เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

พอลูกเริ่มโตความเข้มข้นทางภาษาเริ่มลดน้อยลง

ใช่ระบบ OTOL มา2ปีแล้วคะน้องอายุ5ขวบ ตอนแรกที่เริ่มสอนเลยใช่ระบบOPOL ได้ผลดีมากหรือว่าน้องยังเล็กอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้คะ พอโตสักพักเริ่มโต้ตอบกับเรามากขึ้นประกอบกับเค้าเข้าโรงเรียนการพูภาษาไทยเค้าคล่องกว่าเวลาจะเล่าอะไรให้ฟังก็เล่าเป็นภาษาไทยแม่ก็คอยขัดว่าประโยคแบบนี้ต้องพูดแบบนี้จน
ลูกเบื่อที่จะพูดกะเราคะจนมันกลายเป็นความห่างเหินไปเลย. แม่ก็คิดว่าอะไรทำให้ลูกห่างเหินเลยคิดว่าเราเข้มงวดกะลูกไปหรือเปล่าจนคิดว่าจะเลิกพูดภาษาeng แต่ทางบ้านห้ามไว้ เลยมาปรับเปลี่ยนดป็นOTOได้มา1ปีแล้วคะ แต่ผลที่ออกมาจากที่เค้าสามารถสร้าวประโยคเองได้แต่เดี๋ยวนี้กลับเป็นว่าพูดเป็นคำๆ ทำให้เราเสียดายความเข้มข้นที่ผ่านมาแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
รบกวนท่านที่มีประสพการณ์ช่วยแนะนำหน่อยคะ (โรงเรียนของลูกเป็นแบบภาคปรกติไม่ใช่ep แต่อย่างใดไม่ส่งไปเรียนเพราะข้อจำกัดเรื่องเงินคะ)
ขอบคุณคะ

Views: 838

Replies to This Discussion

ขอตามกระทู้นะคะ แต่ด้วยสาเหตุที่ต่างกันค่ะ

ของเราเองบางครั้งเริ่มอยากพูดจาหวานๆ หรือใช้จิตวิทยาบางอย่างกับลูก แต่ใช้ภาษาอังกฤษแล้วรู้สึกไม่กินใจ เลยอยากจะพูดไทย แล้วผลักภาระเรื่องภาษาอังกฤษให้ครูที่โรงเรียน จะช่วยได้มั้ยน้อ

โรงเรียนไม่ใช่คำตอบคะ

      ส่งลูกเรียนสองภาษา มา 2 ปี อ.1-อ.2 พัฒนาการไม่ค่อยก้าวหน้าคะ แม่ไม่ค่อยได้พูดภาษาอังกฤษกับลูก เพราะแม่พูดไม่ออก ภาษาอังกฤษของแม่อ่อนมากๆ จะว่าไม่พูดเลยคงไม่ใช่ ส่วนใหญ่ประโยคสั้นๆ คำศัพท์ แต่ที่ไม่ละเลยคืออ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้ลูกแทบทุกวัน ยกเว้นวันที่ไม่ว่างจริงๆ หรือลูกป่วย ได้ดูซีดีบาง

 

พอครบ 5 ขวบ  ย้ายโรงเรียนตามพี่ชาย แนวเตรียมความพร้อมมากๆ เล่นทั้งวัน 555 ครูฝรั่งเจอกันแค่อาทิตย์ละครั้งมั้งคะ แม่หาซีดีที่ถูกใจ ฟังด้วย เริ่มพูดภาษาอังกฤษให้เยอะขึ้นประโยคสั้นๆ ทีนี้กลับได้ผลคะ เธอเริ่มผูกประโยคเอง บางทีแม่ตามไม่ทัน คิดไม่ทัน เอ มาจากการ์ตูน หรือ หนังสือ เด็กไปโรงเรียนเวลามีน้อยที่จะพัฒนาทักษะ  อีกอย่างก็ต้องแบ่งเวลาให้กิจกรรมอย่างอื่นด้วย เพราะลูกสาวชอบวาดรูป แล้วยังต้องแบ่งเวลาซ้อมเปียโน เลยกลายเป็นว่าเวลาอ่านหนังสือน้อยลง  คุณแม่จึงต้องเสริมไปพร้อมกิจกรรมอย่างอื่นด้วยคะ

 

เช่นเวลาเธอวาดรูป ก็จะชวนกันคุย What is it? What is she doing? ง่ายๆ เธอก็จะพยายามอธิบายให้แม่เข้าใจ ตอนนี้ที่คิดจะทำจะชวนกันทำหนังสือคะ ยังไม่ได้เริ่มเลย 555 โครงการในหัวแม่เยอะคะ แต่เวลาไม่อำนวยเลย

 

