คุณอาจแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าสิ่งที่คุณกำลังทำกับลูกน้อยของคุณอยู่ มันได้กลายเป็นการปิดกั้นขวางทางเส้นใยสมองที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ให้หยุดชะงักลงจากผลการกระทำของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ และถ้าเป็นบ่อยครั้งย่อมไม่เป็นผลดีต่อลูกหลานของคุณแน่
แน่นอนคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายต่างก็มีเจตนาดีกับลูกของตัวเอง แต่สิ่งต่อไปนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องพึงระวังให้เป็นอย่างดี ในเรื่องของ "อย่า" ซึ่งนับเป็นภัยต่อการพัฒนาสติปัญญา และความเชื่อมั่นในตนเองของลูกน้อยของคุณ คุณลองสังเกตตัวเองดูด้วยว่าคุณเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่เข้าข่ายชอบใช้คำว่า "อย่า" ดังในกรณีต่อไปนี้หรือไม่ ถ้าใช่รีบแก้ไขก็ยังไม่สายเกินแก้ค่ะ
1. "อย่า" ขัดจังหวะ
ขึ้นชื่อว่าเด็ก ส่วนใหญ่จะมีช่วงความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมในระยะเวลาอันสั้น เด็กจะมีสมาธิใจจดจ่อต่อสิ่งใดก็ตามได้ไม่นาน ดังนั้นหากเด็กกำลังสนใจเรื่องใดอยู่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเล่น หรือสนใจต่อเสิ่งแวดล้อมรอบข้างอย่างจริงจัง อาทิ แกอาจจะนั่งพินิจเปิดปิดกล่องกระดาษอยู่คนเดียว หรือเปิดดูสมุดภาพในหนังสืออยู่ คุณก็ควรปล่อยให้เขาได้เรียนรู้สิ่งนั้นให้เสร็จก่อน อย่าเพิ่งสอดแทรกหรือขัดจังหวะเด็ดขาด เพราะช่วงเวลานั้นแหละที่เส้นใยสมองของเขากำลังโยงใยทำงานอยู่ คุณพ่อคุณแม่ต้องอดใจรอสักนิด รอจนกว่าลูกจะหันเหความสนใจไปทำเรื่องอื่น จึงนำเสนอความคิดใหม่ให้เขา และอย่าลืมที่จะยกย่องชมเชยผลงานที่เขาทุ่มเทความสนใจด้วยล่ะ
2. "อย่า" เดินหนี
เด็กจะไวต่อความรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่ให้ความสนใจเขาอย่างเต็มที่ไหม คุณหันมาประสานตาและวางจากงานที่กำลังทำอยู่แล้วสนใจเขาหรือเปล่า แน่นอนคุณอาจจะทำงานบ้านไม่ได้มากอย่างที่ต้องการ หลายครั้งจำเป็นที่จะต้องละมือจากงานที่ทำ แต่เชื่อเถอะเป็นประโยชน์ต่อลูกน้อยของคุณอย่างประเมินค่าไม่ได้ เขาจะสื่อความรู้สึกรับทราบว่าคุณสนใจ ใส่ใจรับฟังเรื่องของเขาหรือไม่ เด็กเล็กจะไวต่อความรู้สึกใส่ใจเป็นพิเศษ คุณอาจจะเห็นได้จากอาการดึงมือของคุณให้ลุกตามเขาไป หรือดึงเสื้อผ้าเพื่อให้คุณทุ่มเทความสนใจให้เขาอย่างเต็มที่
แต่ถ้าคุณละเลยต่อสิ่งเหล่านี้ หรือถึงขั้นเดินหนีสิ่งที่เขาตั้งใจจะให้คุณรับฟังเขา ก็เท่ากับคุณไปชะลอการกระตุ้นพัฒนาการของเขา และถ้าเป็นบ่อยครั้ง เชื่อขนมกินได้เลยว่า เขาจะขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง จนถึงขั้นไม่อยากเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองกำลังสนใจไปดื้อ ๆ แล้วคุณจะมาเรียกร้องให้เขารับฟังคุณและมาเสียใจภายหลังไม่ได้นะจะบอกให้
