เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

อุทาหรณ์จากการยัดเยียดการเรียนเกินไปทำให้เด็กสติขาด

Forward Mail ที่ได้รับมาค่ะ
โปรดอ่านให้จบเป็นประโยชน์กับทุกๆท่าน เรื่องจริงที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต

หวัดดีค่ะ... ก่อนอื่นจะเล่าเรื่องให้ฟังค่ะ...เพิ่งได้รับทราบมาเหมือนกันจากปากของเพื่อนทั้งน้ำตา...และคิดว่ามีประโยชน์ไม่มากก็น้อย... เพื่อนคนนี้ไม่ได้ติดต่อมานาน ประมาณเกือบๆ 4 ปีเห็นจะได้ คือไม่สนิทเท่าไรแต่พูดคุยกันได้และตอนนี้เพื่อนมีลูกแล้วค่ะ...แต่มีเพื่อนน้อย เพื่อนแต่งงานกับวิศกร(สามี)ที่เก่งมากค่ะ และตัวเพื่อนเองก็จบมหาลัยเอกชน ก็เกียรตินิยมอันดับ 2 ด้านภาษาต่างประเทศค่ะ คือเหมาะสมถึงไม่รวยมาก แต่ก็เกินปานกลางนะคะพอแต่งงานก็ไม่ได้ติดต่อใคร แต่ทราบว่ามีลูก ณ.ปัจจุบันก็ 7 ขวบกว่าแล้วค่ะ

โทรไปหาเพื่อนเพราะตอนนี้เรามีลูก 4 ขวบกว่าค่ะ ก็หาข้อมูลเรื่องการเรียนในนี้เป็นหลักและ อาศัยถามคนอื่นด้วยและไม่อายที่จะถามด้วย เพราะคิดว่ายิ่งรู้มากก็ยิ่งดีจึงได้โทรไปหาเพื่อนค่ะ และถามเรื่องลูกสิ่งที่ได้รับ คือการปล่อยโฮอย่างแรง ร้องไห้จะเป็นจะตายเดี๋ยวนั้นเราก็ตกใจ เฮ้ยแกเป็นไรว่ะเป็นไร.... มันบอกว่ามันอึดอัด มันจะบ้าอยู่แล้วปรึกษาใครก็ไม่ได้ทุกวันนี้ มันถูกตราหน้าว่าเป็นคนผิด... ' ผิดอย่างร้ายกาจ ' จากครอบครัวสามีและแม่ตัวเองมันปรึกษาใครก็ไม่ได้ เพราะพื้นฐานคือ...ทั้งสามีและเพื่อนเป็นคนเสียเงินเท่าไรเท่ากัน แต่อายหรือไม่สมบูรณ์ไม่ได้ดังนั้นมันจึงไม่ปรึกษาใครเลย เพราะมันอายและไม่อยากให้ใครดูถูกมัน เรื่องคือ... ลูกชายเข้าเรียนตอน 3 ขวบกว่านิดๆ ได้เข้าเรียนในระดับโรงเรียนดังเลย ค่าเทอมเป็นแสน คอมพร้อม เพื่อนดี สังคมดูดี เพอร์เฟ็กและโรงเรียนเป็นที่หมายตามากค่ะ
ที่นี้โรงเรียนดังก็พ่อแม่ต่างก็ผลักและดันกันสุดฤทธิ์(มันบอกอย่างนี้ค่ะ) เงินพร้อมซะอย่างก็คุยกันต้องติวอย่างนั้น
ต้องครูคนนี้ ฝรั่งคนนี้ ต้องเรียนนี้เสริมเจ๋งค่ะ เพื่อนก็เป็นเช่นนั้น

