เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
สเตปการเลือกสื่อ และการผสมผสานระหว่างการเล่นกับการเรียน
จากประสบการณ์ล้วนๆ ใครว่าการเลือกสื่อไม่สำคัญ เราเป็นผู้กำหนดว่าเราจะเปิดอะไรให้ลูกดูเวลาไหนช่วงวัยไหน อำนาจในการเลือกขึ้นอยู่กับเราแล้ว นึกภาพตอนที่เราไปร้านข้าวต้มเราต้องสั่งอะไรที่คนที่มาด้วยกันทานได้ เช่นกลุ่มนี้ทานเผ็ด ทานไม่เผ็ด ระหว่างนั้นมีเครื่องดื่มอะไร ทานเป็นข้าวสวยหรือข้าวต้ม เราก็สั่งกับข้าวมาให้ตรงกับความเหมาะสมของแต่ละสถานการณ์ เป็นต้น นึกออกนะครับ มาดูสเตปการเลือกสื่อ และการผสมผสานระหว่างการเล่นกับการเรียน คืออะไร เพราะเรื่องเลี้ยงลูกไม่เหมือนกับเลี้ยงหมูป่าที่ปล่อยให้มันหากินเอง เราต้องมอบสิ่งดีๆให้เค้า แต่ลูกไม่รู้หรอกว่าเค้าต้องการอะไรช่วงไหน เรามาทำความเข้าใจกับองค์ประกอบกันก่อน ว่ามีองค์ประกอบหรืออุปกรณ์อะไรบ้าง อย่างแรกก็แน่ล่ะคือ ตัวเด็กเอง, เวลาที่เหมาะสม, คุณพ่อคุณแม่, สื่อ(CD VCD DVD) และตัวกลางที่เชื่อมระหว่างเรากับสื่อ คือ
-ตัวเด็กพร้อม คือช่วงวัยใดที่พร้อมสำหรับสื่ออะไร (ต่อไปจะไม่พูดคำว่า สื่อ แล้ว มันรู้สึกวิชาการไป ขอพูดว่า VCD แทนแล้วกันนะครับ) มาดูกันเป็นข้อๆว่าเป็นอย่งไร
-เวลาที่เหมาะสม คือ ทุกเวลาเป็นเวลาที่เปิด VCD ได้ แต่จะเลือกหยิบอะไรมาใช้ เช่นตอนเด็กอารมณ์คึกๆ ก็เปิดที่เป็นเพลงประกอบ ตอนไม่สนใจอะไรก็เปิดรายการเบาๆ บทสนทนาอะไรก็ได้ไปเรื่อยๆ หรือภาพแบบธรรมชาติพร้อมดนตรีประกอบอย่าง Baby Einstein ตอนหลับก็เปิดเพลงเบาๆห่างๆ เป็นต้น หรือแม้กระทั้งเวลาเดินทางอยู่ในรถด้วยกัน ก็เปิด CD mp3 ได้ คือกะจะกรอกหูกันตลอดเลยว่างั้นเหอะ(แต่ต้องพึงระลึกเสมอว่าการกระทำทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความสนุกสนาน)
-คุณพ่อคุณแม่ หมายถึง การนั่งอยู่กับลูก คือผู้ที่อยู่กับเด็กไม่ว่าจะเป็นใคร ปู่ย่าตายายพี่ป้าน้าอา หรือแม้กระทั่งพี่เลี้ยง การอยู่ด้วยกันกับเขาในช่วงเวลานั้นเป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้เราจะไม่สามารถอยู่กับเขาได้ตลอดแต่เราต้องอธิบายให้คนในครอบครัวเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ วิธีสร้างแรงกระตุ้น ดึงความสนใจ และวิธีการสร้างความสนุกสนานในการเรียนรู้
-VCD ที่เราเลือกมาแล้วว่าใช่ และต้องใช้ให้ถูกที่ ถูกวัย ถูกเวลา ตัวนี้มันคือสเตปการเลือกป้อนอาหารสมองให้เด็ก อันนี้จากประสบการณ์สอนว่า อย่าสะเปะสะปะ (แต่ถึงสะเปะสะปะมันก็มีประโยชน์อยู่บ้างอ่ะนะ) เพราะจะทำให้เราได้รับประสิทธิภาพจากมันไม่เต็มที่ และเด็กอาจรู้สึกเบื่อ ถ้าเลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือต่อต้าน ซึ่งเราต้องไม่ให้มันเกิด ส่วนเรื่องจะเลือก CD