โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ |
2 เมษายน 2553 07:35 น. |
|
ภาพประกอบจากอิน เทอร์เน็ต |
ผู้หญิงวัย 40+ เกือบทุกคน ล้วนมีภาระหน้าอันหนักอึ้ง ทั้งการเลี้ยงลูก ทำงาน และเป็นภรรยาที่แสนดีของสามี จนหลายครั้ง กลายเป็นความเครียดสะสม ส่งผลต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิตให้เสื่อมโทรมไปตามๆ กัน เพราะเป็นวัยที่จะต้องพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน โดยเฉพาะอารมณ์ และฮอร์โมน เมื่อเป็นเช่นนี้ ปัญหาแก่ก่อนวัย รวมไปถึงความอ้วน คือศัตรูตัวฉกาจของผู้หญิงในวัยนี้เลยก็ว่าได้
เพื่อให้รู้จักวิธีการดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย และการกินอย่างถูกต้อง ทีมงาน Life and Family
มีเคล็ดลับที่น่าสนใจจากงาน "Aging Slimming" ค้นพบเคล็ดลับสาว 40+ กินอย่างไรไม่อ้วนไม่แก่" จัดโดย Rakluke Women เก็บมาฝากกัน
"นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร"
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวช และผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลนครธน กล่าวถึงผู้หญิงวัย 40+ ว่า เมื่ออายุเพิ่มขึ้น
ระดับของการเผาผลาญอาหารจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย ดังนั้นความอ้วนเป็นปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นตามมา รวมไปถึงความแก่ ซึ่งหลายคนเชื่อว่า ความแก่ขึ้นอยู่กับอายุที่เป็นตัวเลข แต่ในความจริงแล้ว อายุไม่ได้หมายถึงตัวเลขเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายรวมไปถึงอายุตามหลักชีววิทยา ซึ่งเป็นอายุตามฟังก์ชั่นของการทำงานในร่างกาย เช่น หัวใจ กระดูก หรือฮอร์โมนต่างๆ และอายุทางจิตวิทยา โดยเฉพาะอายุอย่างหลัง ควรจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะเป็นจุดศูนย์กลางที่ทำให้เกิดความเครียดต่างๆ ตามมา
"ฉะนั้น ผู้หญิงวัย 40+ ทุกคน ต้องยืดยก ตัวตรงหน้าเชิด จากนั้นใช้ความคิด ความรู้สึก และบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่า "เราหนุ่มสาว เราไม่แก่ เราไม่แก่" ตรงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ช่วยให้การดูแลตัวเองมีมากขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้ายิ่งไปกลุ้ม หรือกังวลกับอายุที่เป็นเพียงตัวเลข อาจบั่นทอนจิตใจให้หดหู่ลงได้" คุณหมอให้คำแนะนำ
ออกกำลังกายถูกหลัก สุขภาพดี-น้ำหนักลด
กับรูปร่างที่เปลี่ยนไปของหญิงวัย 40+ โดยเฉพาะน้ำหนัก เชื่อว่าหลายคนมักเกิดคำถามกับตัวเองว่า "ออกกำลังกายก็แล้ว อะไรก็แล้ว แต่ทำไมยังไม่ลดสักที" กับเรื่องนี้
"นพ.นฤพงษ์ ตินติภิรมย์สิน" แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู
โรงพยาบาลนครธน อธิบายว่า
"การออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักที่ใช้ได้ผลคือ การออกกำลังแบบแอโรบิคยาวนานต่อเนื่อง และจากผลวิจัยเกี่ยวกับการลดน้ำหนักที่ดีมีส่วนสัมพันธ์กับระยะเวลาในการออก กำลังกายด้วย นั่นหมายความว่า การออกกำลังกายแต่ละครั้ง อย่างน้อยควรจะใช้ระยะเวลา 40-50 นาที หรือ 5 วันต่อสัปดาห์ หรือแบ่งเวลาเป็น 20-30 นาที เช้ากับเย็น""ทำไมออกกำลังกายแล้วน้ำหนักไม่ลดลง น่าจะเป็นไปได้จากหลายปัจจัย เช่น การออกกำลังกายบางชนิดทำให้กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น อย่างที่สอง คนอ้วน หรือผู้ที่ออกกำลังกายใหม่ๆ การออกกำลังกายจะกระตุ้นในเรื่องของการอยากอาหาร รวมทั้งการออกกำลังกายหนักๆ นอกจากจะทำให้หิวเร็วแล้ว ยังส่งผลลบต่อจิตใจให้หดหู่อีกด้วย"
เพราะฉะนั้น
"การออกกำลังให้ได้ผล" ขึ้นอยู่กับการออกกำลังที่ต่อเนื่องและแบ่งเป็นสถานี เช่น สถานีนี้เดิน
ปั่นจักรยาน ดึงกรรเชียง แต่ถึงอย่างไร การออกกำลังกายไม่ใช่เพื่อลดน้ำหนักอย่างเดียว แต่ควรจะเน้นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพด้วย เพราะเมื่อคนเราอายุมากขึ้น มวลกล้ามเนื้อจะลดลง 7 เปอร์เซ็นต์ในทุกๆ ปี ส่งผลให้กิจกรรมที่เคยทำได้ ก็จะลดลงตามไปด้วย ดังนั้นต้องออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง จะช่วยให้กล้ามเนื้อ และการเผาผลาญคงที่ไม่เสื่อมไปตามวัย
นักโภชนาการ-ดาราไขรหัส สุขภาพดี ไม่อ้วนไม่แก่!