อ๋อ ที่ลูกสาวยอมพูดอังกฤษ แม่และพี่ชายบอกเค้าว่า คนที่จะไปเมืองนอกต้องพูดภาษาอังกฤษนะ เดี๋ยวไปซื้อข้าวพูดกะเค้าไม่รู้เรื่อง หิวแย่เลย 555  จนเธอร่ำร้องจะเรียนกะครูฝรั่งเหมือนพี่ชาย อยากไปบ้านพี่ใหม่ (น้องสาวอยู่นิวซีแลนด์)  เรียนมาได้ประมาณ 1 เดือน เรียนบางเล่นบาง ครูก็ตามใจ วันนี้ไม่อยากเรียนก็เล่นครูก็ยอมเล่นด้วย แต่เรียนกะครูฝรั่งก็ไม่ใช่จะหวังผล 100 % นะคะ เพราะที่ให้เรียนกะครูก็จะได้ฟังครูพูดภาษาอังกฤษตลอด ไม่กลัวฝรั่ง จากที่สังเกตเธอจะฟังครูรู้เรื่องถึงแม้ครูจะพูดยาวๆแล้วก็เร็ว แต่จะตอบเป็นประโยคสั้นๆ หรือพูดเป็นคำๆ ครูก็ไม่แก้ให้  อีกอย่างเธอก็พูดไม่เก่งอยู่แล้ว  ถ้าได้วาดรูป ทั้งไทยทั้งอังกฤษถามไปเถอะ ไม่ตอบหรอก

 

ถ้าจะแนะนำ คงเป็นซีดีการ์ตูนคะ  วันละไม่ต้องมากคะถ้าไม่มีเวลา ลูกสาวดูซีดีตอนเช้าตอนกินข้าววันละ ครึ่งชั่วโมง เสาร์-อาทิตย์ นึกว่าจะได้ดูเยอะ ก็มีกิจกรรมต้องทำ

 

หนังสือภาษาอังกฤษ อ่านทุกวัน วันละเล่มก็ยังดีคะ อ่านไปเรื่อยๆ สักวันเค้าจะทำให้เราประหลาดใจ บางคำเราลองอ่านผิดมาทันทีเลยคะ  NO!!  เค้าจะแก้ให้เลยคะ  (ส่วนใหญ่แม่ไม่ได้ลองอ่านผิดนะคะ  อ่านผิดจริงๆ  has had นี่ บ่อยมากคะ 555)

ใช่คะคุณแม่น้อาโอห์ม บางประโยคที่ไม่กินใจเท่าภาษาไทยเราก็จำเป็นต้องพูดไทย ซึ่งพอลูกโตมันเหมือนจะมีอะำรให้อธิบายเยอะแยะไปหมดหนักใจจัง. หรือว่าเราทำการบ้านน้อยไปนะ
ขอบคุณคุณแม่น้องมียามากคะที่แนะนำ

ที่บ้านใช้ระบบ OTOL ค่ะ ตอนแรกก็กลัวว่าน้องจะแยกโหมดไม่ได้ แต่ถ้าเราทำอย่างสม่ำเสมอเค้าจะสามารถปรับตัวได้เองค่ะ อย่างน้องแพงมีการบ้านทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ วิชาภาษาไทยคุณแม่ก็ใช้ภาษาไทย วิชาภาษาอังกฤษคุณแม่ก็ใช้ภาษาอังกฤษค่ะ ตอนนี้ถ้าเราพูดกับเค้าโดยใช้ภาษาไทยเค้าก็จะโต้ตอบเป็นภาษาไทย ถ้าพูดอังกฤษเค้าก็โต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษค่ะ เช่น คุณแม่พาเค้าไปที่ร้านตัดผมด้วย ช่วงที่รอคุณแม่อยู่เค้าก็นับเก้าอี้ นับคนในร้าน เป็นภาษาอังกฤษ แล้วหันมาถามคุณแม่ว่า 'Momy how many fingers?' พร้อมกับชูมือ 3 นิ้ว เราก็ตอบ 'There are three fingers' แล้วย้อนถามเค้ากลับ 'how many fingers I have?' เค้าก็ตอบกลับเราเป็นภาษาอังกฤษ แล้วพี่ที่ร้านเค้าอยากเล่นด้วย เค้าก็ถามว่า "ดูสิน้ามีกี่นิ้ว?" น้องแพงก็ตอบกลับ "3 นิ้วค่ะ" พี่ในร้านเค้าชอบใจกันใหญ่เลยค่ะ

 

คุณแม่ก็ไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่ค่ะ ส่วนใหญ่ก็ใช้คำง่ายๆ พูดกับเค้าบ่อยๆ จะภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเค้าหรอกค่ะ

