ใส่เสื้อตามสไตล์/เรียงเหตุการณ์เหมือนเดิม/ซ้อนเก้าอี้

[อรทัย]

1แต่ละคนก็ใส่เสื้้้อผ้าตามสไตล์ของตัวเองไม่เหมือนกันแล้วแต่จะชอบแบบไหน

2น้องอยากได้ก็ให้ค้าไปอย่าไปขัดใจเค้า

3ตอนนี้สอนน้องเรื่องการเรียงลำดับเหตุการณ์ค่ะมีภาพดังนี้ค่ะ

 3.1 กล้วยยังไม่ได้ทานยังคงสภาพเหมือนเดิม

 3.2กล้วยทานแล้วเหลือแต่เปลือก

4น้องดื่มนมทีหลังยังเสร้จก่อนหนูอีก

5หนูไม่ได้กินเร็วกว่าน้องแต่หนูใช้เวลาในการกินมากกว่าน้อง

6น้องไม่ได้อยากกินอย่าบังคับเค้า

7หากปลั๊กพัดลมเสียบอยู่ให้บอกคุณแม่

8เราต้องคอยตรวจตารอบๆบ้านให้เรียบร้อยก่อนปิดประตูบ้าน

9.1เราบอกให้เค้าซ้อนเก้าอี้

9.2.ให้แยกเก้าอี้ที่ซ้อนอยู่ออกมาแต่ละตัว

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

[LadyKoh]

ลองตอบเป็นทางเลือกนะคะ

1แต่ละคนก็ใส่เสื้้้อผ้าตามสไตล์ของตัวเองไม่เหมือนกันแล้วแต่จะชอบแบบไหน

Each person dresses in personal style. He or she doesn't need to dress the same.

2น้องอยากได้ก็ให้ค้าไปอย่าไปขัดใจเค้า

Just give it to your brother/sister. Don't upset him/her.

4น้องดื่มนมทีหลังยังเสร้จก่อนหนูอีก

Your brother/sister finished his/her milk before you. She started having it after you.

5หนูไม่ได้กินเร็วกว่าน้องแต่หนูใช้เวลาในการกินมากกว่าน้อง

You don't eat faster than your brother/sister but it took longer time for you to finish it off.

6น้องไม่ได้อยากกินอย่าบังคับเค้า

Your brother/sister doesn't want to eat it. Leave her/him alone.

8เราต้องคอยตรวจตารอบๆบ้านให้เรียบร้อยก่อนปิดประตูบ้าน

We have to make sure that there is nothing wrong/suspected around our house before we close the door.

[Ake]

 แชร์เพิ่มจากคุณ LadyKoh นะครับ

1แต่ละคนก็ใส่เสื้้้อผ้าตามสไตล์ของตัวเองไม่เหมือนกันแล้วแต่จะชอบแบบไหน

-> People wear different styles of clothes.  It's a matter of personal taste.

2น้องอยากได้ก็ให้ค้าไปอย่าไปขัดใจเค้า

-> Give it to him if he is asking for it.  Don't upset him.

3ตอนนี้สอนน้องเรื่องการเรียงลำดับเหตุการณ์ค่ะมีภาพดังนี้ค่ะ

 3.1 กล้วยยังไม่ได้ทานยังคงสภาพเหมือนเดิม

->  The banana looks the same when it is not eaten.

 3.2กล้วยทานแล้วเหลือแต่เปลือก

->  When it's eaten, only the peel/skin is left.

4น้องดื่มนมทีหลังยังเสร้จก่อนหนูอีก

->  He started drinking after you but finished it first.

5หนูไม่ได้กินเร็วกว่าน้องแต่หนูใช้เวลาในการกินมากกว่าน้อง

->  I am just taking more time to drink.  That's why I have not finished it yet. 

6น้องไม่ได้อยากกินอย่าบังคับเค้า

->  Don't force him to eat if he doesn't want to.

7หากปลั๊กพัดลมเสียบอยู่ให้บอกคุณแม่

->  If the fan is still plugged in, please tell me.

8เราต้องคอยตรวจตารอบๆบ้านให้เรียบร้อยก่อนปิดประตูบ้าน

->  Check that everything is alright before you lock the door.

9.1เราบอกให้เค้าซ้อนเก้าอี้

->  Stack the chairs one on top of each other.

9.2.ให้แยกเก้าอี้ที่ซ้อนอยู่ออกมาแต่ละตัว

->  Take the chairs out one by one from the stack.

[อรทัย]

ขอบคุณคุณAkeและคุณLadyKohมากค่ะ

ไม่ทราบว่าสมัยเด็กๆคุณakeอ่านหนังสือภาษาอังกฤษประเภทไหนบ้างค่ะอยากแนะนำให้น้องอ่านบ้างค่ะเช่นพวกหนังสือพิมพ์ของเด็กหรือเปล่าค่ะ

[Ake]

สมัยเด็ก ๆ ตอนนั้น พูดถึงที่อ่านเสริมจากหนังสือเรียนวิชาภาษาอังกฤษต่าง ๆ ทางโรงเรียนเขาก็จะให้อ่านหนังสือพิมพ์ Student Weekly และพอระยะหนึ่งก็จะใช้เป็น Bangkok Post ซึ่งจะทำให้รู้ศัพท์ โครงสร้างประโยค grammar และภาษาที่เป็นแบบทางการที่ใช้ในการเขียน หากไม่เข้าใจศัพท์ตัวไหน ก็ต้องใช้ Engligh-English dictionary  ซึ่งจะทำให้เรารู้ และเข้าใจมิติของภาษา และความหมายของศัพท์ในแบบที่ Thai-English dictionary ไม่สามารถให้ได้  แรก ๆ อาจจะไม่ชิน แต่ทำระยะหนึ่งจะเห็นว่าไม่ยากครับ

ส่วนการเรียนรู้ภาษาพูด (นอกจากดูหนัง ดูการ์ตูน หรือหากมีโอกาสก็พูดกับคนต่างชาติที่ภาษาอังกฤษดีแล้ว) หนังสือที่อ่านแล้วจะได้ภาษาพูดคือหนังสือที่มีบทสนทนา (conversation)  ผมว่าหนังสือที่จะทำให้เรียนรู้ภาษาพูดได้ดี  และง่าย ไม่เบื่อด้วย คือหนังสือการ์ตูน หรือ หนังสือนิทานภาษาอังกฤษ  หนังสือพวกนี้จะมีภาพทำให้เข้าใจบริบทมากขึ้น   ปัจจุบันผมชอบหนังสือของ "Usborne"  ซึ่งมีหนังสือนิทานเด็ก ๆ เยอะ  ภาษาดี ไม่ยากมาก มีขายที่ Asia Books และ Kinokuniya  ลองเอามาอ่านดูกับลูกก็ได้เรียนรู้ไปเองด้วย

คุณอรทัยลองดูนะครับ ประเด็นคืออ่านบ่อย ๆ เยอะๆ  จะเป็นนิตยสารที่เราชอบแต่เป็นภาษาอังกฤษก็ดีครับ จะทำให้รอบรู้ภาษาอังกฤษได้มากขึ้นครับ     

[อรทัย]

ขอบคุณคุณAkeมากนะคะได้ความรู้จากคุณAkeในหลายเรื่องเลยค่ะจะพยายามทำตามคำแนะนำของคุณAkeนะค่ะ