ใครส่งลูกเรียนรร.ทางเลือกยกมือขึ้น?(ถามช้าไปป่ะเนี่ยอิอิ)

[คุณแม่ลูก4]

เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า คุณแม่อยากถามความคิดเห็นหน่ะค่ะ ว่า...

ทำไมต้องรร.ทางเลือก
แตกต่างจากทางไม่เลือกอย่างไร
แล้วใครเป็นคนเลือก

คิดเห็นอย่างไรกันดีคะ รบกวนเท่านี้คร่า

[ศศรส บุญศิริ]

ถ้าโรงเรียนทางเลือกในความเข้าใจของคุณแม่ หมายถึง โรงเรียนที่มีรูปแบบการเรียนการสอนแตกต่างไปจากรูปแบบที่เราเคยรู้จักเช่น การศึกษาแนวพุทธ, วอลดอล์ฟ, มอนเตสเซอรี่ หรือนีโอ-ฮิวแมนนิสซึ่ม เป็นต้น หากหมายรวมถึงโรงเรียนแบบนี้ ความเห็นข้อแรกก็คือ โรงเรียนเหล่านี้เป็นแนวทางใหม่ที่เกิดขึ้น และเริ่มมีมากขึ้นเพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้รู้และตระหนักว่า การเรียนรู้มีหลายกระบวนการและหลากรูปแบบ โดยเป้าประสงค์คืออันเดียวกันก็คือ การสร้างและพัฒนาเด็ก/เยาวชนให้เติบโตเป็นคนดีและมีศักยภาพ ความต่างของร.ร.ทางเลือก ก็คือ การสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เด็กๆ เป็นความต่างที่มีเป้าหมายเดียวกันกับร.ร.ทุกที่ล่ะค่ะ ทีนี้ถามว่าใครเป็นคนเลือก ส่วนใหญ่ก็เป็นพ่อแม่ เพราะร.ร.ทางเลือกจะเริ่มต้นตั้งแต่ระดับอนุบาล บางที่ก็ขยายต่อในระดับประถม และกำลังต่อยอดถึงมัธยม

โดยส่วนตัวคิดว่า ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนค่ะว่า ร.ร.แบบไหนดีกว่า เพราะเส้นทางการเรียนรู้ในสังคมไทยส่วนใหญ่ก็เริ่มอนุบาล-ประถม-มัธยม-สายวิชาชีพ หรือ สายสามัญเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย (ตรี-โท-เอก) เส้นทางเรียนรู้เพื่อไปให้ถึงปริญญาเริ่มมีหลากกระบวนการและวิธีการเรียนรู้ค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็น่าจะอยู่ในระดับอนุบาล-มัธยมต้น บางทีพ่อแม่ก็เลยจะไม่มั่นใจว่าถ้าจบจากร.ร.ทางเลือก (แนวปฏิรูปการศึกษา) แล้วจะมาเรียนต่อในระบบระดับมัธยมปลายเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยได้หรือไม่ เด็กจะเก่งทางวิชาการเหมือนที่เรียนมาตามระบบหรือเปล่า

