เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ระบบการศึกษาไต้หวัน (แบ่งปันจากเหล่าซือหน่อยคะ ลูกศิษย์ขอ เหล่าซือจัดให้)

ระบบการศึกษาของไต้หวัน (ข้อมูลคร่าว ๆ นะคะ เพราะไม่ได้อยู่แวดวงการศึกษา มองจากมุมกว้างค่ะ)

ระบบการศึกษาคล้าย ๆ ที่ไทยค่ะ คือ อนุบาล 3 ปี->ประถมศึกษา 6 ปี->มัธยาต้น 3 ปี->มัธยมปลาย 3 ปี, สายอาชีพ 5 ปี-> มหาวิทยาลัย จะเปรียบเทียบระดับอนุบาลนะคะ โดยทั่วไปจะแบ่งดังนี้ค่ะ

รัฐบาล อาจจะเหมือนอนุบาลบ้านเราค่ะ จะรับเด็กได้ไม่มากเท่าไหร่

เอกชน ตอนนี้เหม่ เหม๋ กับ ติ ติ๋ เรียนอยู่ตรงนี้ค่ะ เป็นโรงเรียนเตรียมความพร้อมค่ะ เน้นให้เด็กอยู่ร่วมกันในสังคม กิจกรรมเยอะ คุณครูสอนดีมากค่อนข้างมีระเบียบวินัย โดยรวมคิดว่าโอเค ไม่น้อยไม่มากเกินไป
(ตอนแรกจะให้ลูกเรียน 2 ภาษาค่ะ แต่ตอนไปดูโรงเรียนลูกไปด้วยแล้ว เค้าชอบที่เรียนที่นี่มากกว่า ก็เลยให้เรียนที่นี ลูกเรียนเสริมเยอะค่ะ แต่ไม่ใช่วิชาการ เป็นนันทนาการมากกว่า)

เอกชน 2 ภาษา ตอนนี้เยอะมาก และเป็นที่นิยมในไต้หวัน

อินเตอร์ แต่เห็นเคยเห็นคุณครูพาเด็ก ๆ ไปเล่นที่พาร์ค เด็ก ๆ เก่ง ๆ ทั้งนั้น เรียนหนักค่ะ ลูกเพื่อนเรียนพิเศษภาษาอังกฤษทุกวัน(อนุบาล)

อ่านข่าวเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะว่าตอนนี้ที่ไต้หวันพ่อแม่ผู้ปกครองให้เด็กเข้าเรียนพิเศษภาษาอังกฤษมาก ๆ และสถาบันก็ผุดขึ้นมามากค่ะ แต่ทางรัฐบาลอาจจะออกกฏหมายห้ามรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบเข้าเรียนพิเศษค่ะ เพราะว่ายังเด็กไป

ปล. ไม่มีความคิดเห็นนะคะเกี่ยวกับเรื่องการเรียนเพราะผู้ปกครองทุกคน ต่างหวังดีแก่ลูกหลาน และแต่ละคนมีเป้าหมายในการเดิ้นทางไม่เหมือนกัน ความคิดก็ไม่เหมือนกันค่ะ

การเรียนที่ไต้หวันเป็นการเรียนที่แข่งขันกันมากค่ะ เห็นแล้วเครียดแทน ระดับมัธยมต้นถ้าช่วงสอบกลับบ้าน 3-4 ทุ่มค่ะ พ่อแม่ต้องมารับหน้าโรงเรียน กินข้าวเย็นที่โรงเรียน (บ้านอยู่ตรงข้ามโรงเรียนมัธยมต้นค่ะ) เข้าเรียน 7.30 เลิก 3 ทุ่มกว่า เครียดมาก ๆ และต้องตื่นตัวตลอดเวลาเพราะสอบบ่อยมาก...

ที่นี่ภาษาจีนจะสอนแบบ zhuyin มีสอนท่องกลอนค่ะ สื่อการสอนดีมาก ไม่ทราบคุณธีพออ่าน zhuyin หรือ ตัวเต็มได้หรือเปล่า ถ้าไม่คิดอะไรมาก จะเอาหนังสือของเหม่ เหม๋ กลับไปให้ดู (อักษรเป็นตัวเต็มไม่ได้เป็นตัวย่อ
เหมือนของ Mainland ถ้าไม่ได้ใช้บ่อย ๆแล้วการเรียนตัวเต็มอาจจะทำให้สับสนค่ะ)

