เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ยาลดไข้ยี่ห้อไหนดีค่ะ ที่ทานง่ายและไม่ขม

น้องทานยาลดไข้แล้วเจอขมๆ ทั้งนั้นเลยบ้วนทิ้งตลอด น้อง 1.2 ปีค่ะ ไมทราบว่ามียี่ห้อไหนแนะนำบ้างค่ะ

แล้วเวลาดูฉลากยาว่าให้กินปริมาณเท่าไร เค้ามีวิธีการคำนวณอย่างไร ค่ะ

 

แนะนำด้วยค่ะ

Views: 4134

Replies to This Discussion

ใช้ยาลดไข้ในเด็กอย่างปลอดภัย โดย เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล



คุณแม่มักจะสังเกตอาการป่วยเริ่มต้นโดย จับตัวลูกรัก แล้วก็พบว่า ลูกเรามีอาการ "ตัวร้อน" น่าจะป่วยซะแล้ว มาฟังคำแนะนำในการใช้ยาเพื่อดูแลเด็กน้อยที่มีอาการไข้ดีไหมครับ


จะรู้ได้อย่างไรว่า ลูกเรามีอาการไข้ ?


โดยปกติอุณหภูมิในร่างกายของเรา จะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาต่างๆ ของวันคือช่วงบ่ายและค่ำร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงกว่าช่วงเช้า แต่ในคนปกติจะมีอุณหภูมิวัดโดยปรอททางปากเท่ากับ 37.5 องศาเซลเซียส หรือ 99.5 องศาฟาเรนไฮต์ หรือวัดด้วยปรอททางรักแร้เท่ากับ กับ 37 องศาเซลเซียส หรือ 98.6 องศาฟาเรนไฮต์


คุณแม่สังเกตได้ว่าเด็กเมื่อมีไข้จะมีอุณหภูมิในร่างกายสูงกว่าปกติ ลองสัมผัสจับตัวดูจะพบว่าตัวร้อนผิดปกติ การวัดอุณหภูมิที่แน่นอนขอแนะนำให้ใช้ปรอทวัดไข้ หากอุณหภูมิของร่างกายลูกสูงกว่าตัวเลขที่ระบุไว้ แสดงว่าลูกน้อยเริ่มมีไข้แล้ว ไม่ควรใช้มือเปล่าหรือความรู้สึกวัด เพราะมือของคุณแม่เองอาจสัมผัสสิ่งของที่ร้อนหรือเย็นมากมาก่อนหรืออยู่ในห้องที่ร้อนเย็นมากกว่าปกติ พอสัมผัสผิวเด็กก็อาจไม่ตรงกับอุณหภูมิที่เป็นจริงได้ ดังนั้นการใช้ปรอทวัดไข้จะแม่นยำกว่า จะเลือกใช้แบบแท่งดั้งเดิม หรือจะเลือกใช้แบบแผ่นคาดศีรษะ หรือแบบส่องหูก็ตามฐานานุภาพครับ


ถ้าต้องใช้ยาลดไข้ มีหลักการเลือกใช้อย่างไรบ้าง ?


หลังจากคุณแม่ได้นำตัวลูกไปพบแพทย์หรือเภสัชกรแล้ว หากจำเป็นต้องเลือกใช้ยาลดไข้โดยทั่วไป ปัจจุบันจะเลือกใช้สูตรยาลดไข้เป็นตัวยาพาราเซตตามอลเป็นอันดับแรกๆ เนื่องจากให้ผลการลดไข้ดีพอควร และมีความปลอดภัย โดยเรามีคำแนะนำในการเลือกใช้ยาดังต่อไปนี้


1. รูปแบบของยา


รูปแบบที่แตกต่างกันของยามีความเหมาะสมสำหรับการใช้ยาในเด็กแต่ละวัยและสภาพของการเจ็บป่วยของเด็ก ยาน้ำจะสะดวกต่อเด็กทุกวัย ส่วนยาเม็ดจะเหมาะกับเด็กอายุตั้งแต่ 4 ขวบขึ้นไป และไม่เหมาะกับเด็กเล็ก เพราะจะทำให้ติดคอได้


2. ปริมาณของตัวยา


* ยาน้ำเชื่อมทั่วไป จะมีปริมาณของตัวยาเท่ากับ 120 มิลลิกรัม ต่อ 5 ซีซี หรือ 1 ช้อนชา


* ยาน้ำเชื่อมแบบชนิดแขวนตะกอน จะมีปริมาณของตัวยาเท่ากับ 120 มิลลิกรัม และ 160 มิลลิกรัม ต่อ 5 ซีซี หรือ 1 ช้อนชา


* ยาน้ำเชื่อมแบบหยด จะมีปริมาณของตัวยาเท่ากับ 10 มิลลิกรัม ต่อ 0.1 ซีซี


* ยาเม็ดสำหรับเด็ก ใน 1 เม็ด จะมีปริมาณของตัวยาเท่ากับ 325 มิลลิกรัม เป็นต้น


3. ส่วนผสม


ยาน้ำเชื่อมทั่วไปรวมทั้งยาน้ำเชื่อมแบบหยดจะเป็นยาที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสมในปริมาณสูง เพื่อช่วยในการกลบรสขมของยา จึงอาจมีผลทำให้เด็กฟันผุได้ง่ายและไม่เหมาะกับเด็กที่มีน้ำหนักตัวมาก ในปัจจุบันได้มีการเลือกใช้สารให้ความหวานตัวใหม่ๆ เช่น ฟรุคโตส คอร์น ไซรัป สามารถกลบรสขมของยาได้ดีกว่าจึงช่วยให้เด็กรับประทานยาได้ง่ายขึ้น และยาลดไข้ที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ไม่ควรมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ คุณแม่สามารถขอแนะนำจากเภสัชกรให้เลือกใช้ยาน้ำสูตรไร้แอลกอฮอล์ Free Alcohol