ประเด็นนี้ตัวดิฉันเองก็มีความกังวลค่ะ แต่ก็ยังไม่คิดมากนักเพราะมีความเชื่อลึกๆ ว่า การเลี้ยงดูและเตรียมความพร้อมทั้งด้านอารมณ์และจิตใจที่ดีงามให้ลูกตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อเขาได้ผ่านกระบวนการหล่อหลอมให้เกิดการเรียนแบบองค์รวมโดยธรรมชาติก็จะสามารถทำให้เขาได้ลับคมความคิดและสติปัญญาของตัวเองได้ดีและมากขึ้น แปลว่า เมื่อเขาพร้อมจะเรียนรู้ ไม่ว่าจะต้องเรียนรู้ในรูปแบบใด ในสังคมไหน เขาก็จะปรับตัวและทำได้ดี การเรียนรู้ของร.ร.ทางเลือกก็คือการเรียนรู้แบบองค์รวม หรือบูรณาการ ไม่ว่าจะศัพท์แบบไหน เมือ่ก่อนดิฉันก็ไม่เข้าใจค่ะ จนเมื่อได้สอนลูกเล่นต่อจิ๊กซอว์ โดยให้ลูกดูภาพจิ๊กซอว์ที่ต่อเสร็จแล้วก่อนค่ะ ดูอย่างตั้งใจและมีสมาธิ จากนั้นก็กระจายจิ๊กซอว์ออก แล้วให้เขาเริ่มต่อ ลูกสามารถต่อจิ๊กซอว์กลับเป็นภาพเต็มได้ ถึงจะไม่ง่ายสำหรับเด็ก แต่เด็กทำแบบนี้ได้ค่ะ แล้วเค้าก็สนุกไม่บ่นเบื่อ หรือไม่อยากต่ออีกเพราะทำไม่ได้ แล้วก็พัฒนาการต่อจิ๊กซอว์ในระดับมากชึ้นขึ้นได้ หรืออาจใช้เวลาในการต่อลดลงด้วย แต่ถ้าลองกระจายภาพจิ๊กซอว์ออกก่อน แล้วให้ลูกต่อกลับเป็นรูปเดิม โดยมีรูปแม่แบบวางให้เห็น แต่การต่อจิ๊กซอว์ก็จะยากมากๆ ค่ะ ลูกถอดใจเลิกเล่นๆไปเลย ดิฉันถึงเข้าใจคำว่า บูรณาการเป็นแบบนี้เอง การเรียนรู้ที่ให้เด็กได้เข้าใจภาพใหญ่ก่อน โดยผ่านการทำกิจกรรมบางอย่าง แล้วก็ซอยย่อยความรู้ออกมาเป็นภาพเล็กคือการเรียนรู้วิชาการเกี่ยวกับคณิต วิทย์ และภาษาไทย ซึ่งอยู่ในการทำกิจกรรมนั้นเอง ก็จะทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบองค์รวมซึ่งก็จะประทับเป็นรูปแบบการเรียนรู้ของสมองของเด็กนั่นแหละค่ะ

การมีชีวิตอยู่ในสังคมมีความซับซ้อนค่ะ และยากกว่าการต่อจิ๊กซอว์ของเด็กๆ หลายเท่า ถ้าหากว่าจะมีวิธีที่เราจะสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ลูกได้ทั้งทางอารมณ์ สังคม และสติปัญญา ดิฉันก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และยินดีที่จะให้ลูกใช้เส้นทางนั้น

ตอนนี้ลูกเรียนอนุบาล 1 แนวเตรียมความพร้อมที่ไม่เน้นการเรียนรู้แบบวิชาการจ๋าๆ แต่ให้ความสำคัญกับการเติบโตทางร่างกายและจิตใจของเด็กให้สมวัย (กิจกรรมวิชาการก็มีค่ะแต่เป็นแบบบูรณาการคือ เรียนรู้ผ่านการเล่น เล่น และเล่น) ดิฉันวางแผนให้ลูกเรียนร.ร.แนวพุทธค่ะในระดับประถมและอาจต่อถึงมัธยม ที่บอกว่าอาจต่อ ก็เพราะว่า ในระดับมัธยมก็คิดว่าลูกน่าจะลองสอบเข้าร.ร.มัธยมที่อยู่ในระบบดู เพราะตัวเองก็อยากทราบคำตอบในประเด็นที่ตั้งค้างไว้ข้างต้นค่ะ

ถามต่ออีกนิดค่ะว่า พ่อแม่จำเป็นต้องเลือกร.ร.แนวทางนี้ให้ลูกหรือ? คำตอบของดิฉันก็คือ ไม่จำเป็นค่ะ เพราะขึ้นอยู่กับทัศนคติและความคิดเกี่ยวกับการศึกษาของตัวพ่อแม่เองนั่นแหละค่ะ มาถึงห้วงเวลานี้ในสังคมไทยก็ต้องเรียกได้ว่าเริ่มมีความหลากหลายในกระบวนการเรียนรู้ มีทางเลือกใหม่ให้เราได้เลือกค่ะ สำคัญคือ พ่อแม่ต้องใส่ใจเรื่องการเรียนของลูกให้มากและมีส่วนร่วมโดยตลอด จะสนับสนุน หรือผลักดันรูปแบบใดก็แล้วแต่ แต่ก็ขอให้มีส่วนร่วมไปตลอดล่ะค่ะ

พ่อแม่ท่านอื่นมีความคิดเห็นอย่างไรก็แชร์กันนะคะ จะได้มีข้อคิดเห็นที่หลากหลายเอาไว้ถกเถียงกันอีก

[แม่เปิ้ล]