ที่นี้... ลูกเรียนวันจันทร์ – ศุกร์ยัน 6 โมงเย็น และเป็นอย่างงี้มาตั้งแต่อนุบาล 1 ถึง 3...
เข้านอน ไม่เกิน 3 ทุ่มเพราะต้องตื่นเช้าไปส่งตื่นตอน... ตี 5 ครึ่ง
เพราะเพื่อนมีบ้านในหมู่บ้านใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่นอกเขตและห่างจากโรงเรียนค่อนข้างมาก
ออกจากบ้านไม่เกิน 6 โมงเช้าเท่านั้น และไปถึงโรงเรียนประมาณเกือบ 7 โมง
วันเสาร์...เรียนพิเศษเสริมเริ่ม 8 โมงเช้าถึงบ่ายโมง และ ตอนบ่าย 3 เรียนว่ายน้ำจึงได้กลับบ้าน
ส่วนวันอาทิตย์...ครึ่งวันเช้าเรียนที่สถาบันคุมองต์เสริม ครึ่งวันหลังผักผ่อน...
ตอน 1 ทุ่มวันอาทิตย์ต้องทบทวนงานและเตรียมความพร้อม เพื่อไปเรียนวันจันทร์ไม่เกิน 3 ทุ่มเข้านอน
และเหตุการณ์ที่มันเล่าแบบสะเทือนใจตอนหลังคือ.... ลูกไม่มีเพื่อนในหมูบ้านเลยสักคนเดียว...
เพราะไม่ได้คุยกับใครอยู่แล้วสังคมเมืองของแท้ ปั่นแต่จักรยานของเค้าเท่านั้น
วันนั้น...วันอาทิตย์ลูกก็ปั่นจักยานไม่ยอมเข้าบ้าน แม่ก็เรียกให้มาอาบน้ำได้แล้ว 6 โมงเย็นแล้ว
เตรียมกินข้าวและทบทวนการบ้าน.ลูกก็ไม่ฟังเพื่อนและสามีโมโหบอกว่า ' เข้าบ้านเดียวนี้เข้าบ้านเลยทำไมดื้ออย่างนี้ยิ่งโตยิ่งดื้อ ' ( เพื่อนว่าลูก) จะไม่ให้ขี่จักรยานอีกต่อไป ตัวสามีก็ไปดึงจักรยานออกจากลูกและแม่มาจับลูกเข้าบ้าน
สามีบอกว่า...ป๋าจะโยนจักรยานทิ้งซะถ้าทำอย่างนี้อีก ลูกชายเข้าไปกอดขาพ่อ...และยกมือไหว้ป๋า อย่าทำหนูไม่มีเพื่อนที่ไหนจักรยานคือเพื่อนของหนู หนูมีจักรยานเป็นเพื่อนเท่านั้น...ป๋าอย่าทำนะทั้งเพื่อนและสามีก็ไม่ใส่ใจอะไร
เพียงต้องการให้เข้าไปอ่านหนังสือเท่านั้ั้น

และ...อีกเหตุการณ์หนึ่งกว่าจะจับใจความได้ มันร้องไห้ไม่หยุดเพื่อนร้องไห้เหมือนจุดพลุเลย...
ลูกกลับจากบ้านคุยกับพ่อและแม่ อยากดูอุลตร้าแมนมดเอ๊กช์บ้างเพื่อนๆคุยกันที่โรงเรียน..
เค้าไม่รู้เรื่องเลย เพื่อนยังบอกว่าที่บ้านไม่มีทีวีหรือไง(เด็กอนุบาลนะค่ะ) ทำให้เค้าไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ...
เค้าได้ดูแต่การ์ตูนเสริมความรู้เช่น ถ้าดู UBC ก็ประมาณ ดอร่าหมาบลู ประมาณนี้...สามีและเพื่อนบอกว่า
ลูกอย่าทำตัวไร้สาระได้หรือเปล่าตอนนี้เพื่อนๆ ลูกอยากทำอะไรก็ปล่อยเค้าไปการ์ตูนมีแต่ความรุนแรง
ไม่เสริมความรู้อะไรเลย เราได้เปรียบ...เราใช้เวลาทบทวนและเรียน...ในขณะที่คนอื่นเค้าไร้สาระ...ลูกลองคิดดู..โตขึ้น
ลูกก็จะเป็นนายของคนพวกนี้และคนพวกนี้จะไม่เหนือลูกเด็ดขาด การสอนจะประมาณนี้ตลอด... แต่เพื่อนบอกว่า
เค้าและสามีทำดีที่สุดและให้ในสิ่งที่ดีที่สุด ที่คนทั่วไปบางทีก็ให้ไม่ได้ด้วยซ้ำไป...ที่นี้หนักสุด...ต้องติวเข้า ป. 1
ที่นี้เวลาเล่นแทบน้อยมาก...แต่ก็ได้ติดที่ ป. 1 ตามที่หวังไว้แต่ก็ต้องเรียนเสริมเหมือนเดิม...ฯลฯ

