เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

มาช่วยกันหาอาชีพในอีก20ปีข้างหน้าให้ลูกกันดีกว่า

ความจริงก็ต้องบอกว่าเมื่อถึงเวลาก็คงแล้วแต่เด็กๆเองที่เป็นคนเลือกอาชีพด้วยตัวเองละ่ครับ รักชอบอะไรก็คงทำอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่คิดว่าการที่เรามีโอกาสเข้ามาอาศัยชายคาหมู่บ้าน2pasaนี่ก็ถือว่าแซงเขาไปหลายช่วงตัวแล้ว ไหนๆก็ไหนๆมาถึงตรงนี้แล้วช่วยกันเปิดโลกทัศน์เรื่องอาชีพให้รู้กันบ้างดีกว่าอยู่นิ่งๆ เรื่องราวเกี่ยวกับอาชีพนี่ถ้าไม่แบ่งปันกันก็คงไม่ทราบเรื่องราวของอาชีพอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเรากันซักเท่าไร ตอนนี้หมู่บ้าน2pasaมีสมาชิกหมื่นกว่าคนหากช่วยๆกันบอกเล่าเก้าสิบ โห....คงได้รู้กันอีกหลายๆอาชีพ 
แต่ก่อนนี้อาชีพที่คิดถึงกันอันดับแรกๆก็น่าจะเป็นหมอ รวมไปถึง นักธุรกิจ ทหาร ตำรวจ วิศวกร นักบิน แอร์โฮสเตส เขาเป็นกันยังไงก็ไม่รู้ ต้องเรียนอะไร ชีวิตเป็นอยู่อย่างไร ในแต่ละอาชีพก็มีรายละเอียดลงลึกไปอีก หมอเด็ก กับหมอศัลยกรรมไม่รู้ใครหาตังค์ได้มากกว่ากัน หรือหาตังค์ได้ไม่มากแต่อาจจะHappyมากกว่า
พ.ศ.นี้มีอาชีพที่ยังไม่ค่อยรู้จักแต่สามารถหารายได้เป็นกอบเป็นกำอีกหลายอย่าง นักคณิตศาสตร์ประกันภัย นัก เจรจาต่อรองมืออาชีพ  นักธรณีวิทยา นักวิเคราะห์ผลิตภัณ์ยา  พวกนักเรียนที่เรียนจบด้านปิโตรเคมีเขาไปทำงานอะไรกัน รายได้ดีไหม พออยู่ได้ไหม ..งานในแวดวง International ยุ่งยากไหมและถ้าเป็นงานระดับWorld Class ล่ะชาตินี้จะมีโอกาสไหมนะลูกเรา...ถ้าอยากเป็นแบบนั้นจะต้องเรียนด้านไหนมากันนะถึงจะมีโอกาสกับเขาบ้าง
คราวนี้ถึงเวลาที่ลูกโตๆกันแล้วไม่รู้ว่าอีก20ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง พ.ศ.2573 น่าจะมีอาชีพใหม่ๆเกิดขึ้นมาอีกไหม หากลองจินตนาการคาดเดาผิดๆถูกๆก็น่าจะสนุกดี
อยากชวนมาแบ่งปันความรู้เรื่องอาชีพและการเดินทางไปสู่อาชีพนั้นๆว่าเขาเดินทางไปสู่ดวงดาวกันยังไงนะ่ จะได้ช่วยเด็กๆในหมู่บ้าน2pasaนี้ให้เบาตัวขึ้นไปอีกหลังจากที่ผู้ใหญ่บิ๊กได้เริ่มโมดิฟายด์เครื่องยนต์ของเด็กๆในหมู่บ้าน2pasaจนแรงจัดพอสมควรแล้ว ชวนกันมาช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางของเด็กๆนะครับจะได้ไม่ต้องไปทำงงงงกันตอนใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัย หวังว่าจะได้รับความกรุณาแบ่งปันความรู้จากครอบครัว2pasaในหมู่บ้านแห่งภูมิปัญญาร่วมแห่งนี้นะครับ

