เก่ง ดี มีสุข อะไรควรมาก่อนกันนะนี่.

[ภฤศวัฒน์ เวชอุไร]

กำลัง สงสัยว่า 3สิ่งนี้ถ้าเรียงตามลำดับความสำคัญแล้วอะไรน่าจะมาก่อนกัน เพราะกำลังจะเลือกมาใช้กับลูกๆครับ
a. 1.เป็นคนเก่ง   2.คนดี         3.มีความสุข
b. 1.เป็นคนเก่ง   2.มีความสุข  3.เป็นคนดี
c .1.เป็นคนดี     2.มีความสุข   3.เป็นคนเก่ง
d. 1.เป็นคนดี     2.เป็นคนเก่ง  3.มีความสุข
e. 1.มีความสุข   2.เป็นคนเก่ง  3.เป็นคนดี
f.  1.มีความสุข   2.เป็นคนดี     3.เป็นคนเก่ง
ถ้าต้องเป็นคนออกข้อสอบและมีข้อถูกต้องเพียงข้อเดียวผมก็คงงงงงนะครับว่าข้อไหนน่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ถึงแม้คำถามเป็นแบบมีสักษณะเฉพาะของแต่ละครอบครัวที่ไม่มีข้อผิดหรือข้อถูก หรืออาจจะถูกทุกข้อ แต่เวลาใช้จริงก็ต้องเลือกมาหนึ่งข้ออยู่ดี...Hmmm..เลือกข้อไหนดี

[ภฤศวัฒน์ เวชอุไร]

เป็นประโยคที่ร้ายยยยที่สุดเท่าที่มีมาในกระทู้นี้ครับ.

[YuhKha]

เคยโดนมาแล้วใช่ไหมคะ 555 ล้อเล่นนะคะ
เอาแบบเป็นการเป็นงานก็ได้คะ คือยุมองว่าเก่งและดีคือสิ่งที่สังคมกำหนด แต่ความสุขตัวเค้าเป็นคนกำหนด ทุกสิ่งอยู่ที่ใจ อยากให้เค้ามีความสุขที่ได้ทำดีไม่ใช่ทำดีแล้วมีความสุข ส่วนเก่งแล้วไม่ดี น่ากลัวคะ แต่เก่งแล้วดีก็อย่าเด่น มันเป็นภัย

[ภฤศวัฒน์ เวชอุไร]

มีสองประโยคทองคำ ขออนุญาตยกขึ้นมาให้เห็นกันชัดๆนะครับ
1."เก่งและดีคือสิ่งที่สังคมกำหนด แต่ความสุขในตัวเขาเป็นคนกำหนด"
2."อยากให้เขามีความสุขที่ได้ทำดี ไม่ใช่ทำดีแล้วมีความสุข"
อันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแน่นอนครับ และที่เขียนๆมานี่อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆนะครับเพราะถ้าคิดอย่างนั้นก็ขอแจ้งให้ทราบว่าคุณYuhKhaกำลังเข้าใจผิดอย่างแรงมากๆ

[YuhKha]

ไม่ได้พูดเล่น เป็นการเป็นงาน เรียกว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดของการเลี้ยงลูกเลยก็ว่าได้ และมันยากมากถึงมากที่สุดสำหรับแม่มือใหม่คนนี้นะคะ คุยกับใครเค้าก็หาว่าเพ้อ

[boj]

เลือกเป็นคนดีก่อนดีกว่านะครับเพราะมันเป็นพฤติกรรมที่ยากที่สุดในการฝึกหัดมันต้องมีติดตัวมาพอสมควรประกอบกับสิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ที่เขาได้ประสบพบเจอเรียนรู้สะสม กลายเป็นนิสัย... ความสุขเป็นเรื่องของทัศนคติ มุมมองที่เขาสั่งสมการรับรู้และมองสิ่งนั้นๆว่าชั่วดี มีสุขทุกข์ อย่างไร คนที่เคยทุกข์กลับเป็นสุขได้เพราะได้เรียนรู้ ส่วนเก่งอันนี้ละไว้ให้พวกพรสวรรค์ไม่ต้องพูดถึง แต่เป็นทักษะที่มนุษย์ฝึกฝนได้ง่ายที่สุด ถ้าอยากรู้เรื่องอะไรก็ไปเรียนไปอ่าน เราเคยได้ยินประโยคนี้อยู่บ่อยๆคนดีมีโอกาสเก่งได้เพราะใฝ่ดีอยู่ในสำนึก แต่คนเก่งไม่น่้อยใช่ว่าจะเป็นคนดี ต่ออีกนิดกำลังสนุกครับ เรื่องราวขำๆอย่าซีเรียสนะครับ ถ้ามีเพื่อนมาขอลอกการบ้าน คนเก่งรีบเก็บการบ้านใส่กระเป๋าแล้วหัดมาบอกว่าเรื่องไรฉันจะให้เธอลอกฉันจะไปฟ้องครู แต่คนดี กลับบอกว่าเอางี้มาดูการบ้านของฉันมั้ยฉันไม่แน่ใจว่าจะถูกทั้งหมดฉันจะช่วยสอนเธอด้วยหรือถ้าไม่เข้าใจก็ไปถามครูด้วยกันดีมั้ย ถ้าให้เลือกได้ขอเลือกให้ครอบครัวเราเป็นคนดีครับ