ที่บ้านก็เป็นเหมือนกันค่ะ ตอนนี้พี่เมืองอยู่ ป.3 แล้วต้องเรียนหนักขึ้นมาก เค้าก็อยากเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้เราฟังแบบออกรสออกชาด เลยใส่ไทยมาเต็มที่ ส่วนน้องขมิ้นก็เร่ิมติดภาษาไทยมากขึ้นค่ะ จริง ๆ แล้วลูกพี่ดค้าเรียน mini English program นะคะ เจอครูฝรั่งวันละ 3 ชมฺ แต่อย่างที่ทุกคนรู้ ๆ กันดีว่าการเรียนแบบนี้ไม่ช่วยให้ลูกเราพูด E. ได้แน่ถ้าเราไม่เสริมที่บ้านเอง

พี่แนะนำนะคะว่าเราเองต้องสม่ำเสมอก่อน ถึงจะช่วยลูกได้ พี่เองก็พยายามเตือนตัวเองให้พูด E. ตอบลูกไป แม้ว่าลูกจะพูดไทยมา เราตอบ E. ไปก็ยังดีกว่าที่เราตามน้ำไปกับเค้านะคะ เราพยายามพูดเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันไปเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะเค้ารู้เรื่องอยู่แล้ว เช่น เรื่องกิน นอน อาบน้ำ และพี่เห็นด้วยกับการให้ดูการ์ตูนก่อนไปโรงเรียนนะคะ หลายคนอาจค้านว่ากาก่อนข้าวหน้าทีวีทำให้เสียเรื่องระเบียบวินัย แต่พี่ว่าเรื่องนี้สอนกันไม่ยากเท่าเรื่องของความถี่ในการสอนภาษาอังกฤษหรอกค่ะ จากประสบการณ์ของพี่ เมื่อ 2 เดือนที่แล้วลูกพี่ไม่ได้ดูการ์ตูนเลย เพราะที่บ้านน้ำท่วม 1 วัน เราต้องย้ายพวกเครื่องเล่นต่าง ๆ ขึ้นบนบ้านและไม่ได้ต่อให้ลูกดู ลูกก็ติดเล่นเกม angry bird พี่สังเกตุเห็นได้ชัดเลยว่าภาษาของขมิ้นถดถอยอย่างชัดเจน

ตอนนี้เริ่มนี้กลับมาดูอีกครั้งก็เริ่มดีขึ้นค่ะ อย่าลืมเรื่องการให้ฟังด้วยนะคะ พี่แปลงไฟล์ที่ลูกดูแล้วให้ฟังต่อในรถด้วยค่ะ
ขอบคุณคะ. ที่บ้านก็ให้ดูสื่อเหล่านี้น้อยลงด้วยคะจัต้องนำไปปรับปรุงอย่าด่วนเลย^^

จริง ๆ แล้วควรใช้ OPOL ต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ ยิ่งออกไปโรงเรียนไทย เจอแต่คนพูดไทย ยิ่งต้องรักษาภาษาอังกฤษไว้ให้มั่นคงที่สุด

 

คุณแม่พูดอังกฤษกับลูกน้อยลง เพราะเปลี่ยนระบบเป็น OTOL พลาดมากเลยตรงนี้ หากลูกเข้าโรงเรียนนานาชาติมันก็จะโอเค แต่นี่เข้าโรงเรียนไทย อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมมันเป็นไทยเยอะมากแล้ว กลับมาบ้านคุณแม่ต้องเน้นภาษาอังกฤษมากขึ้น แต่คุณแม่กลับทำน้อยลง ผลที่ได้คือเด็กเริ่มเบื่อที่จะพูดอังกฤษเพราะเขาไม่สามารถสื่อสารในระดับที่ลึกได้เท่ากับภาษาไทย ดังนั้นเวลาสื่อสารกับใครก็ตามเขาจึงเลือกที่จะใช้ภาษาไทย

 

วิธีแก้ไขก็ต้องใช้เวลาค่ะ คุณแม่ควรกลับไปใช้ OPOL เหมือนตอนเริ่มต้นนั่นแหละ แต่อย่าใจร้อนนะคะ ให้กำลังใจ พูดชมเชย ของขว้ญ หรืออะไรที่ทำให้ลูกมีความสุขที่จะพูดอังกฤษ อย่าไปดุเขาหากเขาไม่พูด เพราะมันต้องเริ่มฟัง ...เข้าใจ...มากขึ้นและมากขึ้น ลึกขึ้น และลึกขึ้น จนกล้าที่จะเปล่งเสียงพูดออกมาแบบธรรมชาติ

 

แม้ลูกปิดกั้นภาษาอังกฤษ ไม่อยากพูดกับแม่ แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด พอถึงระดับชั้นที่เขาต้องเรียนภาษาอังกฤษที่ร.ร. แป๊ปเดียวค่ะ เขาจะฟัง-พูดอังกฤษคล่อง มันจะออกมาเอง ก็ต้องใช้เวลาฟื้นฟูกันไปก่อน อย่าท้อค่ะ คุณทำได้แน่ ๆ

 

เป็นกำลังใจให้สู้ ๆ นะ

ขอบคุณมากเลยคะเป็นกำลังใจได้ดีมากเลยคะ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service