เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
1. ตัวเอง ฝึกฟ้งภาษามาสักระยะหนึ่งแล้ว ประมาณ 10 เดือน วันละประมาณ 3-4 ชั่วโมง รู้สึกว่ายังฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ถ้าประโยคสั้นบางประโยค ที่เราพูดค่อยๆ ก็จะฟ้งออก แต่ประโยคยาวๆ จะฟังออกเป็นคำๆ เฉพาะบางคำ ไม่ทั้งประโยค ส่วนลูกจะดูการ์ตูนประมาณวันละ 2 ชั่วโมงก่อนนอน เขาก็ฟังออกแค่ประโยคสั้นเช่นกัน แต่จะพูดกับเขาตลอดเวลาเท่าที่เราพูดได้
2. เวลาฟังจะพยายามไม่แปล จะฟ้งไปเรื่อยๆ ฟังออกบ้างไม่ออกบ้างเป็นคำๆ
3. ขอความเห็นจากท่านอื่นๆ นะคะ ว่าใช้เวลานานแค่ไหนในการหัดฟัง ที่จะเข้าใจและพอรู้เรื่องว่าเขาพูดอะไร
4. เรารู้สึกว่า เราพูดสื่อสารกับลูกได้ แต่ทำไมเวลาฟ้งจากสื่อต่างๆ จึงฟ้งไม่ค่อยออก เลยอยากรู้ว่าท่านอื่นๆ เป็นแบบไหน มีใครมีปัญหาแบบนี้บ้างหรือเปล่า
Tags:
การฟังออกและแปลได้คำต่อคำถือว่าเก่งมากกกกกกค่ะ ไปเป็นล่าม(ล่ามUN)ได้ (พยายามหัดอยู่ค่ะ แพทไปเข้าอบรมมา เค้าบอกว่าคนที่สื่อสาร 2 ภาษาได้ คือพูดได้ 2 ภาษา แต่ไม่ได้หมายความว่าคนพูด 2 ภาษาจะเป็นล่ามได้นะค่ะ)
การฟังทั้งประโยคแล้วเข้าใจว่าเค้าพูดถึงอะไร หมายถึงอะไร คือที่แพททำได้ เวลาดูหนัง หรือสื่อสารกับคนอื่น
แพทจะรู้ว่าเค้าูพูดถึงอะไร หมายความว่ายังงัย สำเนียงของคนพูดก็เป็นอีกตัวแปรที่ทำให้เราเข้าใจหรือไม่เข้าใจได้ค่ะ
บางครั้งบางทีที่ฟังแล้ว ไม่แน่ใจว่าเค้าใช้คำไหนก็มีอยู่บ้างเหมือนกันค่ะ ต้องย้อนมาฟังใหม่อีกที
อาจจะตอบไม่ตรงประเด็นนัก แต่อยากจะบอกว่า เราฟังให้เข้าใจความหมายโดยรวม แล้วค่อยพัฒนาให้เก่งขึ้นค่ะ ฝึกฝนเรื่อยๆ อย่าพึ่งท้อค่ะ
เป็นอีกหนึ่งคนค่ะ ที่ฝึกฟังมาเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะฟังทุกอย่างได้แล้วรู้ทั้งหมด
แรกๆ ดูการ์ตูน ฟังไม่ออกเลย (สงสารตัวเองมากๆ จะไหวมั้ยเนี่ย?) ได้เป็นคำๆ วลีสั้นๆ แค่นั้น แต่พอดูซ้ำๆ เดิม บ่อยๆ ก็รู้สึกเริ่มฟังออก และลอกสำเนียงตามได้ค่ะ แต่พอเปลี่ยนเรื่อง ตัวการ์ตูนสำเนียงก็เปลี่ยนไปด้วย แต่ก็ยังฟังออกเป็นส่วนมาก การ์ตูนพูดช้า ประโยคไม่ยาว ไม่มีสำนวน เพราะเน้นให้เด็กๆ ฟัง ค่อยเริ่มมีกำลังใจค่ะ
ต่อมาลองทดสอบตัวเอง มาดูหนัง soundtrack รอบแรกฟังได้แค่ 30-40% ของทั้งหมดแค่นั้น รู้สึกว่าพูดเร็วมาก สำนวนเยอะ คำศัพท์กว้างมาก คำย่อก็มี สำเนียงก็หลากหลายตามตัวละคร โหดมาก ต้องเปิด sub title ไปด้วย ถึงจะเข้าใจค่ะ แต่พอดูซ้ำๆ ก็เริ่มจับสำเนียงได้มากขึ้น
