เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
คุณพ่อคุณแม่บางท่านก็คิดว่า
“ตนเองได้พยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะช่วยฝึกสอนลูกได้เรียนรู้ภาษา ทำไมเล่าลูกของเราถึงทำไม่ได้เหมือนลูกคนอื่น ทำไมลูกคนอื่นทำดีกว่าลูกของตัวเอง” เห็นแล้วก็อีดอัดใจ, ผิดหวัง, ท้อแท้จนเกิดความกดดันในสมองและเครียด
จนอาจจะอารมณ์เสียบ้าง การแสดงความรู้สึกเช่นนี้เป็นธรรมชาติที่ห้ามกันไม่ได้ It is okay to feel that way.
อารมณ์เช่นนี้บังคับกันยากหน่อย
การสอนแรกๆของคุณพ่อคุณแม่ อาจจะได้มาจากประสบการณ์ที่เคยผ่านมาจากครูสมัยก่อน
หรือได้มาจากการสอนหรือคำแนะนำของพ่อแม่หรือของคนอื่นๆ โดยที่คุณพ่อคุณแม่บางท่านไม่มีความรู้ในการเข้าใจตัวเองและผู้เรียนรู้ อีกทั้งไม่มีความรู้ที่ว่า "การเรียนรู้และพัฒนาภาษาที่สองนั้น ต้องขึ้นอยู่กับลูกหรือบุคคลที่จะรับรู้ ว่าตัวลูกเองหรือบุคคลคนนั้นจะรับได้ตามที่เราสอนหรือไม่ ถ้าไม่ได้เราก็ต้องเข้าใจและปรับให้เข้ากับความถนัดในการเรียนรู้ของลูก เพื่อให้ลูกหรือคนๆนั้นเกิดความเคยชินกับสิ่งที่เราสอนไว้"
ฉะนั้นยังไม่สายเกินไปที่จะมาเข้าใจตัวเองและลูกของตัวเองเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะสอนลูกหรือบุคคลคนอื่นๆ
เพ็ญต้องขอรบกวนคุณพ่อคุณแม่มาร่วมกันตอบคำถามที่ด้านล่างนี้ด้วยกันนะคะ
เพราะคำถามเหล่านี้อาจจะช่วยเตือนสติและเข้าใจในตัวลูกรวมทั้งการเรียนรู้ของลูก
และรวมไปถึงความทรงจำที่จะนำไปดัดแปลงการฝึกสอนของคุณพ่อคุณแม่อีกด้วยค่ะ
เรามาเริ่มต้นด้วยการ ย้อนกลับไปนึกถึงภาพตัวเองสมัยเริ่มแรกเป็นเด็กนักเรียนว่า:
1. เราชอบครูคนไหนเป็นคนแรก
2. ครูทำอะไร ทำไมเราถึงชอบและจำครูได้อย่างแม่นยำ
3. ในที่สุดก็ถามตัวเองว่า ชอบวิชาอะไรเป็นพิเศษ
4. ครูสอนอย่างไรเล่าที่ทำให้เราเข้าใจได้ง่าย จนเรารักที่จะเรียนและชอบวิชานั้นมาตลอดไม่มีวันลืม
จำไว้อย่างเดียวคือ "พ่อและแม่คือคุณครูคนแรกของลูก"
เราต้องการสอนให้ลูกรักที่จะเรียนรู้ แทน เกลียดที่จะเรียน
และอยากให้ลูกให้เกียรติเราหรือครู แทนที่จะเกลียดพ่อแม่หรือครู
เพื่อสร้างให้เด็กมีความสุข, ความสนใจ, ความมั่นใจและความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ในสิ่งต่างๆที่เราสอน
Tags:
ชอบอีกแล้วค่ะ
อยากบอกว่า เคยคิด เคยรู้สึกกดดัน ว่าทำไม (ไม่เฉพาะกับเรื่อง 2 ภาษา แต่หมายถึงเรื่องพัฒนาการด้านต่างๆของลูกด้วย) ลูกฉันไม่เก่งเหมือนลูกคนอื่น ทำไมเพื่อนๆของลูกเก่งกว่า (ในด้านที่เราเห็นว่าเค้าด้อยกว่า เรามักจะไม่ค่อยมองเห็นด้านอื่นที่เค้าทำดีแล้ว)
แต่ตอนหลัง คิดได้อย่างว่า เราสอนลูกดีรึยัง ไม่ใช่ว่าเคี่ยวกวดวิชากับลูก แต่เราให้เวลาลูกเพียงพอรึยัง อยู่กับเค้า เป็นกำลังใจให้เค้า เราเห็นลูกมีความสุขรึเปล่า แล้วเราอยากเห็นอะไรจากลูก รอยยิ้มหรือแววตาคร่ำเครียต กังวลตลอดเวลา