ในประเด็นนี้
"เสน่ห์ลดา นาคชำนาญ" ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เผยเคล็ดลดน้ำหนักจากประสบการณ์ว่า
เมื่อก่อนน้ำหนักสูงมาก จนตอนนี้ลดลงไปได้ 15 กก.แล้ว เพราะมีการกำหนดเป้าหมายอย่างจริงจัง และกำหนดเวลาที่ชัดเจน ด้วยการคำนวณพลังงานจากสัดส่วนของอาหารแต่ละชนิด และมีการแลกเปลี่ยนเมนูอาหาร เช่น ถ้ามื้อกลางวันกินเค้ก 1 ชิ้น มื้อเย็นควรจะทานผัก หรือผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อยแทนเมนูของหวาน หรือเมนูบางอย่างก็สามารถใช้เครื่องปรุงอย่างอื่นแทนได้ เช่น การเลือกใช้น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ การใช้ธัญพืช แทนน้ำกะทิ
|
|
(ซ้าย) นพ.นฤพงษ์ ตินติภิรมย์สิน (ขวา) นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร (ล่าง)ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ
|
|
"นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเต้าหู้ หรือน้ำเต้าหู้ ตรงนี้จัดอยู่ในกลุ่มของโปรตีน และเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง ตัวดิฉันเอง กินน้ำเต้าหู้ทุกเย็น วันละ 1 แก้ว ช่วยลดน้ำหนักได้ดีทีเดียว และที่สำคัญดิฉันหมดประจำเดือนมานานมากแล้ว ดังนั้น ถั่วเหลืองจะช่วยทดแทนฮอร์โมนเอสโทรเจนที่ขาดหายไปด้วยอย่างไรก็ดี ดูแลเรื่องการกินอย่างเดียวไม่พอ ต้องออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ซึ่งเธอจะใช้วิธีเดินเร็วตอนเช้าประมาณ 45 นาทีต่อวัน
ช่วยให้น้ำหนักลดแถมมีสุขภาพยังดีขึ้นด้วย"
ด้าน "นก-ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ" พิธีกรและนักแสดงผู้รักสุขภาพ ที่เมื่อก่อนเธอมีน้ำหนักถึง 75 กก. แต่เมื่อวันหนึ่งเธอบอกกับตัวเองว่า ต้องลุกขึ้นมาลดน้ำหนักอย่างจริงจัง โดยใช้หลัก 3 อ.คือ กินอาหารอย่างสมดุล ดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำอารมณ์ให้มีความสุขอยู่ตลอด ไม่เครียด หรือกดดันมากจนเกินไป รวมไปถึงนอนให้เร็วตื่นให้เช้า เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ไม่หิวเร็ว
สำหรับวิธีการออกกำลังเพื่อสุขภาพ และลดน้ำหนัก เธอแนะนำว่า การเดินเร็วช่วยชีวิตเธอได้มาก โดยจะเดินจูงสุนัขออกกำลังกายรอบหมู่บ้านเป็นประจำซึ่งถ้าเทียบกับการฟัง
เพลงในไอพอต จะเดินประมาณ 16 เพลงต่อวัน ขณะเดียวกัน เวลาที่นั่งใช้งานคอมพิวเตอร์ เธอจะไม่นั่งเฉยๆ แต่จะเขย่าขาเพื่อสร้างการเผาผลาญไปด้วย หรือเวลาคุยโทรศัพท์จะเดินคุยไปมา ไม่นั่งอยู่กับที่
อย่างไรก็ตาม เธอยอมรับว่า เมื่อก่อน เธอเคยใช้วิธีลัดด้วยการกินยาลดความอ้วน ซึ่งเรื่องนี้ เธอเล่าว่า "ตอนนั้นมีประสบการณ์น้อย แถมโง่เขลา เพราะวิธีลัดดังกล่าว ส่งผลระยะยาว ใช้แล้วเกิดอาการติดยา เลิกกินก็กลับมาอ้วนอีก จนผ่านไป 3 ปี ถึงเลิก
เพราะคุณหมอบอกว่า ความแรงของยาในตัวอยู่ในระดับ 6 ซึ่งถ้าขืนกินยาต่อไป จะส่งผลร้ายตามมาได้ เนื่องจากเริ่มมีอาการเล็บเปราะ ผมร่วง และถ้าไม่ทำผม หรือแต่งหน้า เหมือนผีเลยค่ะ" เธอเล่าถึงผลข้างเคียงจากการใช้ยาลดความอ้วน
เห็นได้ว่า ถ้ารู้จักวิธีการกิน และการออกกำลังกายที่เหมาะสม แน่นอนว่า ศัตรูตัวฉกาจอย่าง "ความอ้วน" และ "ความแก่" จะไม่เข้ามากล้ำกลายคุณผู้หญิงวัย 40+ แน่นอน ที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยต่างๆ ได้อีกด้วย
|