[ภฤศวัฒน์ เวชอุไร]

ว่าแล้ว...ผู้ใหญ่บ้านของเราเลือกหัวหน้าห้องไม่ผิด คุณจ๊อบเลือกเป็นคน*ดี ก่อนส่วนความ*สุข เป็นเรื่องของทัศนคติและมุมมองที่สั่งสม ส่วน*เก่ง อันนี้ละไว้... เป็นทักษะที่มนุษย์ฝึกฝนได้ง่ายที่สุด คุณจ๊อบเลือกข้อ c1.เป็นคนดี 2.มีความสุข 3.เก่ง เชื่ออย่างที่คุณจ๊อบให้ความคิดเห็นไว้ครับ คนดีที่ยังไม่เก่งฝึกให้เก่งได้ไม่ยาก แต่คนเก่งที่ไม่ดีเห็นว่าจะฝึกให้เป็นคนดีคงจะยาก..มาก ส่วนเรื่องการบ้านผมก็ชอบคนดีอย่างที่คุณจ๊อบว่าไว้อีกล่ะครับ...แหมเพื่อนก็ต้องให้เพื่อนลอกการบ้านซิเขาถึงจะเรียกว่าเพื่อนตาย..Hmmmm(ครูรู้ว่าเราคิดอย่างนี้คงโดนตีแน่เลย..โดนแน่ๆ)

[YuhKha]

ให้เพื่อนลอกการบ้านเข้าข่ายทุจริตเหมือนกันนะ คนดีต้องบอกว่าเราให้เธอลอกไม่ได้หรอก แต่เราจะสอนเธอให้ ส่วนคนที่ให้ลอกเรียกว่าไม่แคร์สื่อ เธอสุขฉันสุข win-win รึเปล่า

[น้องเรเน่]

ขอเลื่อก 2 ข้อนะค่ะ ตัวเลือกที่ 1. ข้อ a เอาตามสภาพสังคมปัจจุบันที่เป็นอยู่นี้นะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสังคม,บ้านเมือง, สิ่งแวดล้อมรอบตัวต่าง ๆ
อันดับแรกเลยคื่อโดยส่วนมากแล้วในความเป็นจริงทุกคนจะยกย่องคนที่เก่งกว่าเท่านั้น ใครที่เป็นคนเก่งจะได้รับความน่าเชื่อถือ ความชื้นชม
และเมื่อเก่งแล้วอย่าพองตัว อย่าเป็นคางคกขึ้นวอ ขอให้ใช้ความเก่งที่ตัวเองมีอยู่ให้เป็นประโยชน์กับตัวเองและส่วนรวมให้มากที่สุด ให้เป็นคน
เก่งทีมีพร้อมกับความดี เพราะสภาพสังคมปัจจุบันไม่เหมือนสมัยโบราณทุกอย่างต้องแก่งแย่งกันทั้งนั้น ค่อนข้างที่จะเห็นใจกันน้อยมาก (ไม่เหมือนหมู่บ้านนี้นะค่ะ อย่าลืม) นอกเรื่องนิดหนึ่ง อิอิ เพราะฉะนั้นคนจะต้องเก่ง และเป็นคนดี เมือเก่งและทำความดีต่อส่วนรวมแล้ว ใจของเรา
ก็จะมีความสุข ที่ได้ใช้ความเก่งช่วยเหลือแบ่งบันให้กับสังคม ให้กับส่วนรวม แล้วเราก็จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ช่วยกันพัฒนาสังคมให้ของ
เราให้มีศักยภาพต่อไป
ตัวเลื่อกที่ 2. ข้อ f อยากเลือกข้อนี้เพราะคิดถึงตอนเป็นเด็ก ๆ อยากทำทุกอย่างให้มีความสุขเมื่อเรามีความสุขแล้ว ใจเราก็สุข พร้อมกับเป็นคนดีของทุกคน ไปที่ไหนก็มีความสุข มองอะไรก็มีความสุข เมื่อมีความสุขแล้วก็พร้อมที่จะเรียนรู้ว่า จะทำอย่างไร
ให้เป็นคนเก่ง โดยที่ไม่ต้องเปรียบเทียบแข่งขันอะไรกับใคร เหมือนกับพอใจในความสุขของตน ไม่ต้องบินขึ้นไปให้สูงกว่าใครก็มีความสุขได้ คล้าย ๆ กับอยูแบพอเพียงนะค่ะ (บ่นมานานแล้ว ลื่มไปรับเจ้าตัวแสบเลย ไปก่อนนะค่ะ)