VCD DVD เรื่องอะไรเมื่อไหร่นั้นเดี๋ยวค่อยมาว่ากันครับ แต่มีข้อพึงระลึกเสมอว่า อะไรที่มันเยอะไป มันจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ และสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ อันนี้พูดเลย เพราะเป็นบทเรียนที่เจอมากับตัวเอง ด้วยความรักความเอาใจใส่ที่เวอร์ไปหน่อย เห็นอะไรก็อยากได้ สั่งซื้อตะบี้ตะบัน สุดท้ายเอาออกมาใช้ไม่ทัน ก็ไม่เกิดประโยชน์ สู้นิทานเล่มเล็กๆแต่อ่านทุกวันก่อนนอนก็ไม่ได้ พอถึงตอนนี้ครอบครัวของเรามีลูกคนเล็ก-น้องเนรัญ 11 เดือน ผมตั้งใจว่าจะจัดลำดับสเตปการสอนแบบที่เรียกว่าเอาประสบการณ์มาเป็นครูกันเลยล่ะครับ
และสุดท้ายคือ ตัวกลางระหว่างเรากับ VCD หรือจะเรียกว่าตัวกลางระหว่างเรากับการ์ตูนเรื่องนี้ๆ ก็ได้ อันนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญ มันเป็นตัวสร้าง story สร้างความสนุก สร้างความสัมพันธ์ เชื่อมทุกอย่างให้เข้ากัน ตัวกลางที่ว่านี้ก็คือจะเป็นอะไรก็ได้ที่เด็กสามารถจับต้องได้และเป็นเจ้าของได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของเล่นตุ๊กตา โมเดล หนังสือ เสื้อผ้า ของใช้ เป็นต้น อันนี้จะต้องใช้งบประมาณเพิ่มนิดหน่อย แต่มันจะเป็นไปด้วยความเป็นเหตุเป็นผลในการซื้อของเล่น และกลายเป็นความประหยัดไปโดยไม่รู้ตัว ยกตัวอย่างเช่นน้องเนลโลเดินเข้าไปในร้านขายของเล่น เขาจะเข้าไปมุ่งมองหาในสิ่งที่เขาสนใจเท่านั้น สายตาจะจับจ้องมองหาแต่รถไฟ หรือไดโนเสาร์ แล้วแต่ยุคฟีเวอร์ของเด็ก มองอีกมุมหนึ่งก็เป็นการตีกรอบของเล่นให้แคบลงมา ตัวเลือกก็น้อยลง ของเล่นชิ้นอื่นที่รอล่อตาล่อใจอยู่ก็หมดความหมายไป 555 แต่หลักใหญ่ใจความก็คือ ไม่ว่าจะเป็นของเล่นหนังสือเสื้อผ้า มันจะพาเรากับเด็กเชื่อมเข้ากับสื่อหรือ VCD เรื่องนั้นๆได้ดี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเกิดประโยชน์อย่างมากในการเชื่อมความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็นความทรงจำที่วิเศษให้กับลูก และยังมีตัวกลางอีกประเภทที่เด็กไม่สามารถจับต้องได้และไม่สามารถเป็นเจ้าของได้ เช่น สถานที่ เหตุการณ์ งานต่างๆ หรือแม้แต่การชักชวนสนทนา-การพูดถึงเมื่อขับรถผ่านไปเจออะไรแล้วเราก็ดึงเชื่อมโยงไปยังการ์ตูนที่เคยดูด้วยกันใน VCD เช่น ขับรถผ่านสถานีรถไฟก็อาจจะชวนคุยว่า “Hey Nello Look! That one look very like Thomas!” เป็นต้น แต่กรณีหลังนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลูกมากกว่านะที่เป็นคนเริ่มชวนคุย เชื่อผมเหอะว่าเราตามเด็กไม่ทันแน่ เราต้องทำการบ้านให้ทันเด็ก 555
