เว็บเด็กสองภาษาทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย ตอนนี้มีอะไรใหม่ๆเพิ่มครับ
ท่องศัพท์สำคัญไหมคะทำไมเด็กกรุงเทพเก่งกว่าเด็กต่างจังหวัดคะ(อำเภอ)เป็นเพราะเด็กกรุงเทพโดนจับท่องศัพท์แต่เด็กใช่ไหมคะ เขาบังคับให้เด็กท่องศัพท์วันละกี่คำคะศัพท์ภาษาอังกฤษก็มากเหลือเกินเวลาอ่านแล้วต้องสะกดด้วยใช่ไหมคะลูกอยู่ป --3 แล้วครูไม่บังคับให้เด็กท่องศัพท์เด็กก็ไม่ได้อะไรเลยไม่รู้จะทำอย่างไรแม่ไม่เก่งภาษา
Tags:
ความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ การที่เด็กได้ท่องศัพท์มากๆ หรือบ่อยๆ อาจจะทำให้เด็กได้ศัพท์มากก็จริง แต่เวลาใช้งาน เวลาที่ต้องพูด เด็กๆ สามารถพูดจากความรู้สึกได้หรือเปล่าค่ะ หากต้องการให้ลูกเราพูดสองภาษาได้ อยากแนะนำให้ลองอ่านหนังสือของผู้ใหญ่บิ๊ก จะเป็นแนวความคิดที่สอนภาษาตามความรู้สึก ไม่ใช่การท่องจำ ทำตามแนวความคิดของผุ้ใหญ่บิ๊กอย่างสม่ำเสมอ เด็กต่างจังหวัดก็จะสามารถพูดได้ และพูดได้จากความรู้สึกด้วยค่ะ ลองดูสมาชิกท่านอื่นๆ ก็อยุ่ต่างจังหวัดกันค่ะ และอีกอย่าง อย่าคาดหวังกับคุณครูมากไป เพราะครูสอนเด็กเพื่อสอบ แต่เราต้องสอนให้เค้าเอาไปใช้ได้จริง ^^
เห็นด้วยกับคุณอารีย์ โคตะนันท์เป็นอย่างยิ่งเลยคะ
เพราะเด็กแถวบ้านก็ท่องศัพท์กันเก่งเจื้อยแจ๊ว แต่ก็เป็นแบบแปลคำต่อคำ และไม่สามารถนำมาต่อเป็นประโยคหรือใช้ในการสนทนาได้
ลองอ่านหนังสือเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ดูนะคะ จะได้เข้าใจแนวคิดและแนวทางการไปปรับใช้ไปกับเด็กๆคะ
เห็นด้วยกับคุณอารีย์ และ คุณรุจาภา ค่ะ
การท่องศัพท์เยอะ รู้ศัพท์เยอะ อาจจะไม่ได้ช่วยในการพูด หรือ ฟังเลย แต่อาจจะช่วยในการอ่าน
แต่นั่นเป็นการผิดแบบในการเรียนรู้ภาษานะค่ะ
เก่งภาษาเกิดจากการใช้บ่อยๆ นะค่ะ ไม่ว่าภาษาไหนๆ
Permalink Reply by แม่น้องเนย on December 13, 2012 at 5:26am ขอแชร์ด้วยคนค่ะ
คำว่า "เก่งอังกฤษ" ตีความได้หลายแบบ
เก่งพูด หรือ เก่งเรียนและสอบ
ถ้าคุณ tanapor หมายถึง พูดภาษาอังกฤษเก่งแล้วน่ะก็ แนะนำวิธีตามแนวทางเด็กสองภาษาค่ะ
ส่วนเรื่องเก่งเรียนและสอบนั้น ทางโรงเรียนแต่ละที่ก็มีวิธีการสอนแตกต่างกัน
ที่โรงเรียนลูก ก็มีศัพท์ให้ท่องค่ะ อาทิตย์ละ 8 คำ มีสอบทุกวันศุกร์ (สอบเขียน)
ตอนใกล้สอบก็จำได้ แต่หลังจากนั้นก็อาจจะลืม ท่องได้ ก็ลืมได้ค่ะ ไม่ใช่ว่าท่องเยอะๆแล้วเก่งค่ะ