[ภฤศวัฒน์ เวชอุไร]

เลือก2ข้อคงไม่ยากไปสำหรับการออกแบบการจัดการชีวิตที่ดีให้กับเจ้าตัวแสบนะ่ครับ คำว่าเจ้าตัวแสบฟังดูน่ารักน่าชังดีนะครับ ฟังๆดูแล้วน้องเรเน่น่าจะเป็นเด็กช่างซักถาม ช่างสงสัย ชอบคิดสร้างสรรค์ สรุปว่าจัดอยู่ในประเภทเด็กฉลาดและมีกระบวนการคิดแบบCritical Thinking คือคิดแบบวิพากย์ อันนี้เป็นเรื่องทันสมัยนะครับ อืมมม..พูดมานาน ส่วนผสมของการจัดการคำว่า ดี เก่ง สุข ของคุณแม่ดูน่ากลัวนิดๆนะครับ คุณแม่เลือกข้อ a 1.เก่ง 2.ดี 3.มีความสุข และ ข้อ f 1.มีความสุข 2.ดี 3.เป็นคนเก่ง ข้อ1ของทุกข้อคำตอบนั้นถูกจัดให้เป็นความสำคัญอันดับแรกในการจัดการ ข้อ1ของข้อa.และf.คือ เก่งกับสุข การให้ความสำคัญอันดับแรกกับคำว่าเก่ง+สุข หากไม่ใช้ความพยายามอย่างมากในการฟันฝ่าอุปสรรคพาทีมงานไปสู่ข้อ2.คือ เป็นคนดี ให้ได้รูปการณ์จะออกมาในแบบไหนก็ยากที่จะคาดเดา แต่ผมเชื่อมั่นเหมือนกับที่เคยพูดถึงคุณKhao-ma-nee-BeBeว่าคนที่เลือกข้อa.มาเป็นรูปแบบชีวิตจะต้องเป็นคนเก่งมากๆเพราะสามารถจัดการสถานการณ์ได้และสามารถนำพาทุกๆคนไปถึงฝั่งของความดีได้ในที่สุด ....แน่ใจจริงๆครับ

[MamaNoi&Porjai]

มาติด C อุ้ย! มาเลือกข้อ C ค่ะ(จริงๆกับข้อ f เนี่ยเลือกยากเหมือนกันค่ะ) เพราะคิดว่า ถ้าอะไรที่เกิดจากความดีจากพื้นฐานจิตใจ ความสุขที่ได้ทำ สุขที่ได้ให้ สุขที่ได้รับ สิ่งดีๆ ก็จะตามมาค่ะ การทำความดีหรือเป็นคนดีนั้นยากค่ะ แต่ถ้าทำดีก็เชื่อว่าความสุขแท้ก็จะตามมา ส่วนเรื่องเก่งกับการเลี้ยงลูก ถ้าลูกเก่งได้ก็ดีค่ะ แต่ถ้าเก่งไม่ได้ไม่เป็นไร แต่กลัวว่าจะเก่งแต่ไม่ดีเนี่ยอันตรายค่ะแก้ยากมาก ถ้าเก่งต้องดีด้วยจึงจะสุข พ่อแม่ทำดี(เป็นคนดี) ความสุขจะส่งถึงลูกให้เค้าดีตามไปด้วยค่ะ

