เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
ขอสอบถามคุณพ่อ คุณแม่ หน่อยนะคะ
คือ ตอนนี้น้องอายุ 1.4 ขวบค่ะ ชื่อมิลาน เป็นเด็กผู้ชาย เรารู้สึกว่าลูกเราไม่ค่อยพูดค่ะ คือพูดได้นะคะ แต่น้อยค่ะ ป๊า ม้า หม่ำ (คำนี้ชัดมาก เวลาอยากจะขอกินอะไร) แต่รู้สึกว่าเค้าไม่ค่อยพยายามจะพูดเลยค่ะ
เราเลี้ยงลูกเองค่ะ สอนน้อง3ภาษามาตั้งแต่เกิด โดยที่เราจะพูดอังกฤษกับลูกประมาณ 90% และจีนกลางสัก10% ส่วนภาษาไทยได้จากคนรอบข้างค่ะ
เราพยามยามพูดกับลูกตลอดเวลา เราจะพูดบรรยายว่าเราทำอะไรอยู่ เช่น open the door/ close the door / switch on- off เวลาอะไรผ่านมาเราบรรยายให้ลูกฟังตลอด Birds/ dogs/ rabbits ตอนกลางคืนก็อ่านพวก First words ให้ฟัง คือลูกเราเข้าใจที่เราพูดนะ เช่นว่า เราบอกให้เค้า switch off the mosquito trap เค้าก็เดินไปปิดที่ดักยุง ถามเค้าว่า Where is your brush? เค้าก็เดินไปหยิบแปรงสีฟันมาให้ บอกให้ clean the floor ก็เดินไปหยิบผ้าขีริ้วมาถูๆปัดๆที่พื้น คือเราว่าเค้าเข้าใจ แต่ทำไมไม่พูดดดด เราก็ไม่รู้จริงๆ
คือเราลองหาใน google ดู ประมาณสาเหตุของเด็กพูดช้า อาจจะเป็นเพราะพ่อ แม่ให้ดู iPad TV มากเกินไป หรือ ไม่พยายามจะสื่อสารหรือสอนลูก ก็จะทำให้พูดช้าได้ แต่เราไม่ใช่เลยค่ะ เราทุ่มเทกับการพูดกับลูกมาก คุยทั้งวัน ไม่มีการแอบกดดู FB คุยLine ทางโทรศัพท์ตอนเลี้ยง (อันนี้พ่อเค้าทำบ่อย เราก็แอบว่าไป) มีบ้างเปิด streaming ดูหุ้น แต่น้อยค่ะ TV เราไม่ดูค่ะ iPad เราให้ลูกดูบ้างตอนกินข้าวกับแต่งตัว แต่เวลาอื่นไม่ให้เลยยยย เราเลยอยากรู้ว่า ลูกๆของคนอื่นเป็นไงกันบ้างคะ แล้วอายุเท่าไหร่คะถึงจะคุยโต้ตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษได้ ช่วยแชร์พัฒนาการหน่อยค่ะ
Tags:
เล็กว่า 1.4 ขวบ พูดเป็นคำๆก็โอเคแล้วนะคะ ปกติเด็กจะเริ่มพูดเก่งตอน 2 ขวบค่ะ
การสอนสองหรือสามภาษาไม่ได้ทำให้เด็กสับสนแน่นอนค่ะ
เพียงแต่เด็กต้องการเวลาพร้อมทั้งด้านคำศัพท์และความถี่อีกหน่อยค่ะ
เดี๋ยวอีก 3 เดือน เล็กว่าพูดปร๋อแน่นอนค่ะ
ยิ่งคุณแม่เก่งๆ พูดเยอะๆแบบนี้ รับรอง เด็กได้เต็มที่
คราวนี้ตอนลูกพูดได้ คุณแม่จะบอกว่า "ช่วยหยุดพูดหน่อยได้ไหม"
ขอบคุณที่แชร์นะคะ คุณ Clamp ka คุณยอดณรงค์ คุณแม่น้องเนย
คือตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ พอดีไปเห็นเด็กที่เข้าอายุพอๆกันหลายคน คือ พูดได้เยอะแล้วเลยค่ะ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ลูกเราเป็น a baby with a few words มากๆ ก็เลยเริ่มเครียดว่า ลูกเราพูดช้ารึเปล่า คิดเข้าข้างตัวเองเด็กผู้ชายพูดช้ากว่ารึเปล่า แต่ก็เห็นลูกพี่สาวซึ่งเป็นผู้ชายเหมือนกัน อายุน้อยกว่ามิลาน 3 วัน ก็พูดได้หลายคำอยู่ ก็เลยเริ่มสงสัยว่าทำไมลูกเราพูดน้อยจัง