การสอนแตกต่างกันค่ะ เห็นความแตกต่างได้ชัดเพราะช่วงกลับ ประเทศไทย ก็ส่งลูกเข้าเรียนอนุบาลที่ประเทศไทยด้วย อาจจะเป็นโรงเรียนที่ให้ลูกเรียนไม่ค่อยเน้นเรียนค่ะเลยทำให้ลูกมีทักษะ น้อยกว่าเพื่อน ๆ อายุรุ่นเดียวกัน แต่ก็ไม่ซีเรียสนะคะ ก็พยายามปรับให้อยู่ตรงกลางไม่มากไม่น้อยเกินไป แต่ยอมรับว่าอนุบาลที่ไทยสอนได้เยอะกว่าโรงเรียนที่ลูกเรียนค่ะ อย่างเช่น การท่องจำ ก-ฮ หรือ A-Z ที่นี่ก็ไม่ให้ท่อง การเขียนหนังสือก็เริ่ม
ให้เขียนตอนอนุบาล 3 ค่ะ (แต่ตัวเองแอบให้ลูกเขียนตั้งแต่ อ.1 แล้ว อิอิ) ที่แตกต่างอีกอย่างก็คือเด็ก ๆ จะมีภาวะทางอารมณ์ดีกว่าเพื่อน ๆ มาก รู้จักแบ่งปัน ไม่เกเร มีระเบียบ วินัย มีเหตุผลมากกว่า รู้จักการรอคอย ฯลฯ ต้อง
ให้เครดิตข้อนี้กับโรงเรียนที่ไต้หวันค่ะ


นี่จากประสบการณ์ตรงค่ะ แต่ทุกโรงเรียนจะมีหลักการสอนไม่ค่อยเหมือนกันค่ะ จริง ๆ แล้วหน่อยก็ค่อย ๆ ปรับค่ะ อันไหนเป็นข้อดีก็มาเสริม อันไหนเป็นข้อด้อยก็พยายามไม่ทำค่ะ ลบความเห็น

Views: 589

Replies to This Discussion

พอดีไ้ด้ขอความรู้จากเหล่าซือหน่อย เรื่องระบบการศึกษาของไต้หวัน จึงขอนำมาแบ่งปันให้เพื่อนได้รับทราบทั่วกันนะคะ คิดว่าจะเป็นประโยชน์ ที่แม่พ่อทั้งหลายสามารถนำเอามาปรับใช้กับเด็กๆ ที่บ้านได้

(ขออนุญาตเหล่าซือหน่อยนำมาลงนะคะ ไม่รออนุมัติตามเคย ถ้ามีเพิ่มเติมรบกวนแวะเข้ามาอีกนะคะ)
การเรียนพิเศษ หรือทำกิจกรรมเสริม โดยส่วนตัวคิดว่า ตราบใดที่ลูกๆ มีความสุขกับการเรียนรู้ แม่พ่อพร้อมในเรื่องการเอาใจใส่ เวลา ทุนทรัพย์ คิดว่าไม่เสียหายอะไร (โดยเฉพาะเรื่องการเอาใจใส่ และเวลา) แต่เท่าที่เคยสัมผัสจากที่ทำงานที่โรงเรียน มีเด็กบางคนมาบ่นให้ฟังว่า เบื่อ เหนื่อย อยากตื่นสาย ดูการ์ตูน เล่นกับเพื่อนแถวบ้าน เพราะต้องเรียนทุกวัน ยิ่งเสาร์อาทิตย์ ต้องเรียนพิเศษเสริมทั้งวิชาการ ศิลปะ ดนตรี รำไทย บัลเล่ต์ เป็นต้น เด็กและแม่พ่อต้องอยู่ในสภาพที่ถูกกดดันและการคาดหวังทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว

ตอนนี้กลายเป็นว่า สังคมเด็กถูกจำกัดอยู่แต่ในแวดวงโรงเรียน และสถาบันสอนพิเศษต่างๆ ขาดความกับเด็กๆ แถวบ้าน เพราะทุกคนไปเรียนในห้างกันหมด

แต่ชอบที่ทางไต้หวัน เน้นเรื่องการเข้าสังคม รู้จักแบ่งปัน ไม่เกเร เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ถือว่าสำคัญไม่แพ้วิชาการ หรืออาจจะมากกว่าอีกค่ะ

ถ้าคุยเรื่องโรงเรียน อยากเม้าส์มากค่ะ โดยเฉพาะพฤติกรรมแม่พ่อ ว่าไปแล้วยุ่งยาก ซับซ้อน คาดหวังเยอะกว่าเด็กๆ มากเลยค่ะ (ตอนทำงานโรงเรียน เอาแต่เม้าส์แตกเรื่องแม่พ่อเนี่ยแหละค่ะ เด็กๆ ไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่ผู้ปกครองนี่สิ ปัญหาแยะ น่าจะต้องมีโรงเรียนฝึกความเป็นแม่พ่อเหมือนกัน)
คุณธี คะ ยินดีที่ได้แบ่งปันประสบการณ์ค่ะ ....

เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถ้ามีโรงเรียนฝึกความเป็นแม่พ่อ จะส่งสามีเข้าเป็นนักเรียนรุ่นแรกเลยค่ะ อิอิ...
อยากให้ยอดขมองอิ่มเข้าด้วยเหมือนกัน ว่าแต่เค้าจะยอมเข้าหรือเปล่า ยังสงสัย จับพลัดจับพลูกลายเป็นเราเอง อิอิ
น่าเรียนจังเลยค่ะ อยากทราบว่าความเครียดและการแข่งขันระหว่างเด็กไทยกับไต้หวันต่างกันไหมคะ ดูๆไปแล้วที่ไหนจะเรียนหนักกว่ากันคะ

อย่างที่เหล่าซือหน่อยบอก.......การฝึกระเบียบเนี่ย ชอบมากๆเลยคะ โครงสร้างควรเริ่มตั้งแต่เด็ก

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ
เทียบหลักสูตรของทางรัฐบาล
คิดว่าระบบที่นี่จะเครียดและเรียนหนักกว่า คือแข่งขันกันทั้งระบบ ถ้ามัวช้าก็ไม่ทันคนอื่นค่ะ เข้าเรียน
ประมาณ 7.30เลิกปกติ 5.00(ช่วงสอบ 3-4 ทุ่ม)โรงเรียนจะติวให้ค่ะ มีเด็กบางกลุ่มที่ไม่เรียนค่ะ แต่
ต้องแน่ใจนะคะว่าจะตามเพื่อนทัน)เหมือนเป็นการบังคับไปในตัว เพราะเห็นนักเรียนส่วนใหญ่ก็เรียน
กันค่ะ เห็นอย่างนี้บางครั้งก็สงสารค่ะกลับบ้านดึกกว่าจะนอนก็ไม่รู้กี่โมง แถมยังต้องตื่นมาโรงเรียนแต่
เช้าอีก....
ส่วนวิชาที่สอนได้ดีที่นี่ก็คือ คณิตศาตร์ค่ะ วิชาอื่นคงหนีกันไม่มาก
ภาษาอังกฤษที่นี่ดีกว่าไทยไม่มาก ถ้าเป็นระบบของรัฐบาลก็จะต้องเรียนเสริมค่ะ
สถาบันเรียนพิเศษที่นี่มีมากค่ะ เรียนกันตั้งแต่อนุบาล-มหาวิทยาลัย
ประถม 1-2 รัฐบาล เลิกครึ่งวันค่ะ (บางบ้านผู้ปกครองไปทำงานหมด โรงเรียนพิเศษ ก็จะไปรับที่หน้า
โรงเรียนแล้วก็ต้องเรียนพิเศษไปโดยปริยาย)
แต่ละสถาบันจะติดป้ายเลยนะคะว่าติวที่นี่ เด็กชื่ออะไร โรงเรียนอะไร สอบได้วิชาอะไร กี่คะแนน
(ส่วนมากจะได้ 90-100 ทั้งนั้น)คิดแล้วก็เครียดค่ะ แข่งกันทำธุรกิจ ทำให้เด็กเป็นเหยื่อ ต้องมานั่งเรียนเพื่อสอบให้ได้คะแนนเยอะ ๆ

ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงเรียนที่มีคุณภาพเยอะมากค่ะ คิดว่าหลักสูตรของโรงเรียนเอกชนในไทย น่าจะดีมากนะคะ เพราะหลาน ๆ เรียนในไทย ก็โอเคค่ะ(หลักสูตรประถมก็ทำให้คุณแม่
ของหลาน ๆ อึ้งเหมือนกัน)อิอิ

ยอมรับนะคะว่าหลักสูตรสมัยนี้ยากกว่าสมัยก่อนที่เราเรียนมาก ดังนั้นจะต้องพยายามทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้ลูกได้เมื่อลูกมีปัญหา เหมือนเรียนใหม่อีกรอบค่ะ เดี๋ยวลูกถามตอบไม่ได้อายจัง...