เราต้องสอนเสริมด้วยวิธี phonics คือหัดสะกดคำน่ะค่ะ
และต้องมีการนำมาใช้ และ เห็นบ่อยๆ เช่นตอนอ่านหนังสือค่ะ เราจะชี้ให้เค้าเห็นคำๆนั้นในหนังสือค่ะ
เห็นบ่อยๆเค้าก็จำได้ว่า "เขียน"อย่างไร
ส่วนเรื่องการพูดภาษาอังกฤษเกิดจากการฝึกฝนค่ะ ความเห็นเหมือนคุณ อารีย์ คุณรุจาภา คุณป้าจิ๊บ
ขอแชร์ด้วยค่ะ
ตามความคิดเห็นนะคะถ้าเอาทั้งสองมารวมกันได้ก็จะดีเพราะการเรียนรู้แบบคุณบิ๊กจะทำให้เด็กสื่อสารได้แบบเป็นธรรมชาติ ส่วนการเรียนรู้ศัพท์ถ้าใครมีคลังคำศัพท์เยอะย่อมได้เปรียบอยู่แล้วเพราะพูดประโยคเราต้องมีคำศัพท์รวมอยู่ด้วย อันนี้เปรียบกับตัวเองนะคะเพราะทำงานกับนายหลายคน มีทั้งอังกฤษแบบอินโด,ญี่ปุ่นและอมเริกา บางครั้งเขาพูดประโยคความหมายเดียวกันแต่ใช้ศัพท์ไม่เหมือนกันก็มีแต่ก็เป็นผลดีกับเราตรงที่เราจะได้รู้ศัพท์เพิ่มขึ้น อย่างนายที่มาจากอเมริกาเขาจะใช้ศัพท์สูงเราฟัวไม่ค่อยเข้าใจส่วนอินโดก็พูดเร็วเวลาฟังต้องมีสมาธิส่วนญี่ปุ่นก็สบายๆ เหมือนคนไทยค่ะพูดกันเข้าใจฟังง่าย และทั้งหมดนี้ก็คือแรงผลักดันให้เราปลูกฝังภาษาอังกฤษในตัวลูกว่าลูกเราจะต้องไม่เป็นเหมือนเรา listening,writing,speaking,reading ทั้งหมดนี้ลูกเราต้องได้. และก็ได้ผลลัพธ์เป็นที่พอใจค่ะกบลูกชายคนโต(อายุ 15 ปี) รร.ลูกเป็น รร.คริสต์ค่ะเน้นเรื่องภาษาอังกฤษเขาท่องศัพท์ทุกวันเพิ่มขึ้นตามลำดับชั้นเรียนค่ะ อย่าง ป.1 วันละ 1 คำ ป.2 ก็ 2 คำ ป.3 ก็ 3 คำ เพิ่มอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ และแม่ก็ให้เขาเรียนภาษาอังกฤษกับ อ.ชาวต่างชาติด้วยค่ะตั้งแต่ ป.2 จนถึงปัจจุบันค่ะตอนนี้สิ่งที่แม่คาดหวังเขาทำได้แล้วค่ะแต่ทั้งหมดนี้มันต้องใช้ระยะเวลาและความถี่ด้วยนะคะ ส่วนคนเล็ก อนุบาล 3 ตอนนี้ก็สอนตามแนวคุณบิ๊กอยู่สื่อสารได้ไปแบบสบายๆ เหนื่อยก็พักค่ะเพราะเขายังเล็กเวลายังมีอีกเยอะค่อยๆ สอนกันไปค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
Permalink Reply by Ake on December 14, 2012 at 5:30pm ขอแชร์ด้วยนะครับ ท่องศัพท์เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนภาษาอังกฤษ แต่ต้องมีอย่างอื่น ๆ เสริมด้วยครับ และก็ขึ้นอยู่กับวิธีให้ท่องศัพท์ด้วย หากนำคำศัพท์มาเป็นคำ แล้วแปลเป็นไทยให้ท่องเป็นความหมายนั้น ๆ จะไม่ค่อยมีประโยชน์ ผิวเผินเกินไป