เข้ามาตอบช้าไปหรือเปล่าเนี่ย

ความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ เดิมทีเคยมีความคิดจะส่งลูกไปเรียนโรงเรียนทางเลือกอย่างนี้เหมือนกัน (บ้านอยู่ใกล้ เพลินพัฒนา) เนื่องจากเห็นการศึกษาในปัจจุบันแล้วรู้สึกสับสน เครียด ไม่ว่าลูกจะเข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังที่ไหน สุดท้ายก็ต้องเรียนพิเศษอยู่ดี (แปลกไม๊ ทำไมติวเตอร์สอนให้เด็กเข้าใจมากกว่าในห้องเรียน ทั้งที่เรียนกับ วีดีโอ) ได้ลองค้นหาข้อมูลจากในเวบ จากเพื่อนฝูง ถึงวิธีการเรียนของโรงเรียนทางเลือกก็พบว่า โรงเรียนเหล่านี้จะค่อย ๆ สอนเด็กไปตามวัย ตามพัฒนาการ ปลูกจิตสำนึก การคิดวิเคราะห์ด้วยเหตุผล กล้าแสดงออก เน้นกิจกรรมซึ่งดูแล้ว ถ้าลูกเรียนคงจะมีความสุข มากกว่าการเรียนแบบปัจจุบันที่เร่งเหลือเกิน ไม่รู้จะเร่งกันไปถึงไหน คณิตศาสตร์เด็กประถม จะเรียนของเด็กมัธยมปลายอยู่แล้ว แต่อย่างว่า การเรียนแบบโรงเรียนทางเลือก ในสังคมดูเหมือนว่า ไม่เห็นลูกจะได้อะไรเลย ช้าก็ช้า เด็กคนอื่นมีความรู้วิชาการท่วมสมองแล้ว ลูกเรายังไปไม่ถึงไหนเลย หากพ่อแม่ทนการพูดจาเสียดสี จากสังคมได้ และอยากให้ลูกมีความสุข พร้อมทั้งมีปัจจัยการเงินสนับสนุน (เพราะค่าเทอม โรงเรียนทางเลือกในกรุงเทพฯ แพงมาก เหมือนอินเตอร์เลย) อีกทั้งอนาคตส่งลูกไปเรียนต่อเมืองนอกแน่ (เพราะระบบโรงเรียนทางเลือกไม่มีการต่อยอดถึงมหาวิทยาลัย ถ้าเด็กเรียนโรงเรียนทางเลือก แล้วสุดท้ายต้องออกมาแข็งขันกับระบบปกติ ลูกเราก็จะเหนื่อยมากและไม่ชอบ) ก็ตัดสินใจเรียนเลย

สำหรับแม่เปิ้ล ไม่ได้ให้ลูกเรียนเพราะ ค่าเทอมแพง กลัวส่งต่อไม่ไหว และ อนาคตไม่รู้ว่าจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกได้หรือไม่
มีกรณีตัวอย่าง คุณแม่ที่รู้จักกันตอนตีแบดเล่าว่า ได้ส่งลูกชายและลูกสาวเรียนโรงเรียนทางเลือกที่ จ.นครปฐม ตั้งแต่เด็ก
เด็กมีความสุขมาก ทำกิจกรรมตลอดเวลา (ใช้กิจกรรมเป็นตัวสอนเด็ก) เด็ก ๆ ชอบไปโรงเรียน และปัญหาก็เกิดเมื่อลูกสาวจะเข้า
ม.1 ก็ต้องย้ายโรงเรียน เพื่อไปเข้าสู่ระบบปกติ เด็กต้องไปเรียนพิเศษเพื่อให้ทันคนอื่น เมื่อเด็กที่เคยทำกิจกรรมสนุกสนาน ต้อง
มาติวเข้มก็เกิดอาการเบื่อ ไม่ชอบ แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะคุณแม่หาโรงเรียนทางเลือกที่มีชั้นมัธยมใกล้บ้านไม่ได้
นี่เป็นปัญหาหนึ่งของผู้เรียนโรงเรียนทางเลือก

ไม่ใช่โรงเรียนทางเลือกไม่ดี (ชอบวิธีการสอนมากด้วยซ้ำ) แต่ไม่รู้จะต่อยอดอย่างไรดี


เล่าสู่กันฟังค่ะ

[JJ Samui]

คุณแม่เปิ้ล ขอถามนิดนึงนะคะ ค่าเทอม ที่เพลินพัฒนา ประมาณเท่าไรคะ ขอบคุณค่ะ
ดูจากหลักการน่าสนใจดีนะคะ แต่คงต้องวางแผนให้ดี น่าจะมีปัญหาให้ขบคิดต่อพอสมควร