อะ มาถึงเรื่องที่อยากแชร์แล้ว คือ VCD ที่ใช้มีเรื่องอะไรบ้าง? สำหรับที่บ้านเราเคยใช้และก็จะใช้สำหรับลูกคนที่สอง เรียงตามอายุเลยนะครับ 0-1 เปิด Baby Einstein และ Baby Signing time หลังจากนั้นค่อยลดๆ Baby Einstein ลง แล้วเปิดเน้น Baby Signing time ต่อไปจนถึงประมาณ 2 ขวบ เพราะเป็นช่วงที่เขากำลังเก็บคลังศัพท์แห่งการสื่อสาร Baby Signing time จึงจำเป็นมาก ยิ่งสำหรับครอบครัวเราซึ่งภาษาอังกฤษอยู่ในระดับแย่ๆ ยิ่งจำเป็น 555 ช่วงอายุ 1 ขวบ ให้เริ่มเสริมจังหวะด้วย Zippy and me และ Barny แต่ให้เน้น Zippy and me แล้วค่อยๆเสริม Gogo ‘s Adventure with English เพราะ Gogo ค่อนข้างทำให้เด็กเบื่อง่ายสำหรับในช่วงวัยนี้ แต่ก็ยังมีความจำเป็นเพราะ Gogo มีบทสนทนาพื้นฐานที่จำเป็นและการนำเสนอค่อนข้างน่ารัก แต่ก็นะ เด็กวัยนี้ต้องการจังหวะและความสนุกเพื่อดึงดูดความสนใจ แล้วต่อด้วย Caillou กับ Kipper the dog สองเรื่องนี้เริ่มได้ตั้งแต่ขวบครึ่ง แต่เด็กจะสนใจจริงๆ ประมาณ 2 ขวบ ซึ่งอายุ 2 ขวบ เด็กจะสนใจหลายอย่าง เราสามารถเปิดได้หลายอย่างสลับกันไปมาเช่น The Land Before Time และ Thomas and Friends แต่ยังให้เน้น Caillou กับ Kipper the dog และพอเด็กอายุ 2 ขวบครึ่ง เราจะเจอปัญหาการนำเสนอที่ขัดแย้งกับลูกบ้าง แต่ก็ต้องพยายามสร้างความสนุกและหาตัวช่วยเพื่อเปิด Caillou ให้มากๆ โดยที่บ้านจะใช้วิธีเลือกตอนที่น่าสนใจมาประมาณ 15 ตอน แล้วเปิดซ้ำไปซ้ำมา คือสอนทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งลูกว่างั้นเหอะ พออายุ 3 ขวบ นี่เลยเรื่อง The Land Before Time และ Thomas and Friends จะเหมาะมาก ตามด้วย Magic School Bus และ Super Why ตามลำดับนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องของระดับความยากขึ้นของสำเนียงและช่วงวัยด้วย คือเรื่อง The Land Before Time ค่อนข้างจะฟังง่ายกว่า Thomas and Friends ส่วน Magic School Bus จะพูดรัวและเร็วขึ้นและต้องอาศัยจินตนาการมากขึ้น และ Super Why จะเป็นการเริ่มเรียนการอ่านด้วยครับ
แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบ้านแต่ละครอบครัวนะครับ เช่นถ้าครอบครัวไหนที่ชอบกิจกรรมเข้าจังหวะ ก็เน้นไปทางร้องและเต้น ถ้าครอบครัวไหนไม่เน้นเต้นมากก็เต้นน้อยหน่อย ที่เอามาแชร์ก็เพราะอยากแบ่งปันโดยหวังว่าจะเป็นการนำบทเรียนการลองผิดลองถูกของตัวเอง มาทำให้เกิดประโยชน์กับพ่อแม่ท่านอื่นๆ เพราะนึกถึงตอนสมัยที่เข้ามาสมัครสมาชิกที่นี่ใหม่ๆ เมื่อเดือน ธันวาคม ปี 53 ตอนนั้นน้องเนลโล อายุ 1 ขวบ 1 เดือน ผมก็เคยได้รับการแนะนำจากสมาชิกที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นอย่างดี ถ้าไม่มีทุกท่านที่นี่ในวันนั้นโครงการสร้างเด็กสองภาษาเสมือนของครอบครัวเราก็คงมาไม่ถึงวันนี้ อ่ะ ลองดูนะครับ หรือคุณพ่อคุณแม่ท่านใดมีเรื่องอื่นที่คิดว่าดีๆ ก็ช่วยกันนำเสนอ แนะนำและแบ่งปันกันนะครับ