ยกตัวอย่างโรงเรียนแคทอลิคที่ผมเคยเรียนมาครูจะให้เรียนรู้ศัพท์โดยให้อ่านประโยคภาษาอังกฤษจากหนังสือเรียน หรือบทความ แล้วคำไหนยาก หรือไม่รู้ จะให้จดออกมา แล้วเปิด dictionary แบบ English-English ทำอย่างนี้จะได้ประโยชน์ตรงที่เราจะรู้ว่าศัพท์จะเข้าประโยค และอยู่ในโครงสร้างประโยคอย่างไร และจำรูปแบบประโยคได้ด้วย และเมื่อมีการจดคำศัพท์ และคำแปลจากประโยคที่อ่านลงสมุด ก็จะทำให้เราจำแม่นว่าคำ ๆ นี้หมายความว่าอะไรในประโยค และ ทำไมคำเดียวกันในประโยคอีกแบบ ความหมายไม่เหมือนกัน แบบนี้เป็นแบบหนึ่งที่ผมเรียนผ่านมา
ส่วนนอกจากเรียนรู้คำศัพท์แล้ว ต้องเรียนทักษะอย่างอื่น ๆ ด้วยคือ ฟัง เช่นฟังจากการ์ตูน หรือหนัง, เขียน ซึ่งทักษะนี้ สำคัญมาก ๆ เพราะหากเขียนดี จะทำให้พูดได้ดี ภาษาอังกฤษจะดี, พูด โดยฝึกจากบทสนทนาที่เป็นประโยคจริง ใช้ในชีวิตประจำวัน หากมีโอกาส หรือเป็นไปได้เสริมด้วยเรียนกับครูที่พูดภาษาอังกฤษที่ดี หรือ ต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษดี (จะเป็น native speaker เชื้อชาติไหนก็ได้ มีประโยชน์เหมือนกัน) ก็จะดีครับ
Permalink Reply by แม่ไออุ่น on December 14, 2012 at 10:16pm ส่วนตัวดิฉันจากประสบการณ์ที่สอนลูกมาแล้วที่ได้ผลก็คือ ให้เขาเห็นในสิ่งที่เราพูด หรือ กิริยาต่างๆ ประกอบการพูด เวลาไปสถานที่ต่างๆก็พูดในสิ่งเขาเห็นเขาจะเข้าใจและจะพูดได้เองไม่ต้องท่องจำค่ะ แต่เราต้องหาคำศัพท์เยอะๆ คือเราต้องทำการบ้านให้มากๆ หรือหาข้อมูลประโยคที่จะพูดกับลูกไว้เยอะๆค่ะก็ลองปรับใช้ดูค่ะ
Permalink Reply by อรดา พงศ์สุธนะ on December 28, 2012 at 2:37pm ขอสั้นๆเลยนะคะ การท่องคำศัพท์ได้หมดทั้งพจนานุกรม มันก็ไม่สามารถทำให้เราพูดภาษาอังกฤษได้ หากจะท่องเพื่อสอบก็จำต้องท่องเพือทำคะแนนค่ะ
เรานี่หล่ะค่ะ เข้ารร ที่เน้นท่องศัพท์ ก่อนปิดเทอมครูจะให้หนังสือคำศัพท์ำสำหรับเทอมหน้ามา เปิดเทอมมาชี้รายตัว ท่องไม่ได้ ไม่รู้ความหมาย โดนแปรงลบกระดานโขกนิ้ว
ผลลัพย์ เราเก่งศัพท์ค่ะ แทบจะเป็นดิกชันนารี่สำหรับเพื่อนๆ แต่เราพูดเป็นประโยคไม่เก่ง ไม่คล่อง นึกไม่ออกเวลาเจอสถานการณ์จริง
เพิ่งมาพูดได้ตอนฝึกลูกเป็นเด็กสองภาษาเนี่ยะหล่ะค่ะ แต่มันจะดีตรงที่ พอเวลาเราผูกประโยคเก่งแล้ว คลังศัพท์ของเรามันเยอะ ดึงออกมาใช้ได้ดีกว่า
เพราะฉะนั้น อย่าเน้นศัพท์มากเลยค่ะ เน้นฟัง เน้นพูดเยอะๆ เดี๋ยวก็เก่งขึ้นมาเองค่ะ
© 2025 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.
Powered by