เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
Tags:
ว๊า .. เข้าข่ายป่าวน๊อเรา ... แต่อยากแชร์ล่ะ (จะว่ามั๊ยค๊า .. คริ .. คริ!)
โดยส่วนตัวเริ่มน้องเจตอนเกือบ ๆ 3 ขวบ ทุกวันนี้ที่ทำอยู่ ไม่ใช่ OPOL แต่เลือกเป็น OTOL อะค่ะ เพราะว่าเป็นแม่ที่ต้องสอนลูกทุกอย่างเลย ทั้งการเรียน ระเบียบวินัย ความประพฤติ ฯลฯ (ไม่ใช่ไม่ท้าทายที่จะสอนเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ท้าทายมากค่ะ แต่เลือกที่จะไม่ทำเพราะว่าลูกชาย ซน เฮี้ยว และเด็กต้องการความชัดเจนและความเข้าใจ เรายังเป็นคนไทยที่ยังต้องมีภาษาแม่ที่แข็งแรง (เพราะเรามองว่าเดี๋ยวนีัทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็ใช้ภาษาไทยเองยังไม่ถูกต้องเท่าที่ควร บวกกับสิ่งที่ทำให้อึ้งคือสิ่งที่น้องเจถามว่า อันนี้ อันนั้น ภาษาไทยว่ายังงัย ก็ทำให้เราปรับตัวเองอีกเยอะเลย) คุณพ่อก็ทำงานกรุงเทพฯ บางทีก็เดินทางต่างจังหวัด บางที (ที่ไม่อยากเลย) คือต้องเดินทางต่างประเทศ ภาระหนักที่เกี่ยวกะลูกก็ตกมาที่คุณแม่คนเดียว
ถึงแม้ว่าน้องเจจะเรียนแค่ อ.1 หลักสูตรสองภาษาที่โรงเรียน มีใช้ภาษาอังกฤษกับแม่บ้างที่บ้าน แต่คุณครูก็เขียนบันทึกแจ้งมาเสมอว่าน้องเจจะใช้ภาษาอังกฤษเยอะมากกว่าเพื่อนในห้อง (จริง ๆ ได้ฟังแค่นี้เราก็ดีใจนะ) ตอนนี้เนื้อหาที่เรียนเพิ่มมากขึ้น ทำให้เรามองว่าเราอยากจะปูพื้น อ.2 ให้น้องเจด้วย จึงจัดเวลาทบทวนบทเรียนให้น้องเจหลังทำการบ้านทุกวัน วันละ 1 ชั่วโมง (ฝึกความนิ่ง ฝึกกล้ามเนื้อมือ ฝึกสมาธิ และลดความห้าวววววว 555+) วิชาที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เราก็จะเน้นอังกฤษให้ วิชาที่ไม่เกี่ยวกะอังกฤษ เราก็จะไม่พูดอังกฤษเลย ทุก ๆ วันจะสลับทบทวนไม่ซ้ำวิชา มีทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน พยุงกันไปทุกทักษะ มีสลับศิลปะ ระบายสี ตัดปะ ฯลฯ ให้น้องเจคลายเครียดด้วย ที่ทำอย่างนี้เพราะว่าเราอยากสังเกตว่าน้องเจต่อต้านหรือตอบสนองเรายังงัย น้องเจอาจจะไม่รู้ตัวเองว่าโชว์ความถนัดอะไรออกมาให้เห็น แต่ว่าจะเป็นทางที่ดีในการพิจารณาหาทางเลือกที่เหมาะกับน้องเจในระดับประถมล่ะ