0-2 ขวบ
Baby Einstein
Baby Signing time
1-2 ขวบ
Zippy and me
Gogo ‘s Adventure with English
Barny
1-3 ขวบ
Caillou
Kipper the dog
Peppa Pig
2-4 ขวบ
The Land Before Time
Thomas and Friends
Magic School Bus
Super Why
สุดท้ายขอขอบคุณ ผู้ใหญ่บิ๊ก และคำแนะนำดีดีจาก คุณแม่หน่อย ruangrong wiphaka (แม่น้อง punchy & mache) คุณแม่น้อง Famey Flukey และคุณพ่อคุณแม่ในหมู่บ้านเด็ก2ภาษาแห่งนี้ที่แบ่งปันความรู้ภาษาอังกฤษ ห้องอังกฤษคลับ และคุณพ่อคุณแม่ที่แบ่งปันกำลังใจทุกท่านทุกคนครับ
อย่าลืมว่าทุกบทเรียนเราต้องเติมความสนุกเข้าไป
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่าน สู้ๆนะครับ/นะคะ
แม่หนิกพ่อเติ้ลพี่เนลโลน้องเนรัญ
หาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเรื่องนี้ได้จาก
https://www.facebook.com/Famey.Flukey.Famous
https://go2pasa.ning.com/profiles/blog/list?user=328j0z12nzzws
Comment
ขออนุญาตติดตามค่ะ รู้สึกมีประโยชน์มากเลยสำหรับการเริ่มต้น ขอบคุณนะคะ ^^
ขอยกตัวอย่างนะคะ อย่าง Ben ten หรือ angry bird ฯลฯ ก็เป็นของเล่นที่ล่อตาล่อใจเด็กๆ ใช่มั๊ยคะ แต่จะไม่ได้รับความสนใจสำหรับน้องเนลโล เหตุเพราะของเหล่านั้นไม่มีส่วนเชื่อมโยงเข้ากับยุคนั้นๆของเขาค่ะ จึงทึกทักเอาเองว่ามันก็ทำให้ประหยัดในส่วนนี้ไปได้นะ อิอิ
ลูกสาวชอบ DORA The Explorer ได้สถานที่หลายๆ แห่ง เช่น Mountain, Bridge, Castle, Forest เอามาประกอบเรื่ืองเล่าสนุกสนานเชียว
ขอเสริมเรื่องความเชื่อมโยงเค้า ก้บการ์ตูน ที่ชอบ ว่าเป็นเรื่องดีจริงๆ
เค้าจะสอดส่ายสายตาหาสิ่งที่อาจเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่อง หรือตอนนั้นๆ
แล้วก็จะพูดได้เป็นเรื่องเป็นราว เป็นตุเป็นตะ แล้วยิ่งถ้าเราได้ดูตอนนั้นๆ ด้วยแล้ว ก็จะเข้าใจสิ่งที่เค้าพูด สิ่งที่เค้าสนใจได้ดีขึ้น ที่นี้ก็จะสนุกกันใหญ่เลย
//แต่สำหรับเรื่องประหยัดงบซื้อของเล่นอันนี้ยังไม่ยืนยัน เพราะยังไม่อยู่ในวัยที่เลือกของเองได้ แต่เค้าก็แสดงความสนใจระดับนึง ต้องติดตามต่อไป ถ้าจำกัด+ประหยัดได้จริงๆ จะดีมากๆ เลย เพราะตอนนี้ของเล่นที่กลายเป็นขยะมีเป็นตระกร้าๆ แถมเค้าก็ไม่จดจ่อกับการทำกิจกรรม (เล่นของเล่น) คือจะรื้อ(เท) ทั้งตระกร้า แล้วเลือกของเล่นมาซักชิ้นนึง บางทีมองๆ ลังเลๆ แล้วก็ไม่เอาอะไรเลย ไปทางอื่นอีกล่ะ (เราก็ต้องลำบากตามเก็บ)
//อ้อ ดู DORA ได้ภาษาสเปนมาด้วยนะ บางทีพ่อแม่ก็งง มองหน้ากันว่าลูกพูดอะไร??
พ่อเติ้ลลืม Mickey mouse club house ไปได้ไง เรื่องนี้ขอจัดระดับช่วงวัยและความยากให้อยู่ระดับเดียวกับ Magic School Bus นะคะ
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้