3. "อย่า" ใช้คำสั่ง "อย่า" อย่าทำนั่น…อย่าทำนี่…
แทบจะกลายเป็นเรื่องปกติของคุณพ่อคุณแม่ในการออกคำสั่งของลูก ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจไปเสียแล้ว ทั้งที่คำสั่งห้ามของคุณพ่อคุณแม่ก็แทบจะมีอยู่เรื่องเดียวก็คือ เรื่องอันตรายจากการเล่นสนุกของลูกนั่นเอง แต่คุณรู้ไหมการใช้คำสั่ง "อย่า" อย่างพร่ำเพรื่อและไม่มีวินัย มีผลต่อพัฒนาการของเด็กอย่างมาก การเล่นสนุกของเด็กที่จะเป็นอันตรายต่อผู้อื่นหรือก่อให้เกิดความเสียหาย เช่น ขว้างปาสิ่งของหรือส่งเสียงดังในขณะที่น้องตัวเล็กนอนหลับอยู่ หรือการนำดินสอเทียนไปขีดเขียนบนผนังห้องรับแขก เป็นเรื่องที่คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ที่จะไม่ใช้คำสั่งห้าม
แต่การสั่งห้ามไม่จำเป็นต้องเป็นการเผชิญหน้าถลึงตาขู่เสมอไป คุณแม่ควรจะหันเหความสนใจของเด็กไปยังเรื่องอื่น เช่น หากเด็กต้องการขีดเขียนกำแพงด้วยดินสนเทียน คุณก็นำปากกาสีสวยและกระดาษมาแลกเปลี่ยนกับดินสอเทียนในมือของเด็ก หรือของเล่นชิ้นโปรด สิ่งอื่นที่คุณทราบดีว่าลูกของคุณจะหัวร่อทุกครั้งเมื่อเห็นสิ่งของนั้น ๆ มาหลอกล่อ เพื่อเบนความสนใจของเขาแทน
สิ่งที่คุณพึงระวังมากที่สุดคือ คุณพ่อคุณแม่ควรหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะออกปากสั่งห้ามด้วยคำว่า "อย่า" ตรีกตรองให้ถี่ถ้วนก่อนว่าเด็กตั้งใจจะทำอย่างไร และคำสั่งห้ามที่หลุดออกมาเป็นคำสั่งที่ถูกต้องแล้ว
อีกประการก็คือคุณจะต้องปลูกฝังวินัยเรื่องคำสั่งห้ามด้วย ต้องเข้าใจง่ายและคงที่ คุณแม่จะต้องย้ำจนลูกน้อยเข้าใจว่าวินัยเรื่องนี้มีความหมายอย่างไร เพราะคุณจะต้องกระทำตามคำพูดคำสั่งห้ามเสมอ
คำสั่งห้าม คำว่า "อย่า" หลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน เป็นไปไม่ได้แน่ที่เด็กจะทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ เพราะเด็กเล็กในวัยนี้ยังไม่มีความคิดมากพอที่จะแยกแยะระหว่างความถูกและความผิดได้ แต่คุณต้องมีศิลปะในการใช้คำสั่ง ควรอธิบายเหตุและผลให้เด็กเข้าใจ ไม่ว่าจะต้องอธิบายซ้ำซากมากขนาดไหน แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกน้อยของคุณในการพัฒนาสติปัญญา และยังเป็นผลดีในการปลูกฝังวินัยให้เขาด้วย
ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือคุณพ่อคุณแม่จะต้องพึงรู้และยอมรับเสียก่อนว่า เด็กมองโลกด้วยสายตาตัวเอง เด็กแต่ละคนมีจิตใจเป็นของตัวเอง ไม่ได้กระทำเพื่อให้สอดคล้องกับผู้ใหญ่ คุณไม่มีทางจะเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กให้เป็นไปตามความต้องการของคุณได้เลย ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฝืนบังคับในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เนื้อหายาวไปนิดนึงนะคะ แต่คิดว่ามันเป็นประโยชน์กับพ่อแม่และลูก ๆ ทุกคนค่ะ ^--^
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้