เรากะพ่อน้องเจอาจจะไม่ได้มองหลักสูตร EP, Bilingual, Inter สำหรับระดับโตของน้องเจ เพราะว่าเด็กผู้ชาย เราก็อยากให้เก่งเลขและวิทย์ด้วย ดูดีมีภาษีกว่าเรียนทางศิลป์เยอะ อย่างน้อยมันเฉพาะทางมากกว่า (แต่ไม่ใช่ทางศิลป์ไม่ดีนะ ก็ดีกันคนละแบบ แต่เรามองแบบนั้นมากกว่า แต่ภาษามันเป็นอะไรที่เหมือนวินัย ฝึกไว้ก็ไม่ลืม ถ้าไม่ฝึกก็ลืม อยู่ที่คน ๆ นั้น เราปูพื้นฐานได้ ที่เหลือลูกเองก็ต้องช่วยเหลือตัวเองด้วย เพราะเค้าไม่ช่วยเหลือตัวเอง ไม่ว่าเรื่องอะไร เราก็ช่วยเค้าไม่ได้ทุกเรื่อง ต้องฝึก ต้องหัด และต้องลงมือทำด้วยตัวเองได้ด้วย ถึงจะเวิร์ค 555+)
ทุกวันนี้ก็ใจชื้นมานิดนึงตรงที่น้องเจเองเรียกร้องอยากให้เราสอนเลขมากขึ้น แต่ว่าก็ไม่ได้ลดการใช้ภาษาอังกฤษลง เราก็ยังสอนอยู่ ทุกวิชาก็สอนอยู่ แต่ไม่ได้เข้มข้นมากเกินไปเกินกว่า อ.1 จะรับได้ เพราะมีอย่างอื่นที่สำคัญรออยู่เหมือนกัน ก็ปรับเปลี่ยนทุกอย่างตามความเหมาะสมค่ะ
ดูตัวอย่าง ตารางทบทวนบทเรียนของน้องเจ ได้ที่ลิ้งค์นี้อะค่ะ มีคำแนะนำ วิจารณ์ ฯลน แวะที่หน้าเว็บของ MaMa n'JaY บอกกันบ้างน๊าาาาา .. 5555+ (ปรับปรุงเองจนหัวฟู หัวขาวแล้วอะ 555+)
ขอบคุณคุณแม่น้องเจมากคะที่ร่วมแชร์ประสปการณ์
ตัวเองทำ opal เพราะอยากให้เค้าพูดได้เร็ว ๆ จนเค้าก็ชินนะคะ เนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองเริ่มช้าแล้วน้องพูดไทยแข็งมาก
แต่คนเล็กสองขวบยังพูดไม่ได้ซักภาษา พูดค่อนข้างช้าค่ะ
ที่กังวลคือมีคนพูดเยอะว่า เมื่อเข้าโรงเรียนในชั้นสูง ๆเค้าจะอยู่กับเพื่อนนานขึึ้นมาก ไม่เหมือนเด็กเล็ก ที่อยากเอาใจแม่อะค่ะ
เรื่องบางเรื่องอาจจะต้องทำใจล่ะ ;) แต่กันเคยคุยกะครูประจำชั้นของน้องเจ (และเป็นครูที่สอนภาษาน้องเจตอนนี้ด้วย) คือ ครูบอกว่าช่วงที่ลูกยังเล็กอยู่ ทำยังงัยก็ได้ให้เค้าอยู่กะเรามากที่สุด เพราะเข้าช่วงวัยรุ่นเด็กผู้ชายมักติดเพื่อน เราให้ความรักเค้ามาก ๆ อย่างน้อยใช้ใจเราดึงใจลูกไว้ เวลาที่เค้ามีสังคมของเค้า เค้าก็จะยังมีใจนึกถึงเราค่ะ ;)
ส่วนตัวของกันไม่ได้เน้นให้น้องเจพูดอังกฤษเร็วหรืออะไรค่ะ แต่ว่าเน้นให้พูดประจำ พูดเป็นวินัย พูดบ่อย ๆ น้องเจจะมีพูดไทยบ้าง อังกฤษบ้าง มากบ้าง น้อยบ้าง ขึ้นอยู่กับอารมณ์พ่อคุณ บางวันก็รัวอังกฤษจนกันตามไม่ทัน บางวันกันรวนพูดไทยเยอะ น้องเจก็จะเตือนว่ามะม๊าพูดอังกฤษ แต่ที่แน่ ๆ น้องเจไปบ้านครูต้องพูดอังกฤษตลอด เพราะบ้านครูไม่พูดไทย 555+
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by