คำตอบคืออยากเห็นลูกเราแจ่มใส มีความสุข อยากได้ยินเสียงหัวเราะของลูก แล้วเราก็อยากให้ลูกเก่งด้วย แต่จะสอนลูกยังงัย ให้เค้าได้เรียนรู้ทั้งรอยยิ้ม ทั้งที่มีความสุข อยู่ในสภาวะที่อยากจะเรียนรู้ ไม่ใช่โดนบังคับให้รับรู้ เราอยากให้เค้ามีความภาคภูมิใจในสิ่งที่เค้าทำ ในความสามารถของเค้า เพื่อที่เค้าจะได้มีความรู้สึกกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ต่อไปอีก
1. ชอบคุณครูอนุบาล ชื่อคุณครูอารมย์ ครูอีกท่านที่ชอบคุณครูผ่องศรี
2. ครูอารมย์ทำไมถึงชอบก็ไม่รู้จำไม่ได้ แต่คิดว่าคุณครูคงจะใจดี เราจำหน้าครูได้ค่ะ ครูก็งงๆว่าลูกศิษย์อนุบาลจำครูได้ด้วย
คุณครูผ่องศรี สอนเลขตอนมัธยมต้น อายุมาก ดุ แต่มีเหตุผล ชอบเพราะสอนเลขให้เราเข้าใจและสนุกเวลาเรียน
3. ชอบเลขค่ะ เำพราะสามารถเข้าใจได้ ไม่ใช่สักแต่ท่องจำ
4. ครูสามารถอธิบาย มีเหตุมีผล เราเรียนไป เราเข้าใจหลักการ เราก็จะทำได้ ผิดถูกอยู่ที่การฝึกฝน ได้ทำบ่อยๆ ก็จะยิ่งเข้าใจและจดจำได้แม่นยำยิ่งขึ้น
วิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่เกลียดที่สุด เพราะไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมต้องใช้แบบนั้นแบบนี้ รู้แต่ครูให้ท่องจำแล้วเอาไปสอบ เลยสอบตกทุกปีเพราะจำไม่เคยได้เลย
ต้องยอมรับตามตรงนะคะว่ามีตะหงิดใจบ้างที่ทำไมลูกเราได้แค่นี้ แต่พอมองย้อนกลับไปตั้งแต่แรกที่เค้าไม่รู้อะไรเลย แล้วกลับมาที่ปัจจุบัน ก็แอบภูมิใจเล็ก ๆ ว่าลูกเราก็ทำได้ (ก็ทำได้ดีในระดับอายุ สติปัญญาของเค้า วัยของเค้า) น้องเจก็ดูมีความสุขดีที่ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเรา อาจจะมีช่วงแรกของการไปโรงเรียนบ้างที่เอาแม่เทียบกับครู บอกว่าครูสอนไม่สนุก ปรับไปปรับมาระหว่างเรากับครูประจำชั้นและครูต่างชาติ ก็ลงตัว ลูกก็ชอบที่จะไปโรงเรียน ได้เรียนกับครู สนุกกับการเรียนไม่เพียงแต่ภาษาที่สอง สนุกกับทุกอย่างที่ครูเตรียมไว้ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ :)
มาตอบคำถามครูเพ็ญบ้างดีกว่าค่ะ
1. เราชอบครูจีรวัลย์ สมัยที่ไปสมัครเรียนที่พระหฤทัยคอนแวนต์ ใจดีมาก (สมัยเด็ก) แต่ก็เฮี๊ยบมากตอนช่วง ม.ต้น แต่ก็รักครูมาก ๆ เพราะครูสอนให้เรามีวินัย ดุไปหน่อย แต่เราก็ดีได้เพราะครู
2. จำได้ว่าวันที่แม่พาไปสอบ ครูคนนี้แหละช่วยประสานงานให้ทุกอย่าง ยิ้มหวานมากมาย พูดจาก็ดี รู้สึกดีจังเลยที่ได้เจอครูใจดี แต่พอเรียนมาจนถึง ม.ต้น ครูเป็นครูฝ่ายปกครอง อบรมทุกวันพุธ ตรวจเล็บ ถ้ายาวก็โดนเพี๊ยะ ผมยาวเกินติ่งหูก็เจอเชิญผู้ปกครอง ฯลฯ อีกมากมาย ระเบียบจัดอย่างนั้น ก็ส่งผลดีทำให้ชีวิตเราก็ดูมีระเบียบกว่าเพื่อนหลายคนตอนที่แยกย้ายไปเรียนที่ใหม่ ก็เลยว่าได้เห็นข้อดีมากมายของครูที่เฮี๊ยบบบบ!