จนถึงวันที่ลูกทนไม่ได้...จนลูกโกรธจนตัวสั่น..และพูดว่าเค้าจะไม่เป็นคนดี...เค้าเบื่อที่สุดแล้ว...เค้าอยากเล่นฟุตบอล...เค้าอยากวิ่งเล่น...อยากดูการ์ตูน...อยากอ่านขายหัวเราะให้พ่อแม่อนุญาตอ่านให้ฟัง เค้าเกลียดพ่อและแม่...ทำไมต้องบังคับ...ทำไมต้องอาย...ทำไมเค้าจะเป็นคนชั่ว...
( เพื่อนมันบอกว่าลูกพูดจนลิ้นพันกันตัวสั่นไปหมดจับลำดับคำพูดยาก) อะไรก็พูดๆๆๆๆออกมา ร้องไห้หน้าแดง
กำหมัดขว้างข้าวของเสียงดังในระหว่างนั้นสามีและเพื่อนก็ใช้เสียงดังเพื่อหยุดพฤติกรรมแต่ไม่เป็นผล
ยิ่งดังก็ยิ่งดังใส่จนเด็กเป็นลมคงสะสมมานาน พอผ่านไปสักระยะ...
จนทางโรงเรียนมีจดหมายมาถึงเพื่อเชิญผู้ปกครองไปพบพอไปถึงโรงเรียน ทางครูบอกว่า...ตอนนี้น้องมีอาการเหม่อลอย...ไม่มองกระดาน... และไม่มีปฎิสัมพันธ์กับเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว...ให้ทำอะไรทำได้หมดแต่ทำไปอย่างให้จบไป ไม่มีอารมณ์ร่วมแม้แต่น้อยบางครั้งก็มีน้ำตาเอ่อ...แต่ไม่ไหลออกมาเป็นระยะและพูดน้อยลง ใช้สายตาและท่าทางคิดมากขึ้น....ฯลฯ

เพื่อนและสามีไม่ยอมรับและไม่เชื่อ ก็สักพักใหญ่ๆ จึงไปพบหมอที่สมิติเวช
หมอแจ้งว่า...น้องกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างแรง บวกกับเก็บกดภายในสิ่งที่ฝืนความรู้สึกมานาน...
จนระเบิดออกมาเหมือนคนเสียสติ เค้าไม่ได้บ้า...หรือพิการทางสมอง... แต่เค้าปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างเอง...ไม่รับเอง...ไม่เอาเอง... ซึ่งตรงนี้น่าวิตกคือแล้วเมื่อไรเค้าจะรับและเปิดใจกลับมาเหมือนเดิม สมาธิและจิตใจได้ถูกตัดด้วยตัวเค้าเอง... เค้าอยากอยู่แต่ในโลกจินตนาการที่เค้าคิดว่านั้น คือความสุขของเค้า...ไม่อยากออกมาเลยด้วยซ้ำ...
คงต้องใช้เวลามากเพราะถ้าเรารู้ว่าเค้าสมาธิสั้น... เรามีทางแก้ ถ้าเค้าเป็นดาวน์...เรารู้วิธี แต่เค้าเลือกเองที่จะปิดตัวเองอย่างเด็ดขาด...ถ้าปล่อยไว้จะกลายเป็นคนวิกลจริตทางความคิดในอนาคต