ปล....(ความเห็นส่วนตัวค่ะ)สิ่งที่ได้รับจากระบบที่นี่ คิดว่าฝึกฝนจิตใจค่ะ ในความเห็นส่วนตัวเห็นว่ามองการเรียนเป็นการใช้ชีวิตและหน้าที่ค่ะ เพราะจะบอกลูกเสมอว่า ทุกคนเกิดมาต้องทำงานคุณพ่อก็ต้องไปทำงานแต่เช้า หนูก็ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนด้วย ห้ามอิดออด บางครั้งต้องมีเครียด และต้องอดทน ฟันฝ่าไปให้ได้ คิดว่าเมื่อถึงเวลาลูกต้องเรียนหนักจริง ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ก็จะพยายามอยู่ข้างเขาตลอดค่ะ
ฮาหลู ฮาหลู......ออนทัวร์พาลูกดูตัวไปทั่วเกาะสิงคโปร์ เข้ามาอีกครั้ง เพื่อนในห้องมีเพิ่มขึ้นเยอะเลย เรื่องน่ารู้ต่างๆมีเพียบ แบ่งปันกันแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งๆจริงๆเหนื่อยแสนเหนื่อยกับการดูแลลูกๆ (ยังไม่ลงรายละเอียด ดูแลสามี+บ้านช่อง คือตรงนี้หนึ่งไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ หุ หุ สามีดูแลตัวเองได้5555+) รู้สึกอบอุ่นเนาะ โลกไซเบอร์มันเป็นดาบ 2 คมไง หาเพื่อนในนี้ อย่้างน้อยหมดปัญหา หลอกลวงหรือพรากผู้เยาว์ เพราะสมาชิกในนี้เลยวัยผู้เยาว์มาเยอะ 5555+

จะว่าไปก็ไม่รู้ตัวเองดูแลลูกดีรึป่าว อยู่ที่นี่แทบไม่สนใจว่าลูกเรียนอะไรเลยค่ะ เรื่มรู้สึกแปลกเมื่อ ไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ลูกเรียน K 1 เหมือนกัน ลูกเขามีการบ้านทุกวัน ผู้ปกครองต้องเซ้นต์ชื่อในการบ้านลูกทุกวัน แต่หลิงๆ(หรือชื่อไทยคือน้องวีวี่ค่ะ)คนโตของหนึ่ง มีการบ้านอาทิตย์ละครั้งตอนวันศุกร์ แถมบางทีก็ศุกร์์เว้นศุกร์

ลูกคนอื่นมีเรียนโฟเนติก(สะกดถูกป่าว) เรียนจีน เรียนอังกฤษเยอะแยะเลย แต่หลิงๆ อยู่บ้านแกล้งน้องเป็นงานอดิเรก

แต่ก็เนาะ แล้วแต่มุมมองของพ่อ-แม่ ถามเขาแล้วทำไม ต้องอัดวิชาการลูกขนาดนั้น เขาบอกต้องเตรียมให้ลูกเข้าโรงเรียนดัง กลัวแข่งกับคนสิงคโปร์ไม่ได้ แล้วลูกเขาก็ใส่แว่นตาตั้งแต่อนุบาลเลย

แต่หนึ่งก็ว่า หนึ่งชอบสไตล์ของลูกตัวเองมากกว่า (ความรักลูกเข้าตา ลูกเราดีที่ซู๊ดดดด )หลิงๆ ภาษาอังกฤษ แม้ไม่เก่ง(เหมือนแม่แหะ แหะ) แต่ก็สื่อสารกับครูและเพื่อนๆได้ เนื่องจากสิ่งแวดล้อมทางภาษาพาไป ภาษาจีนไม่ต้องไปเรียนพิเศษเพื่มเติม เพราะที่บ้านคุยกันอยู่แล้ว ข้อเด่นของลูกเราที่ชนะเลิศ ดีกว่าเด็กสิงคโปร์แท้ๆคือลูกเราพูดไทยได้ 555+ และอารมณดีด้วยจากการขลุกอยู่กับคนที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ได้แกล้งน้องสำเร็จโดยที่แม่ไม่เห็น (น้องมินนี่ก็สมยอมให้พี่แกล้งด้วย เฮ้อ....)

ไม่อยากให้ลูกเสียเวลาวัยเด็กของเขา ปล่อยให้เขาเรียนๆเล่นๆไปก่อนดีกว่า อนาคตเขาต้องเจอเรื่องเครียดอีกเยอะ หนึ่งว่าอย่างน้อยพ่อกับแม่ช่วยแบ่งภาระลูกเรื่องภาษากับเขาก็โอเคระดับหนึ่งนะคะ มาแนวเด็ก 2 ภาษาแบบคุณบิ๊กเนี่ย มาถูกทางแล้วค่ะ ....

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service