3. ชอบเรียนวิชาภาษาอังกฤษค่ะ จริง ๆ แล้วครูจีรวัลย์สอนวิชาอื่นค่ะ (ก็ชอบแต่น้อยกว่าอังกฤษ) ไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมายแต่ว่ารู้สึกแปลกดี สับสนไม่แพ้ภาษาไทยเลย 555+ แต่ก็มีความสุขที่ได้เรียนเพราะมีครูหลายคนสอน สอนกันคนละแบบ มีคนละเทคนิค บางคนสอนจากหนังสือ บางคนสอนจากหนังสือพิมพ์ บางคนสอนจากเพลง บางคนคิดกิจกรรมสนุก ๆ มาให้เล่น แล้วก็เป็นวิชาที่เปิดโอกาสให้ (พยายาม) พูดภาษาอังกฤษด้วย (แต่ผลงาน "ห่วยแตกสุด ๆ" 5555+)
4. ตอบไปแล้วในข้อ 3 ค่ะ มันเป็นความประทับใจ ซึ่งอาจจะจำได้ไม่หมด แต่ก็แอบเอาเทคนิคบางอย่างมาปรับใช้กับน้องเจบ้าง
น้องเจเคยบอกว่าที่โรงเรียนมีพ่อครูแม่ครูไปสอนที่ห้องด้วย (พ่อครูแม่ครูก็คือ พ่อแม่ของเพื่อนที่ขอแจมไปร่วมสอนเด็ก ๆ) เมื่อไหร่มะม๊าจะไปสอนที่ห้องเจ่เจ๊ซะที ... น้องเจบอกว่า proud to present my mamy. ค่ะ แต่มะม๊าได้ขอโทษน้องเจไปแล้วล่ะว่า ไม่ว่างเลย เอาไว้เคลียร์เวลาได้จะไปสอนน๊า น้องเจยิ้มดีใจใหญ่เลย (แต่ในใจมะม๊าก็คิดนะ ... ว่าเมื่อไหร่น๊อ ... 5555+)
ชอบกระทู้นี้จัง เพราะโดนใจเต็มๆ
ธรรมชาติของมนุษย์โลกย่อมอยากดีอยากเด่น พอเราเป็นแม่คนก็อยากให้ลูกเราดีเราเด่นกว่าคนอื่น ตัวเองต้องยอมรับว่าเป็นเหมือนกัน เห็นลูกคนอื่นพูดไทยได้ฉอดๆ ก็เครียดทำไมลูกฉันพูดไม่ได้เลย ทั้งทีความผิดพลาดอยู่ที่ตัวเราเอง
ต้องคอยเตือนสติตัวเองอยู๋เสมอ....
ครูที่ชอบเป็นครูสอนฝรั่งเศส ครูกลมวรรณ
ครูไม่แค่สอนให้เราสอบเข้ามหาลัยได้ แต่ครูยังตามเป็นห่วงเป็นใยเรา เมื่อรู้ว่าเราเอ็นท์ติดมหาลัยต่างจังหวัด
ครูเขียนจดหมายไปหา(ดีใจสุดๆ)
ครูสอนให้เรารักที่จะเรียนภาษาที่สอง(หรือสาม) และกล้าพูด
เข้ามาแชร์ประสบการณ์ด้วยคนครับ เมื่อก่อนเคยคิดแต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้วครับ พยายามคิดในแง่บวก ไม่แข่งกับใคร ทำหรือสอนลูกไปแบบสบาย ๆ อยากให้เค้าแข็งแรง ร่าเริง กล้าแสดงออกสมวัยก็พอแล้ว ที่คิดแบบนี้เพราะไม่อยากกดดันทั้งตัวเราเอง และลูกเราด้วย แค่ไหนก็แค่นั้น ความคิดเปลี่ยน ชีวิตก็เปลี่ยนครับ ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ลูกให้ลูกได้ดีนะครับ แต่เราก็ดูตามความเหมาะสมว่าลูกเราชอบอะไร ทำอะไรแล้วมีความสุข ก็พยายามส่งเสริมในด้านนั้น ๆ แล้วค่อย ๆ สอดแทรกความรู้ต่าง ๆ เข้าไป สรุปแล้ว คือ อยากให้ลูกเติบโตเป็นคนดีมากกว่าเป็นคนเก่งอ่ะครับ แต่ถ้าได้ทั้ง 2 อย่างก็วิเศษสุด ๆ ไปเลยครับ
คำตอบสำหรับคำถาม ถ้าเป็นสมัยเด็ก ๆ (ประถม)
1. จำชื่อครูไม่ได้แล้วอ่ะครับ (ครูจะน้อยใจมั๊ยนี่)
2. ครูชอบเล่านิทานให้ฟัง(ทั้งห้อง)หลังเลิกเรียน และครูเป็นคนที่สอนให้รู้จักการแบ่งเวลาให้เป็น เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น เป็นครูที่มีเหตุผลและใจเย็นในการสอนมาก ๆ
3. น่าจะเป็นภาษาอังกฤษ เพราะรู้สึกว่าจะทำได้ดีกว่าวิชาอื่น ๆ
