตรียมฯ แต่ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา (มิย.-สค.)ได้ส่งไปเรียนร่วมที่รร.ไทยมา ๒ เดือน เพื่อเพิ่มเติมเรื่องการอ่าน-เขียนภาษาไทย และการฝึกปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมของคนหมู่มาก

จากปสก.ส่วนตัว....สภาพแวดล้อมที่รร.ทั้งเพื่อนและครูจะมีอิทธิพลต่อลูกมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาโตขึ้นค่ะ ตรงนี้ ห้ามไม่ได้จริงๆ ลูกชายไปเรียนรร.ไทยมาเกือบสองเดือน ผลดีที่ได้คือ ยอมอ่าน-เขียนภาษาไทยมากขึ้น (และทำได้ดีขึ้น) ร้องเพลงอนุบาลไทยๆได้เยอะ พูดภาษาไทยได้ดีและฉะฉานขึ้น แต่ผลเสียที่ได้ ก็มีคือ ลูกไม่ชอบรร.ไทยที่ไปเอามากๆ แม้จนมาถึงสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายแล้ว ก็ยังบ่นกับแม่ทุกวันว่า "Mamee, please send me to a better school. This school teaches too much", etc.

อีกเรื่องหนึ่งคือศัพท์แสงที่ไม่ค่อยไพเราะในภาษาไทย เช่น มั่ว โง่ ฯลฯ ก็ติดร่างแหมาในภาษาพูดด้วย ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากเพื่อนหรือพี่เลี้ยง

ถามว่า ความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษของลูกในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาดร็อปไปหรือเปล่า...ก็ไม่นะคะ ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะยังพูดกับแม่ทุกวันเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเดิม ยังอ่านหนังสือ ดูดีวีดี ฟังเพลงที่เป็นซาวด์แทรคอยู่ตลอด และเสาร์-อาทิตย์แม่ก็จัดเวลาไปเล่นกับเพื่อนฝรั่งหรือเด็กไทยที่เป็น English-speaking อยู่สม่ำเสมอค่ะ...

แต่ถ้าน้องต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นรร.ไทยไปนานๆ เขาคงต้องปรับตัวตามเพื่อนๆที่รร.ให้ได้มากขึ้น ซึ่งการจะเป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆได้ แน่นอนว่า คงต้องมาจากการที่น้องสามารถสื่อสารใน"ภาษาเดียวกับเพื่อน" ให้รู้เรื่อง นั่นก็คือภาษาไทย...ส่วนที่ทางบ้านจะทำได้ คือช่วยน้อง maintain การใช้ภาษาพูดภาษาอังกฤษไว้ให้ได้มากและนานที่สุด ซึ่งคุณอรนัยเองก็ทำอยู่แล้ว

สำหรับน้องที่พูดได้มากกว่า ๑ ภาษา เด็กๆจะพูดกับใครเป็นภาษาอะไร เขาจะเลือกเองตามธรรมชาติค่ะว่า พูดกับคนๆนั้นด้วยภาษาอะไรแล้วจะรู้เรื่องกันมากที่สุด (ถ้าเป็นเพื่อนก็ดูว่า พูดภาษาไหนคล่องและสนุกกว่า) คุณอรนัยปฏิบัติอย่างที่ทำกับน้องตามปกติ คือใช้ภาษาอังกฤษที่บ้านอย่างสม่ำเสมอนั้น ถูกต้องแล้วค่ะ

เอาใจช่วยนะคะ
Comment by หนึ่ง on August 5, 2009 at 8:20am
สู้ๆๆ เอาใจช่วยครับ เรามาลองนึกดูนะครับบ้านเราไม่ได้มีภาษาเดียวอย่างที่พวกเราคิดกัน แต่ยังมีภาษาท้องถิ่นอีกครับ เคยไหมครับเราคุยภาษาไทยกลางกับไทยอิสานเรายังคุยกันได้เลย ในสภาภาพแวดล้อมไม่ว่าจะใต้ อิสาน หรือเหนือเด็กส่วนมากพูดสองภาษาทั้งนั้นครับในห้องเรียนพูดไทยกลาง ออกนอกห้องเรียนพูดภาษาท้องถิ่นเปลียนโหมดกันแบบอัตโนมัติเลยครับ ส่วนในชุมชนของเรามันต่างแค่เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นเอง แต่สิ่งที่เราให้กับลูกนั้นผมว่าเกินคุ้มครับ เราก็พัฒนาด้วยลูกก็ได้ด้วย
Comment by สุภาพร(แม่ปั้น฿แป้ง) on August 4, 2009 at 11:11am
คุณ อ๊อป เป็นกำลังใจให้นะ คิดอยู่ เหมือนกันว่าคนที่ไม่เข้าใจว่าเราทำเพื่ออะไรก็คงคิดว่ามันไม่ถูก แต่คนเหล่านั้นก็ปล่อยเวลา โดยไม่ได้ฝึกภาษาเพื่อลูก อย่างน่าเสียดายวัยทอง ช่างเขาเถอะค่ะ ใครทำคนนั้นก็ได้ค่ะ
Comment by ubonsruang on August 4, 2009 at 8:57am
คุณอ๊อบสู้ๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจหั้ยค่ะ
นึกแล้วก้ออดตำหนิครูฝึกสอนคนนั้นไม่ได้เนอะ
คิดด้ายงัยพูดออกมาวะขนาดนั้น
เป็นใครใครก้อโกรธน่ะเนี่ย
ฮึมๆๆๆ
Comment by อรนัย รักในหลวง on August 3, 2009 at 10:30am
ใช่คุณภา เด็กลืมง่ายแต่เราซิ นี่ก็ยังแอบเครียดๆว่าจะมีอะไรมาปะทะอีกน้า....
Comment by mom_jenita on August 3, 2009 at 3:39am
อือม์ คิดอยู่เหมือนกันค่ะตอนแรก แต่ไม่ได้เขียนลงไปว่า เด็กเค้าอาจจะไม่ได้คิดซับซ้อนเหมือนเรา และเค้าก็ลืมง่ายด้วย

ต้นกล้า เก่งเนอะ คุณแม่ก็เก่ง คงจะเอาคุณอ๊อบเป็นแบบอย่างค่ะ ต่อไปถ้าลูกต้องกลับไปเรียนในโปรแกรมไทย เพราะข้อดีของการเรียนในโปรแกรมไทยก็มีหลายอย่างเหมือนกันนะคะ ก็คงอาศัยต้องสร้างสภาพแวดล้อมให้เค้าเหมือนกันค่ะ (มีอิทธิพลเหมือนกันเนอะ) เหมือนตัดสินใจได้เลยนะคะเนี่ย คุณอ๊อบ ขอบคุณนะคะ

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service