ขนาดของยาที่ใช้ในเด็ก


การให้ยาลดไข้เด็กคำนึงถึงหลัก 2 ประการคือ อายุและน้ำหนักตัวของลูก แต่วิธีที่เหมาะสมให้ผลการลดไข้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพคือ ให้เด็กได้ยา 10-15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ตัวอย่างเช่นถ้าลูกหนัก 10 กิโลกรัม ต้องได้รับยาขนาด 100-150 มิลลิกรัมต่อครั้ง หากไม่ทราบน้ำหนักตัว ก็ใช้การคำนวณขนาดยาตามอายุของเด็ก ตัวอย่างเช่น เด็กอายุตั้งแต่ 1-6 ปี ให้พาราเซตามอล 1-2 ช้อนชา หากไม่มั่นใจให้สอบถามวิธีการให้ยากับเภสัชกรใจดีได้เลยครับ ไม่ควรให้ยาเองเพราะหากเด็กได้รับยาเกินขนาด อาจเป็นอันตราย ต่อตับและไตได้


เวลาการให้ยา ให้อย่างไร ?


การให้ยาที่ถูกต้องคือทุกๆ 4-6 ชั่วโมง เมื่อหายไข้ให้หยุดยาได้ ตัวพาราเซตามอลเองจะออกฤทธิ์ได้ค่อนข้างช้า ไข้จะลดลงภายหลังรับประทานยาประมาณครึ่งชั่วโมง ระหว่างรอให้ยาออกฤทธิ์ ควรระมัดระวังไม่ให้ไข้ขึ้นสูงเกินขนาด ด้วยการหมั่นเช็ดตัวบ่อยๆ


หากให้ยาและเช็ดตัวให้แล้วอาการไข้ของลูกยังไม่ลดลง ไม่ควรให้ยาเกิน 5 ครั้งต่อ 1 วัน หรือทำซ้ำอยู่เช่นนั้นเพื่อหวังให้ไข้ลดลง เพราะอาจเป็นอันตรายต่อตับ และไตจนทำให้เด็กเสียชีวิตได้ ในกรณีเช่นนี้คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์โดยด่วน


มียาตัวอื่นอีกไหม ที่ลดไข้เด็กได้ ?


นอกจากพาราเซตามอลแล้ว ยังมียาลดไข้อีกหลายตัวที่ได้ผลดี เช่น แอสไพริน และไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) ยาทั้งสองมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งอาจจะมีผลระคายเคืองทางเดินอาหารของเด็กได้ และแอสไพรินเองก็มีข้อควรระวังในการใช้ในหลายกรณี ที่พบบ่อยคือห้ามใช้ในเด็กที่มีอาการไข้เลือดออก แต่ทั้งคู่ให้ผลในการลดไข้ได้เร็วกว่าพาราเซตามอล การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแพทย์ดีกว่าไหมครับ
ลี่..พี่ชอบใช้ sara drop อ่ะค่ะเป็นแบบเข้มข้น คำนวนตามนน.เช่น 1.5k = 1.5 cc กินจิ๊ดเดียวเอง
ส่วนตัวแล้วใช้ sara ครับ รส stawberry ลองมา 2-3 ยี่ห้อแล้ว เคยซื้อยี่ห้อนึงมาให้ลูกกิน ราคาแพงเหมือนกัน รสองุ่น ลูกกินเข้าไปก็บ้วนทิ้ง เลยลองชิมดู โอวววววว มันขมมาก มาลงตัวที่ยี่ห้อดังกล่าวนี่แหละครับ ตอนนี้เวลาจะเอาอะไรให้ลูกต้องชิมก่อนทุกครั้งเลย
ลองดมและชิมดูค่ะ ว่ากลิ่นเหมือนยามากไหมและรสขมมากไหม น้องยูกิเวลาได้กลิ่นก็ไม่ยอมทานเหมือนกัน ขนาดยังไม่ได้ชิมนะค่ะ ถ้าเริ่มเป็นมากแนะนำปรึกษาคุณหมอดีที่สุดค่ะ
ขอบตุณทุกท่านที่มาร่วมให้คำแนะนำน่ะค่ะ
พาราเซตามอลขององค์การเภสัชนี่ละค่ะ พยาบาลแนะนำมา
มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นแผ่นแปะสำหรับลดไข้ด้วยนะคะ ออตโต้เคยใช้มาแล้วค่ะ ลองเสริชหาคำนี้ดูหรือลองไปดูที่ช็อปของเราก็ได้ค่ะ

http://108shop.in.th/index.php?app=store&id=19
ใบหม่อนกับแพรไหมใช้ของซาร่า รสสตรอเบอรี่ค่ะ เคยซื้อยี่ห้ออื่นแล้วไม่ยอมกินเลยค่ะ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service