ส่วนตัวคิดว่า การฝึกฟังไม่จำเป็นต้องแปลได้ทุกคำ ขอแค่ฟังแล้วเข้าใจความหมายโดยรวมก็น่าจะโอเคแล้วอ่ะค่ะ การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทั้งการฟังและพูดจะช่วยให้ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ อย่างตัวเองก็รู้สึกว่าดีกว่าเมื่อก่อนมาก อย่ากังวลไปเลยค่ะ ถ้าพยายามต่อไป พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้แน่นอน
ที่คุณรัชนีบอกว่าฝึกฟังวันละ 3-4 ชั่วโมงนี่จากสื่อไหนคะ ขยันจัง เผื่อจะขอเลียนแบบบ้าง
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและกำลังใจนะคะ ยังไม่ท้อค่ะ จะพยายามต่อไป
ฝึกฟังจากข่าวช่อง สสท (จำไม่ได้ว่าแต่ก่อนเป็นช่อง 11 หรือ itv เก่า) ตอนเช้าจะมีข่าวภาคภาษาอังกฤษ และข่าวช่อง BBC
ดูการ์ตูน ดูหนัง ดูเวปสอนภาษาจากอินเตอร์เน็ทบ้าง
ไม่เก่งเหมือนกันค่ะ แต่เรื่องการฟัง อาศัย ดูหนังค่ะ เป็นหนังที่เราชอบ แรกๆ ฟังแบบ เสียงอังกฤษ มี subthai ฟังอยู่นั่นแหละ ประโยคไหนประทับใจ ก็หัดพูดตาม ต่อมา เริ่มฟังอังกฤษ ดู sub eng เรื่องเดิมนี่แหละค่ะ ประโยคประทับใจ ก็จดๆไว้ ว่า เขียนแบบนี้ อ่านได้ยังงัยบ้าง ต่อมาก็หัดฟังแบบไม่มี sub บาง ต้องอาศัยเวลามากๆเลยนะคะ ฟังบ่อยๆ ทั้งเพลง และหนังค่ะ เอารูปแบบที่เราชอบ อย่างฟังเพลงฝรั่ง หา lyrics เนื้อเพลงมาหัดร้องตาม ค่ะ
การ์ตูนลูก ก็เป็นประโยค ที่เราต้องใช้กับลูกบ่อยๆ ก็ใช้หลักเดียวกันค่ะ
ขอแชร์ประสบการณ์หน่อยนะครับ หลัก ๆ เลยคือต้องฟังอย่างสม่ำเสมอ และยิ่งนาน ทักษะการฟังจะยิ่งพัฒนามากขึ้น ส่วนคำถามว่านานขนาดไหน อันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคน และพื้นฐานภาษาอังกฤษที่มีอยู่ ที่บอกว่าเกี่ยวกับพื้นฐานด้วยเพราะ หากรู้ grammar และมี "คลัง" ศัพท์อยู่ในตัวเรามาก จะพัฒนาทักษะการฟังให้เร็ว เราจะเข้าใจได้ง่าย และเร็วขึ้น ในโรงเรียนที่สอนภาษาอังกฤษจึงเน้นอัดทั้งให้ฟัง, ให้เรียน grammar, ให้เขียน essay, ให้พูด, ให้อ่านเยอะ ๆ ไปพร้อม ๆ กัน แล้วจะพัฒนาเร็ว
ส่วนจะหาอะไรมาฟังบ้าง ที่คุณรัชนีฟังข่าว BBC หรือข่าวภาษาอังกฤษก็เป็นช่องทางนึง แต่ภาษาและสำเนียงจะเป็นทางการ ดูหนัง soundtrack ก็ดีครับ แต่ข้อเสียอย่างนึงคือจะพูดเร็ว และมีประโยคหลายประโยคที่ไม่เป็นทางการ และมีสำนวนที่ใช้เฉพาะถิ่น และ คำ slang อยู่ด้วย แต่สื่อนึงที่ดีมาก และเข้าใจง่ายกว่า คือ หนังการ์ตูน (แต่การ์ตูนก็พูดเหมือนคนก็ฟังยากบ้าง แต่ไม่ยากเหมือนหนัง) โดยเฉพาะการ์ตูน Walt Disney's ต่าง ๆ ที่มีตามร้านต่าง ๆ มีตั้งแต่ Tinker Bell, Mickey Mouse, Winnie the Pooh, Bambi ฯลฯ หรือ Little