Views: 1632

Reply to This

Replies to This Discussion

อยากลูกทำงานหอบังคับการบินค่ะ
รู้จักใครที่หอบังคับการบินหรือครับถึงประทับใจเป็นพิเศษ ความจริงเริ่มต้นดีนะครับมีอาชีพที่มองๆไว้ก่อน แหม..นี่ถ้ารู้ถึงLife Style ของผู้ที่ทำงานอาชีพนี้ก็ดีนะครับ รวมถึงรายได้ด้วยว่าน่าสนใจไหม ถ้าน่าสนใจก็ค่อยๆเริ่มหาข้อมูลว่าเส้นทางไปสู่อาชีพนี้เขาไปกันยังไง เรียนอะไร เข้าเรียนยากไหม แต่ความจริงอยากให้คุณแม่ค่อยๆพาลูกไปสัมผัสกับอาชีพนี้โดยตรงเลยดีกว่าเผื่อให้โอกาสลูกได้ทดลองความรู้สึกด้วยว่าเป็นชีวิตเขาได้หรือเปล่า ถ้าชอบก็บอกได้เลยว่าแซงคนอื่นไปหลายช่วงตัวแล้วและถึงแม้วันนึงเกิดเปลี่ยนความคิดก็ไม่มีอะไรเสียหายหรอกครับ ตอนนี้เด็กๆส่วนใหญ่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนกันแบบสุดๆโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร แต่ที่แย่ก็คือข้อมูลเรื่องการทำงานในหอบังคับการบินนี่ผมไม่มีเลยก็ได้แต่ชวนๆเพื่อนๆสมาชิกหมู่บ้าน2pasaที่พอรู้บ้างให้ช่วยกันเข้ามาแบ่งปันแบช่วยๆกัน แต่ถึงไม่มีใครที่จะช่วยได้ผมก็ว่าคุณแม่ได้เริ่มพาน้องโบอิ้งเดินล้ำหน้าคนอื่นไปพอสมควรแล้วละครับ.
เห็นว่าคุณแม่น้องโบอิ้ง อยากลูกทำงานหอบังคับการบิน ใช่งานที่ต้องติดต่อกับนักบิน เพื่อให้เครื่องบินลงจอดหรือเปล่าค่ะ ถ้าอย่างนั้น เค้าเรียกว่า เรียกว่า ATC หรือ Air Traffic Controller ค่ะ
ลอง ดู ที่link นี้นะคะ

http://www.catc.or.th/2010/course.php?ch=Show&file=course_all
ใช่เลยครับ ไม่แน่ใจว่าคุณแม่น้องโบอิ้งได้ตามเข้ามาดูรึเปล่า คิดว่าชัดเจนเลยครับหากไม่ได้ติดตามก็น่าเสียดายนะครับ.
ส่วนตัวผมเชื่อเรื่อง "จังหวะชีวิต กำหนดอาชีพ" มากกว่า "การเรียนและจบสาขาวิชาไหน" ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาตัวเองให้มีศักยภาพในการยืนอยู่ ความสามารถในการเรียนรู้ และปรับให้เข้ากับสังคมที่เปลี่ยนไป
จริงๆ ได้กับตัวค่ะ เพียงเรามีความสามารถ มีความรู้ มีพื้นฐานด้านจิตใจที่จะสามารถยืนอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ สภาพสังคมที่แข็งขันกันขึ้นทุกวัน เราก็สามารถที่จะทำงานอะไรก็สำเร็จ มีความสุขได้ ....งานที่สาบยรายได้ดีคืองาน ที่เราสบายใจ บางทีเงินไม่ใช่คำตอบสุดท้ายแต่คือ หลายองค์ประกอบเข้าด้วยกัน
ขอบคุณผู้ใหญ่บิ๊กที่แสดงความเห็นต่อกระทู้เล็กๆนี้นะครับ เรื่องสังคมกับการเป็นอยู่ในภาวะปัจจุบันเป็นเรื่องใหญ่ค่อนข้างมากแนวคิดในการดำรงอยู่ก็สำคัญมากพอๆกับการเป็นอยู่เพราะเป็นที่มาของการดำเนินชีวิต รู้สึกภูมิใจมากครับที่ผู้ใหญ่บิ๊กได้ให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้ด้วยตัวเองเลย.
เห็นด้วยกับคุณบิ๊กค่ะ