ส่วน iPad เราก็พยายามคุมๆอยู่ ให้บ้าง แต่ก็อย่างที่คุณ Clamp ka ว่า จริงๆแล้วมันไม่ควรจะให้เลย
ถ้าลูกเราพูดเป็นประโยค โต้ตอบกับเราเป็นภาษาอังกฤษได้คงชื่นใจน่าดูนะคะ ขนาดตอนนี้พูดไม่เป็นคำๆ เรายังตบมือ ชมลูก เก่งๆ ตลอด อยากให้ถึงวันที่เราได้พูด Stop Talking!!! กับลูกบ้างจัง
เด็ก1.4 ขวบ ก็มีศักยภาพมากกว่าเด็กรุ่นอื่น
เด็กที่ได้รับการปลูกฝังด้านภาษาตั้งแต่เล็กๆ
พอเขาโตขึ้นจะพูดชัดได้ทุกภาษาที่เราสอนไป
เด็กพูดช้าเป็นเรื่องปกติของเด็ก
ใจเย็นๆค่ะไม่นานเดี๋ยวก็พูดปร๋อแล้ว
ถ้าคุณแม่ไม่เลิกทำไปเสียก่อนต้องทำได้แน่ๆค่ะ
โตขึ้นน้องต้องเก่งมากๆแน่เลยค่ะ
สู้ไปด้วยกัน อย่ายอมแพ้ อย่าท้อค่ะ
เราพร้อมที่จะปรึกษากันได้เสมอค่ะ
สู้ๆค่า
-เก๋ ^^
จริง ๆ อายุน้องมิลานประมาณ 1.4 ขวบ รับฟังประโยคภาษาอังกฤษเข้าใจ และพูดได้บ้างเป็นคำ ๆ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกตินะครับ เด็ก ๆ แต่ละคนมีพัฒนาการของทักษะแต่ละด้านช้า เร็ว ไม่เหมือกัน การที่เป็นเด็กผู้ชาย หรือการที่เดินได้ก่อนพูด ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พูดได้ช้ากว่าบ้าง (ตามที่หมอที่โรงพยาบาลที่น้องนานาไปหาบอกมา เพราะตอนนั้นนานาเดินช้ากว่าเด็กคนอื่น) แต่มีสัญญาณที่ดีอื่น ๆ เช่น ทำตามคำสั่งภาษาอังกฤษได้ โต้ตอบได้ ก็ทำให้เราไม่ต้องไปกลัวว่าลูกเราจะมีปัญหานะครับ ผมลองย้อนกลับไปอ่านที่ผมเคยจดเกี่ยวกับลูกว่าสื่อสาร หรือพูดอะไรได้ขนาดไหนตอนประมาณ 1.3-1.6 ขวบ ก็เป็นประมาณว่าพูดเริ่มพูดได้เป็นคำ ๆ พอเริ่มอายุเยอะขึ้นก็ค่อย ๆ พัฒนาการต่อเนื่องขึ้นมา
เรื่องดูหนัง การ์ตูน จะจาก CD หรือ iPAD หากลูกฟังภาษารู้เรื่องแล้ว อาจจะให้ดูเรื่องที่ส่งเสริมการเรียนรู้ รวมทั้งการ์ตูนภาษาอังกฤษที่สร้างสรร ภาษาเด็ก ๆ ก่อนก็ดีนะครับ จากประสบการณ์ของครอบครัวผมเอง เราเปิดเพลงจาก CD ที่มีเสียงคนร้องโดยมีประเภท nursery rhymes ต่าง ๆ รวมทั้งแผ่นเพลง oldies ที่ชอบไม่กี่สัปดาห์หลังเกิดเลย รวมทั้งร้องเพลงให้ฟังด้วยบ่อย ๆ ขณะเดียวกันตอนที่น้องนานาเข้าใจภาษาแล้วประมาณซัก ใกล้ 2 ขวบ ก็ให้นานาดูหนังการ์ตูนง่าย ๆ ตอนนั้นจำได้ว่าเป็น Huckle Cat, Little Einstein และ Sid แต่ไม่เคยให้ดูรายการจาก TV ปกติ ตอนแรกผมก็สองจิตสองใจเหมือนกันว่า ให้ดูการ์ตูน มันดีหรือเปล่า กลัวสมาธิสั้น เลยไปถามครูอนุบาลที่เป็นฟิลิปปินส์ที่สอนที่ nursery แห่งหนึ่ง ครูก็บอกว่าการดูการ์ตูนจะจาก CD หรือ IPAD กลับเป็นเรื่องส่งผลดีต่อพัฒนาการทางภาษาของเด็กได้ ลูกของครู 2 คนก็ส่งเสริมให้เรียนรู้จาก iPAD ครูบอกว่าลูกของเพื่อนโตมาแบบแม่ให้ดู TV หรือ IPAD เลยจนโตประมาณ 4-5 ขวบ ปรากฎว่าจะค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยพูด สิ่งที่ครูบอกว่าเป็นข้อเสียก็คือถ้าดูนานไป อาจจะทำให้ปวดตาเท่านั้นเอง อีกอย่างที่เจอมาคือ เด็กต่างชาติที่อยู่ในวัยเดียวกันกับนานาตอนนั้น ก็ได้มีประสบการณ์ดูการ์ตูน หรือใช้ IPAD ด้วยเหมือนกัน (แต่อยู่ในการควบคุมของผู้ใหญ่ด้านสิ่งที่จะให้ดู เล่น รวมทั้งเวลาที่จะให้เล่น) หลังจากนั้นเพลงที่ฟัง หรือ การ์ตูนที่ดู ก็เริ่มส่งผลนะครับ นานาเริ่มชอบร้องเพลงได้หลายเพลงตอนประมาณ 2 ขวบ และเริ่มพูดเป็นประโยคได้มากขึ้น และสำเนียงภาษาก็ทำนองเลียนแบบสำเนียงภาษาจากการ์ตูนที่ดู ดังนั้นผมว่าหากจะเสริมให้ดูการ์ตูน และรายการสำหรับเด็ก ๆ บ้างตอนพูดคุยรู้เรื่องแล้วก็เป็นผลดีนะครับ เพียงแต่เราต้องดูด้วยตลอด และเสริมถามนู่นนี่ ไปด้วยก็จะดีครับ อันนี้จากประสบการณ์เลี้ยงลูกแบบนี้มาเอง ความเห็นเรื่อง IPAD อาจจะต่างไปบ้าง (แต่สอดคล้องกับคุณยอดณรงค์) แต่ก็ถือว่าเป็นความเห็นหนึ่งละกันนะครับ :)
ขอบคุณคุณ เก๋ และ คุณเอกที่เข้ามามาแชร์นะคะ
เคยได้ยินเหมือนกันว่าถ้าเด็กเดินเร็ว อาจจะพูดช้า มิลานเป็นเด็กเดินเร็ว 10 เดือนก็เริ่มเดินแล้ว ก็ขอให้เป็นเพราะเหตุนี้นะคะ
เรื่อง iPad จะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี คงต้องดูแล้วแค่การใช้ เราเคยจะโยน iPad ทิ้ง ไม่ให้ลูกดูหลายทีมากค่ะ แต่อาม่าเค้าบอกว่าให้ดูเถอะ สงสารมิลาน เราก็เลยให้ดู แต่จำกัดเวลามากๆ ตอนนี้ก็ดูพวก Baby Einstein / Calliou / Baby signing time อยู่ค่ะ หวังว่าลูกจะพูดได้เร็วๆ
เห็นด้วยกับทุกท่านที่แสดงความเห็นคะ คุณ Milan Mimi พัฒนาการและทักษะของเด็กแต่ละคนเร็ว ช้าไม่เหมือนกัน ยิ่งคุณแม่มีศักยภาพในการดูแลลูกที่ดีมากอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวล ใจเย็นๆเถอะ เกาลูนลูกชาย ตอนนี้ 1.10 ขวบ เค้าเริ่มพูดคำที่ออกเสียงง่ายๆ อย่างเช่น ป๋า หมา อ้ำ ตั้งแต่ 1.4ขวบคะ ช่วงแรกๆก็กังวลเรื่องการพูดมาก เพราะมีหลายคนว่าแม่พูดกับลูกน้อยเกินไป อาจจะมีส่วนคะ แต่พอไปโรงเรียนน้องก็เริ่มแว่วๆมาเป็นคำที่ไม่ชัดแต่พอฟังรู้ว่าเค้าพยายามจะพูดอะไรกับแม่ ตอนนี้ก็เริ่มชัดขึ้นบ้างแล้วคะ เป็นอีกกรณีที่เล่าให้ฟังคะ ใจเย็นๆนะคะ
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by