Einsteins, Sid, Huckle การ์ตูนพวกนี้ศัพท์ และประโยคไม่ยาก แต่เป็นประโยคที่ใช้ประจำวัน และเป็นภาษาอังกฤษ ที่เรียกว่าเป็น "Contemporary English" คืออังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวันในปัจจุบัน ไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่ล้าสมัย และไม่มี slang หรือ ประโยคที่ทำให้เข้าใจยาก
ที่ผ่านมาในอดีตตอนเรียน ครูฟิลิปปินส์, อินเดีย, ฝรั่ง ก็ให้เรียนจากการ์ตูนพวกนี้ครับ จากนั้นก็เสริมด้วยข่าว และก็ไปหนัง
เมื่อก่อนมีครูคนนึงสอนให้จดคำศัพท์ที่อ่านในหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ แล้วไม่รู้ลงในสมุดบันทึก แล้วไปเปิด dictionary หาคำแปลจดลงไป อันนี้เป็นเทคนิคง่ายๆ แต่ได้ผลเยอะมาก เพราะจะทำให้เราจำความหมายได้แม่น และนาน และหากทำประจำก็จะเพิ่มพูนไปเรื่อย ๆ เมื่อรู้ศัพท์เยอะ ทักษะฟัง, พูด, อ่าน, เขียน จะไปได้เร็วมาก และการอ่านจะทำให้เข้าใจการใช้ grammar ในชีวิตจริง ได้ดีมาก ๆ
ความเห็นส่วนนึงนะครับ ;)
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ มีประโยชน์ทุกคำแนะนำเลยค่ะ
ขอบอกว่าสอนลูกมา 2 ปีเต็ม ยังฟังข่าวไม่ออกสักประโยค แค่เป็นคำ ๆยังฟังไม่ออกเลยค่ะ แต่ถ้าเป็น caillou ล่ะก็ตอนนี้ฟังสบายๆเลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้ฟังออกไปหมด หรือฟังออกทุกคำหรอกนะคะ แต่ฟังได้ เดาได้ และเข้าใจเนื้อหา ก็ถือว่าดีกว่าฟังอย่างอื่น
อันนี้มันน่าจะมาจากคลังศัพท์และประโยคที่เราใช้ ใน caliiou เป็นศัพท์ที่คุ้นเคยและฟังบ่อย เลยเข้าใจ แต่ถ้าเป็นข่าวตะแคงหูฟังก็ยังไม่รู้เรื่องเลยค่ะ ^^"
อิอิอิ คล้าย ๆ กันค่ะ ข่าวไม่ทัน ไม่รู้เรื่อง ศัพท์ก็แว๊บๆๆ ออกมา บ้าง คายุ ก็พึ่งได้ดูพร้อมลูกนี่หละค่ะ เริ่มจัเข้าใจบ้างนิดหน่อย ขอสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ อีกคน คร๊า
รู้สึกใจชื่นขึ้นมากเลยค่ะ หลังจากได้รับความคิดเห็นและประสบการณ์ของคุณแม่หลายๆ ท่าน
ทำให้รู้ว่า แนวทางในการฝึกของเราไม่ผิดทาง ไม่เสียเปล่าจากสิ่งที่ตั้งใจทำ แต่ต้องอาศัยเวลาและความเสม่ำเสมอ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกความเห็นนะคะ
ดิฉันก็งู ๆ ปลา ค่ะ ฟังข่าว ก็ไม่ทัน ดีที่ตอนดูการ์ตูนกับลูกเท่านั้นแหละจับใจความได้แต่ก็ไม่ทุกครั้ง ก็พยายามทำตามคุณรัชนีอยู่ค่ะฟังเยาะ ๆ จะได้ชินกับสำเนียงเค้าด้วย ทุกวันนี้เราต้องทำการบ้านเพื่อนำมาสอนลูกบางทีเหนื่อยก็เปิดการ์ตูนให้ลูกดูเลยและดูๆพร้อมกับลูก
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by