โดยส่วนตัวทุกวันนี้ก็พยายามสังเกตว่าน้องเจมีความถนัดไปทางไหน ชอบเรียนหรือทำกิจกรรมอะไร ก็จะส่งเสริมหรือเพิ่มเติมตามความเหมาะสมเพื่อให้ลูกได้มีโอกาสเลือกในสิ่งที่ต้องการจริง ๆ ควบคู่กับการสอนศาสนา ศีลธรรมจริยธรรมผ่านการเล่น และพยายามเป็น (คุณแม่ต้นแบบ - คิดเองนะคะ 555+) นำร่องให้ลูกได้ใช้ชีวิตด้วยความเรียบง่าย ช่วยเหลือตัวเองได้ สอนให้รู้จักแพ้-ชนะ ยอมรับความจริง และรับในเหตุผลที่ต้องฟังกัน (ไม่ใช่จะเป็นผู้พูดฝ่ายเดียว) มีน้ำใจกับสังคมคนรอบข้าง ฯลฯ ซึ่งดูเหมือนยาก เครียดหรือเด็กจะเข้าใจได้ยังงัย แต่เราสอนให้ลูกเข้าใจง่าย ๆ ผ่านกิจกรรมการเล่นหลายอย่างที่คิดเองมั่ง ประยุกต์ให้เหมาะกับอุปนิสัยลูกเรามั่งค่ะ ทุกวันนี้ก็พยายามอยู่ พยายามให้ดีที่สุดด้วย ;)