[ศศรส บุญศิริ]

ขอตอบแทนแม่เปิ้ลนะคะ พอดีเพื่อนเพิ่งส่งลูกเข้าเรียนที่เพลินพัฒนา 2 คนค่ะ ที่นี่แบ่งภาคเรียน 4 เทอมต่อปี ค่าเทอม 20000/เทอม โดยโรงเรียนเรียกเก็บครั้งละ 2 เทอม สรุปคือ พ่อแม่ต้องจ่ายค่าเทอมปีละ 80000 ค่ะ ค่าเทอมมีปรับขึ้นทุกปีค่ะประมาณ 5% ต่อปี (อันนี้ไม่แน่ใจว่าปรับขึ้นกับเด็กที่เรียนอยู่แล้วด้วยหรือว่าเป็นอัตราเฉพาะเด็กที่เข้าใหม่ทุกปี) มีค่าแรกเข้าด้วยค่ะไม่แน่ใจว่าคนละกี่หมื่น .... อืม...ถ้าคุณแม่สนใจจริงก็ไปที่โรงเรียนเลยค่ะ

ร.ร.ทางเลือกแบบนี้เริ่มมีการต่อยอดการเรียนในระดับมัธยมต้นและปลายแล้วค่ะ แต่คงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่แพร่หลายเพราะแค่ระดับอนุบาลกับประถมยังนับจำนวนร.ร.ได้ครบด้วยนิ้วมือเลยค่ะ

ที่เห็นต่อยอดถึงมัธยมแล้วก็มีร.ร.รุ่งอรุณค่ะ ที่นั่นมีสถาบันอุดมศึกษาด้วยค่ะระดับปริญญาโท เท่าที่รู้คือ ป.โทด้านสถาปัตยกรรม แบบว่าเรียนรู้แนวใหม่เลยล่ะค่ะ อ่านข้อมูลได้จากเว็บของร.ร.รุ่งอรุณค่ะ ข่าวว่าตอนนี้กำลังปรับหลักสูตรสำหรับปริญญาตรีด้วยด้านศึกษาศาสตร์ คงจะอยากผลิตบุคลากรครูที่ตอบสนองการศึกษาแนวปฏิรูปให้ได้มากขึ้นเองกระมัง

ร.ร.รุ่งอรุณ มีลูกเพื่อนเรียนอยู่ค่ะ ตอนนี้อยู่ป.5 เรียนเก่งเลยค่ะ ทักษะทางสังคมดีมาก ความสามารถที่ไม่ใช่วิชาการ เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ ก็ดีมากๆ เลยค่ะ เวลาเรียนน้องเค้าก็สนุกมากๆ รู้จักคิดเอง ตั้งสมติฐานเอง ทดลองทำเอง มีความใฝ่รู้มากทีเดียว ทางโรงเรียนก็มีการสนับสนุนความเป็นสุดยอดทางวิชาการเหมือนเรียนในร.ร.ตามระบบด้วย สำหรับวิชาหลักๆ คณิต และวิทย์ฯ

มีข้อมูลเป็นตัวอย่าง แต่ไม่ได้สรุปนะคะว่าเด็กทุกคนที่เรียนร.ร.ทางเลือกแล้วจะเป็นแบบนี้ทั้งหมด พ่อแม่ก็ต้องลองศึกษาหาข้อมูลแล้วค่อยตัดสินใจกันล่ะค่ะ

[JJ Samui]

ขอบคุณมากค่ะ คุณศศรส ถ้าเด็กเรียนรร.อนุบาลปกติ แล้วย้ายไปรร.ทางเลือกตอนประถม หรือ มัธยมต้น คิดว่าจะมีปัญหาในการปรับตัวไหมค่ะ เพิ่งเริ่มหาข้อม฿ลยังไม่ค่อยรู้มากเท่าไหร่นะคะ

[คุณแม่ลูก4]

โอ้โห..ขอบคุณมากนะคะ ดีจังค่ะ

[sry]

ลูกเรียนอยู่ดรุณสิกขาลัยค่ะ....แตกต่างอย่างไร..แตกต่างมากในทุกๆเรื่องค่ะ..พอดีไปตอบไว้ในเว็บรักลูก..ยาวเลย..แนบ link
มาให้ลองเข้าไปอ่านดูนะคะเผื่อเป็นทางเลือก
http://community.momypedia.com/webboard_topic.aspx?tid=145451