ทุกวันนี้ผลคือ...สามีก็ยอมรับในระดับหนึ่ง แต่ก็เริ่มโทษภรรยามากกว่าโทษตัวเอง ตอนนี้มันรับกรรมเต็มๆ ลูกไม่สามารถเรียนได้แล้วคะ...
ต้องพบจิตแพทย์เด็กโดยตรง ถึงตรงนี้มันบอกว่ามันเรียกลูกกลับมาไม่ได้แล้วจริงๆมันเศร้ามาก มันก็กำชับไม่ให้ดิฉันบอกใครเพราะมันอาย แต่เรื่องนี้มีความรู้มากไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าอาย...
เมื่อทุกท่านได้อ่านเรื่องนี้จบแล้ว อย่าเก็บเรื่องนี้เอาไว้คนเดียว...กรุณาส่งเมลล์
ไปบอกกับใครก็ได้หรือญาติพี่น้องของเราก็ได้ เผื่อว่าเหตุการณ์ที่เล่ามานี้จะได้ไม่เกิดกับบุคคลที่ท่านรัก...เป็นรายต่อไป

Views: 1397

Replies to This Discussion

ได้อ่านกระทู้นี้เพราะคุณแม่ดี้ แม่ลูกแฝด ดันกระทู้ขึ้นมาแท้ๆ ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณคุณแพท เจ้าของกระทู้ด้วย แฟนเดียร์ เคยเล่าเรื่องทำนองนี้ให้ฟังเหมือนกัน เค้ากลัวว่าเราจะยัดเยียดลูกมากไป แต่ก่อนเป็นนะ ชอบพาลูกไปเรียนเสริมนั่น เสริมนี่ พอแฟนย้อนกลับมาถามว่า เธอเริ่มเรียนพิเศษตอนไหน เราก็ตอบไปว่า ตอนอยู่มัธยม เท่านั้นละ ได้คิดเลยว่า จะวิชาการอะไรหนักหนากับเด็กวัยอนุบาล ประถม เดี๋ยวนี้ลูกก็ไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหน แต่เกรดเฉลี่ยเค้าก็อยู่ในระดับดี ทั้งสองคนพี่น้อง ไม่เครียดด้วย เคยถามเค้าว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร(เห็นเค้าชอบเรื่องเครื่องยนต์กลไก) เค้าตอบว่า อยากเป็นนักแข่งรถครับ แม่ก็อึ้งน่ะสิ แต่มีคนเคยบอกว่าอย่าไปพยายามเปลี่ยนแปลงความอยากของเค้าเลย ให้เค้าได้ฝันใฝ่ของเค้า (ความชอบ และความฝันเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ) การได้ทำอะไรที่ตัวเองชอบแล้วจะมีความสุข ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ยังเป็นเลย จริงมั้ยคะ
จริงค่ะ ตอนนี้เค้าอาจจะอยากเป็นนักแข่งรถ แต่พอเค้าโตขึ้น เห็นโลกมากขึ้น ความคิดก็อาจจะเปลี่ยนไปได้นะค่ะ

อ่านแล้วเศร้านะคะ ขนาดลูกพยายามที่จะส่งสารบางอย่างแล้ว แต่คุณพ่อและคุณแม่กลับมองไม่เห็น

อ่านแล้วต้องกลับไปสังเกตุลูกเราให้มากขึ้นนะคะว่าเขากำลังจะบอกอะไรกับเรา ทั้งภาษาพูดและภาษากาย

ขอบคุณนะคะสำหรับข้อมูลดีๆ เป็นเรื่องน่าเศร้านะคะ แต่คนเป็นพ่อแม่ก็อยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่บางทีก็มากเกินไป  
อ่านแล้วน้ำตาซึม ตั้งแต่ที่ลูกกอดขาพ่อและบอกว่า จักรยาน คือเพื่อนของเขาแล้ว สะเทือนใจสุด ๆ สงสารเด็กน้อยมาก ๆ ค่ะ และก็คงต้องสงสารคุณแม่ด้วย เข้าใจคนเป็นแม่ค่ะ เป็นการเตือนใจ พ่อ แม่ ได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ " รักลูกให้ถูกทาง"

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service