และโดยส่วนตัว (อีกแล้ว) ไม่ได้กะเกณฑ์ให้ลูกถึงทั้งเรื่องเรียนและอาชีพ เส้นทางของลูก ลูกควรต้องรู้ตัวเอง เลือกเอง เราคงเป็นแม่ที่ให้คำปรึกษาอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนคุยปรับทุกข์ให้ลูกได้ และคอยตบ ๆ ๆ ให้ลูกเข้าทางเวลาที่ลูกเริ่มออกนอกลู่แล้วค่ะ ;)
ชอบมากนะค่ะ สำหรับคำพูดที่ว่า " ชอบเรียนหรือทำกิจกรรมอะไร ก็จะส่งเสริมหรือเพิ่มเติมตามความเหมาะสมเพื่อให้ลูกได้มีโอกาสเลือกในสิ่งที่ต้องการจริง ๆ ควบคู่กับการสอนศาสนา ศีลธรรมจริยธรรมผ่านการเล่น" การสอนศาสนา ศีลธรรม ควบคู่กันไป คุณแม่มีวิธีการอย่างไรค่ะ ขอโทษด้วยนะค่ะ ที่แทรก แต่อ่านแล้วโดนใจมากค่ะ บีค่ะ
ล่าสุดที่เพิ่งสอนไป ... เรื่อง "โกหก" ตอนแรกกันไม่แน่ใจว่าน้องเจโกหกจริงมั๊ย เพราะอยู่บ้านน้องเจไม่เป็นอย่างงั้น แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าเพื่อนทั้งสามคนที่มีปัญหากะน้องเจทำน้องเจหลายครั้งแล้ว แต่น้องเจไม่ได้บอกครู แต่ก็มีแผลมาให้เราเห็นเป็นระยะ แต่ด้วยแผลที่เล็ก และเด็กก็เล่นกัน ก็ไม่ติดใจอะไร จนวันนึงที่น้องเจเอารองเท้าปากลับเพื่อน แล้วเพื่อนเองก็แม่นกว่าคือปาโดนใต้ตาของน้องเจ ครูจึงเรียกครูกรณีทั้งสี่คนมาคุยว่าใครทำใครก่อน ปรากฎว่าสามคนบอกว่าน้องเจทำก่อน แต่น้องเจกลับบอกว่าน้องแพลน (เพื่อนน้องเจ) ทำก่อน ครูจึงเปิดโทรทัศน์วงจรปิดดู ก็รู้ว่าน้องเจทำเพื่อนก่อน ... มันเลยงานเข้า! ครูประจำชั้นทั้งครูไทยและครูต่างชาติโทรมากันคนละรอบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และครูยืนยันว่าน้องเจทำเพื่อนก่อน แต่น้องเจโกหก .... เราก็คิดว่าถ้าปล่อยไว้อย่างงี้นานไป ต้องติดนิสัยแน่นอนเลย ก็เลยสบโอกาสตอนไปบ้านญาติที่เชียงคำ และได้มีโอกาสไปไหว้พระ แล้วที่วัดนั้นเค้าทำสวนสวรรค์-นรกไว้ด้วย ...
ได้การแล้ววว ... เรากะพ่อน้องเจมองหน้ากัน เรารีบหยิบกล้องเลยล่ะ ชวนน้องเจไปเดินในสวนนั้น เราพาน้องเจเดินจากสวรรค์ก่อน เพราะเราเชื่อว่าเด็กต้องอยากเห็นสิ่งที่สวยงาม เราก็อธิบายไปเรื่อยว่าบนสวรรค์มีอะไร ทำงัยได้ขึ้นสวรรค์ ชี้พระ ชี้คนทำดีให้ดูว่าหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เดินไปเรื่อย ๆ เราเริ่มวกกลับเข้าไปในนรก แต่ตรงนี้เรากลับไม่เล่านะ เราให้ลูกเห็นก่อนว่าสิ่งที่เห็นน่ากลัวมั๊ย ... น้องเจก็บอกว่าน่ากลัวอยู่ ที่แรกที่พาไปดูเลยคือตรงที่ "ยมบาล" นั่งอยู่และมีเหล่าวิญญาณที่ตายแล้วมาร้องขอชีวิต เราก็พูดเรื่อย ๆ พาเดินไปด้วย จนหยุดตรงที่เปรต ถามว่ารู้จักมั๊ยเนี่ยตัวไร (เด็กอะเน๊อ .. จะรู้ได้งัย) เราก็บอกเนี่ย เค้าเรียกเปรต ตัวสูง มือเท้าเท่าใบลาน ปากเท่ารูเข็มเลย น้องเจก็ทำหน้าสงสัยนะ ทำไมเป็นงั้น ... เข้าทางแม่พอดี ก็รีบบอกเลย คนนี้เวลามีชีวิตอยู่ชอบกรี๊ด ตี ไม่รักพ่อแม่ ตายไปก็เป็นอย่างงี้ กินไรก็ไม่ได้ ปากเล็กนิดเดียว ร้องวิ้ว ๆ ๆ ๆ ได้อย่างเดียว แล้วก็รีบแทรกเลยว่าถ้าน้องเจไม่อยากเป็นอย่างงี้ มีนิสัยอย่างงีัไม่ได้เลยนะ มะม๊าช่วยไม่ได้เลย บาปใครทำ คนนั้นรับไป ....
เดินมาอีกนิดติดกัน สูงเหมือนกัน ลิ้นยาวมากกกกก ตัวนี้โดนใจ รีบบอกน้องเจว่าคนนี้เมื่อมีชีวิตอยู่ ชอบโกหก ทำผิดแล้วโยนความผิดให้คนอื่น ลิ้นจะยาวววว .. รอให้มัจจุราชหน้าวัวเอาหอกมาทิ่ม มามีดมาตัด ถ้าไม่อยากเจ็บปวดอย่างงี้ ไม่ควรโกหกนะ แล้วน้องเจก็ยังมีคำถาม ๆ เพิ่มเรื่อย ๆ เราก็แทรกในส่วนที่นิสัยไม่ดีของน้องเจประยุกต์เข้าไปเรื่อย ๆ (ก็คล้าย ๆ กะตอนที่มะม๊าสอนเราตอนเด็ก ๆ เลย 5555+) แล้วก่อนจะออกจากสวนนั้นมา ก็ถามน้องเจซ้ำเลยว่าอ้าว .. ทำไมคนนั้นตกนรก ทำไมคนนี้เป็นเปรต เป็นเปรตกินไรได้ป่าว อะไรทำนองเนี้ย น้องเจค่อนข้างเข้าใจ แล้วสรุปบอกน้องเจก่อนขึ้นรถว่า คนเราทำดี ทำไม่ดี สวรรค์ก็จดบันทึก นรกก็จดบันทึก ใครทำอะไรได้อย่างงั้น เราพยายามทำดีใครจะเห็นหรือไม่เห็นไม่สำคัญ ให้เรารู้ว่าเราทำดีแล้ว และขอให้น้องเจใจเย็นด้วยนะ .. น้องเจก็พยักหน้าเข้าใจล่ะ ;)

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service