เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

รบกวนแปลและสอนเรื่อง tense หน่อยค่ะ

1. อย่ากัดช้อน
2. ระวัง ปากจะกระแทกกับพื้น
3. ระวังล้ม
4. แม่รู้ว่าหนูคัน หนูเกา จะเป็นแผล และเจ็บ
5. คอหนูเป็นผื่นแดง ทายาก่อน
6. ล้างไม่สะอาด ทำให้จุ๋มจิ้มแดง
7. ยิ้มสวยๆ
8. แม่กำลังตากผ้า
9. อ้อน
10. หนูไม่มั่นใจหรือค่ะ
11.

ขอหลักง่ายนการใช้ tents หน่อยค่ะ งงการใช้

1. V1 หลักการใช้ V to be / do /have อ่านเยอะจนงงไปหมดค่ะ ขอหลักจำง่ายๆ

2. อดีต ใช้ในสถาณการณ์แบบไหน ตัวอย่างที่อ้างอิงด้านล่างนี้ ไม่เข้าใจนะค่ะ
2.1. เน้น "กำลัง" - ใช้ verb 2 (I was eating apple) ต่างกันอย่างไรกับ Past simple

3. อนาคต เน้น
3.1. "กำลัง" - ใช้ will + Verb 1 (I will be eating apple) ใช้ will ต้องตามด้วย be ตลอดหรือไม่ค่ะ + Ving
3.2. "เพิ่งจะ" - ใช้ will + Verb 1 (I will have eaten apple) ต่างอย่างไรกับ
อดีต "เพิ่งจะ" - ใช้ verb 2 (I had eaten apple)

4. Already โดยปกติวางตรงกลางประโยชน์หรือท้ายประโยคค่ะ

5. ตกม้าตาย เกี่ยวกับ adj / adv
Adj + N / Adv + V ใช่ไหมค่ะ


ขอบคุณค่ะ

Views: 807

Replies to This Discussion

555 อ่านเยอะ งงเหมือนกันเลยค่ะ รอฟังคำตอบเหมือนกัน

ขออนุญาติลองตอบหน่อย-ผิดถูกยังไงให้คุณครูมาแก้อีกที

1. S + V1 + (คำนาม) / คำนามมีก็ได้มีไม่มีก็ได้แล้วแต่ชนิดของกริยา

พูดถึงเรื่องที่ทำประจำหรือเกิดประจำ เช่น พวกเขากินข้าว(ทุกวัน) they eat rice.

- ถ้าพูดปฏิเสธ ต้องเติม not หลังกริยา แต่ "rice not" ไม่มีใครเขาใช้กัน ก็เลยต้องมีกริยาพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยก็คือ "do"

จะกลายเป็น they do not eat rice. พวกเขาไม่ได้กินข้าว(ทุกวัน)

-ถ้าตั้งคำถามใช่ไหม ก็ต้องทำการสลับที่ระหว่าง S และ V1 แต่อย่ากระนั้นเลย "do" เขายังช่วยปฎิเสธเลย ตั้งคำถาม "do" ก็มาช่วยเหมือนเดิม

จะกลายเป็น do they eat rice . พวกเขากินข้าวหรือยัง

1.1กรณี V to be ตัวนี้เขาทำหน้าที่ได้หลายอย่างมาก

-คือเขาทำหน้าที่เป็น V1 ก็จะแปลว่า เป็น,อยู่,คือ(อันนี้คงรู้แล้ว) ก็ใช้แบบเดียวกับข้อ 1 แต่เนื่องจาก V to be เขาเก่ง เวลาจะทำเป็น

ปฎิเสธหรือคำถามก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพระเอก"do" มาช่วย

-ทำหน้าช่วยบอกลักษณะต่าง S + V to be + adj เช่น I am stupid.ผมโง่

-ทำหน้าที่ช่วย V ที่มี ing # อันนี้ต้องบอกนิดนึงว่าเมืองนอกเวลาเขามีน้อย แปปเดียวก็มืดล่ะ เวลาจึงสำคัญมากสำหรับเขา

รูปประโยค S + V to be + V ing

ที่ต้องมี V to be ก็เพียงจะบอกว่า เรื่องที่พูดนี้ เป็น อดีต หรือ ปัจจุบันเท่านั้น ก็เท่านั้น