4. สอนจากประสบการณ์ตรง ได้ลงมือทำจริง ๆ ค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง ทำให้เราได้ความรู้ ความสนุก รู้จักคิด รู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ทำการทดลองอะไรใหม่ ๆ
คิดว่าคงจะตอบได้ไม่เหมือนคนอื่นๆ
เพราะตั้งแต่เล็กจนโตยังไม่เคยประทับใจครูท่านใดเลย(ครูขาอย่าโกรธหนูนะ)
เพราะตัวเองเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่งและไม่ตั้งใจเรียน(อย่าให้ลูกมาอ่านเด็ดขาด อิ๊ อิ๊)
แต่เพราะเหตุนี้ล่ะค่ะที่ทำให้ตัวเองอยากที่จะปูพื้นฐานก่อนวัยเรียนให้กับเขาเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องมาเป็นแบบเรา
ขอบพระคุณมากเลยค่ะสำหรับคำตอบของคุณพ่อคุณแม่ เพ็ญดีใจมากเลยที่มาช่วยสนับสนุนกันตอบเพื่อจะได้รู้ว่า พ่อแม่แต่ละคนหรือบางคนก็มีความรู้สึกเหมือนหรือคล้ายคลึงกัน
ที่ให้ตอบคำถามเกี่ยวกับความรู้สึกสมัยเป็นเด็กนั้น ก็เพื่ออยากจะให้คุณพ่อคุณแม่นำความรู้สึกและการเรียนการสอนของครูและของตัวเอง
ไปวิเคราะห์และทำความเข้าใจในความรู้สึกของเด็กที่ว่า
1. ทำไมเด็กถึงเรียนแล้วเข้าใจหรือไม่เข้าใจ
2. ด้วยวิธีไหนเล่าเด็กถึงจะเรียนรู้และเข้าใจ
3. อะไรทำให้เด็กมีความมุ่งมั่นหรือท้อแท้ที่จะเรียนรู้
เด็กแต่ละคนพัฒนาหรือรับรู้และซึมซับความรู้แตกต่างกันไป เราเองซึ่งเป็นผู้ใหญ่ยังเคยมีความรู้สึกเช่นนั้นต่อวิชาและครูแต่ละคน เอาไว้มีเวลาว่างหลังจากทำบัญชีกับภาษีรายปีเสร็จเพ็ญจะมาช่วยตอบให้ละเอียดกว่านี้นะคะ
ขอตอบคำถามคุณครูค่ะ
1. ชอบครูสอนวิชาภาษาอังกฤษทุกคนค่ะ (ไม่มีคนพิเศษ)
2. คุณครูสอนภาษาอังกฤษใจดีค่ะ ไม่เครียดและมีอะไรสนุกๆ ให้เล่นเวลาเรียนค่ะ
3. ก็คงเป็นวิชาภาษาอังกฤษอีกละค่ะ เพราะเพื่อนส่วนใหญ่ไม่ชอบภาษาอังกฤษค่ะ(คู่แข่งเราน้อย)
4. ชอบเวลาเรียนครูเปิดเพลงให้ฟังและมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เราเล่นค่ะ
วิชาที่ไม่ชอบคือวิชาภาษาไทยค่ะเพราะครูภาษาไทยดุและชอบถามค่ะถ้าตอบไม่ได้ก็จะให้เดินไปกราบหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงค่ะ (อายเพื่อนค่ะ) และเวลาเรียนไม่มีสมาธิเพราะทั้งเกร็งทั้งเครียดกลัวถูกถามค่ะ
Love Love ครูเพ็ญจังเลย บทความให้ 5 ดาวเลยค่ะ ดีมากๆๆๆๆ เตื่อนสติได้ดี
พี่เอาลิงค์ของบทความนี้ส่งให้น้องๆ คนอื่นด้วยค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับน้องๆ เพราะหลายคนเครียดกันอยู่
ตัวเองก็เครียดและกดดันลูกอยู่บ้าง เวลาที่สติกระเจิง หรือแอบอิจฉาลูกบ้านอื่นว่าทำไมเก่งจังเยยยย
แต่พอสติมา ก็มองลูกเราว่า เค้าก็มีความถนัดที่เค้าทำได้ดี และสำคัญดูเค้ามีความสุขเวลาทำ แบบนี้ แม่ก็มีความสุขแล้วเหมือนกัน
ขอบคุณครูเพ็ญที่น่ารักที่สุดอีกครั้งค่ะ อย่าเพิ่งท้ิงพวกเราไปนานนะค่ะ
แวะเข้ามาเขียนกระทู้ดีๆ แบบนี้เรื่อยนะค่ะ (ถ้าเวลาอำนวย)
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by