ชักจะงงตัวเองแล้วค่ะ....สุรปคือ ดี สุข เก่ง ค่ะ

[ภฤศวัฒน์ เวชอุไร]

พ่อแม่ทำดี(เป็นคนดี)ความสุขจะส่งถึงลูกให้เขาดีตามไปด้วย...อันนี้ไม่แน่ใจว่าคุณMamaNoi&Porjaiได้ทราบเรื่องเซลกระจกเงาหรือMirror Neurons มาก่อนหรือไม่ แต่หากทราบแล้วก็จะขอเล่าเพิ่มเติมอีกนิดนึงแบ่งๆกันนะ่ครับ Mirror Neuronsหรือเซลกระจกเงาเป็นเรื่องใหม่ในวงการประสาทวิทยา( Neurology) ซึ่งค้นพบโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยพาร์มา อิตาลี และDr.Marco Lacoboniแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย USA. เจ้าMirror Neurons นี้มีการทำงานส่วนหนึ่งคือเป็นกลไกสำคัญในการเรียนรู้ภาษาพูด ภาษาอ่าน และการเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน คุณธรรมจริยธรรม รวมไปถึงการทำอาหาร และเลียนแบบเรื่องปลีกย่อยที่พบได้ในทุกๆวันอีกมากมาย และเซลกระจกเงานี้ก็ทำงานได้ดีที่สุดในช่วง 7 ปีแรกของช่วงชีวิตวัยเด็ก (จากหนังสือรักลูกฉบับที่301)ชื่อเซลกระจกเงานี่ก็แปลตรงๆเลยว่าทำหน้าที่คล้ายๆกับการสะท้อนภาพ หรือเลียนแบบในสิ่งได้ยินได้เห็น ซึ่งอาจเป็นที่มาของสุภาษิตลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น หากน้องเลียนแบบคุณแม่คุณพ่อตามทฤษฏีนี้จริงก็เป็นเรื่องโชคดีของสังคมน้อยๆของเราอย่างมากๆ เพราะคุณแม่เลือกข้อ C.เป็นคนดี มีความสุข และเก่ง การเลือกในสิ่งที่เราเป็นอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องยากเลยใช่ไหมครับ.

[ภฤศวัฒน์ เวชอุไร]

สรุปโหวตนะครับ:ข้อA.เก่ง ดี มีสุข 2โหวต ข้อB.เก่ง มีความสุข และดี 0โหวต ข้อC.เป็นคนดี มีความสุข และเก่ง7โหวต ข้อD.เป็นคนดี เก่ง และมีความสุข1โหวต ข้อE.มีความสุข เป็นคนเก่ง และดี0โหวต สุดท้ายข้อF.มีความสุข เป็นคนดี และเก่ง6โหวตครับ:
ขอบคุณมากในทุกๆความเห็นนะครับ ความจริงส่วนตัวผมเองมีความฝันถึงคนที่เกิดมาจากข้อa.ว่าจะเป็นไปได้ไหมที่คนที่ถูกฝึกให้เก่งและอาจจะเก่งมากจนครบทั้ง8ด้านตามที่ดอกเตอร์ โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ว่าไว้หรือจะเก่งแค่บางส่วนบางข้อก็แล้วแต่ ที่ฝันไว้คือเป็นคนเก่งและดีด้วยส่วนความสุขถือเป็นเรื่องหลัง อยากให้คนๆนี้มาอยู่ประเทศไทย อยู่กระทรวงศึกษาธิการในช่วงที่ลูกๆเรากำลังอยู่ในวัยเรียน ถ้ามีคนอย่างนี้มาอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการเราจะได้สอนลูกได้อย่างสบายใจด้วยการเลือกความสุขเป็นอย่างแรก ส่วนความดีเราก็คงแทบไม่ต้องสอนเลยเพราะลูกไม้คงหล่นไม่ไกลต้น ขอขอบคุณคุณแม่และคุณพ่อใจดีที่ร่วมโหวตให้ความเห็นทุกๆความเห็นนะครับ และก็ขอปิดโหวตแต่เพียงแคนี้นะครับ..รู้สึกว่าชีวิตมีค่าขึ้นมากเลยที่ได้มีโอกาสพูดคุยกันขอบคุณมาก และสวัสดีครับ.