-ทำหน้าที่ว่าประธานถูกกระทำ

รูปประโยค S + V to be + V3 เช่น rice is eaten.ข้าวถูกกิน

V to be มันอะไรได้อีกเยอะ ผมก็จำได้ไม่หมด ให้ครู มาบอกดีกว่า

เอาจำง่ายๆว่า

   อดีตยิ่งกว่า        |             อดีต                    |                       ปัจจุบัน                      |                      อาคต           |

   S + had + V3              S + V2                                           S + V1                                        S + will + V1

                           <----------------------- S + have + V3   --------------------------------->

                           <------------------------------------------S + have + been + Ving----------------------------------------> 

เป็นไวยากรณ์ ที่เจอบ่อยๆ ใช้บ่อยๆ ส่วนตัวอื่นค่อยว่ากันอีกทีละกัน

 

จากรูปประโยคด้านบน

จะสามารถนำ V ing มาต่อท้ายเพื่อให้เห็นภาพถึงการกระทำ ที่มักแปลกันว่า "กำลังจะ" โดยมีกติกาว่า

ต้องพาเพื่อน "V to be" ด้วย เช่น [ S + V1 ] มาเจอกับ [ V to be + V ing ] ===> [ S + is/am/are + V ing ]

ก็คืออันเดียวกับหัวข้อ 1.1 นั้นเอง

รวมถึง [ V to be + V3 ] เอาซ้อนอีกชั้นก็ยังไหว

แต่ผมว่าประโยคที่ซ้อนกันหลายๆชั้น คงไม่ค่อยได้ใช้กันเท่าไร ยกเว้นใน ตำราเรียน

หมายเหตุ

S + had + V3 รูปอดีตยิ่งกว่า ต้องมีรูปอดีตก่อน ถึงจะมีรูปอดีตยิ่งกว่า มาเสริมความเป็นอดีตได้

V to have

อันนี้ก็จะใช้ในลักษณะ S + V1 ได้ดังข้อ 1. ข้างบน โดยมีความหมายว่า "มี,กิน"

เช่น I have breakfast. เรากินเมื้อเช้า (กินทุกวัน)

ใช้เพื่อทำ perfect tense รูปประโยค S + V to have + V3 อันนี้ก็ตามไวยากรณ์ข้างบน

แล้วก็ใช้แบบ S + V to have + to + infinitive(กริยาไม่เปลี่ยนรูป)

โดยจะมีความหมายว่า "จำเป็นต้อง" คือประมาณว่าเหตุการณ์ นั้นต้องเกิดขึ้นแน่นอน

ความหมายคล้ายๆกับ must นะครับ

หมายเหตุ

infinitive (กริยาไม่เปลี่ยนรูป) ส่วนใหญ่จะหมายถึง V1 ยกเว้น is,am,are เพราะรูปจริงของเขาที่ยังไม่ผันตามประธาน ก็คือ "be" เท่านั้น เป็นเหตุผลว่าทำไมข้อ 3.1 ต้อง "be" เท่านั้น

2.1

I was eating an apple.หลับตานึกภาพ ตัวเองกำลังเคี้ยวแอปเปิ้ลงับ เมื่อก่อนนี้ สักช่วงหนึ่ง

I ate an apple.ฉันกินแอปเปิ้ล เมื่อก่อนนี้ แต่ไม่รู้กินอย่างไร รู้แค่ว่ากิน

จุดแตกต่างคือ

past cont. พูดถึงช่วงเวลา ช่วงหนึ่งที่ทำอย่างนั้น นึกภาพออกว่า กำลังทำ

past simple พูดถึง ณ เวลาในอดีต แค่รู้ว่าทำแต่นึกภาพไม่ออกว่าทำอย่างไร

5.ก็ตามนั้นนะครับ

แต่ในบางกรณี Adv + N ได้เช่นกัน

 

                

3.1 ถูกต้องแล้วครับ

3.2 I will have eaten an apple.ประมาณว่า ในอนาคต ฉันจะได้กินแอปเปิ้ล

(มั่นใจว่าได้กินแน่ และยังไงก็ต้องกินหมดลูกด้วย อีกทั้งระบุได้ว่าจะต้องเริ่มกินเมื่อไหร่) -- อะไรประมาณเนี่ย

I had eaten an apple. อันนี้เรื่องของอดีตยิ่งกว่า(อดีตของอดีต)

ดูคำอธิบายด้านบนในหัวข้อ 1.1

1. don'bite the spoon

2. be careful your mouth might hit the floor.

3. be careful you're gonna fall down.

4. I know it itches but don' scratch it . you will be hurt.

5. your neck rash is getting worse. Let's put some oinment on it.

6.

7.

8. I'm hanging  out the washing

 

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service