เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

สอนลูกเองก็ได้...ง่ายจัง11 : พ่อแม่ไม่(มีเวลา)สั่งสอน

ฉิก : หวัดดีครับ กลับมาคุยกันเรื่องcaseน้องวิน กับ น้องเก่งกันอีกที หลังจากยืดเยื้อกันมาหลายครั้งแล้ว วันนี้หวังว่า คงจะได้บทสรุปกันซักทีนะครับ

ป้อม : ครับ ก่อนอื่นคงต้องบอกว่า....

ฉิก : ฮั่นแน่!!! ....กำลังจะกัดผมอีกแล้วใช่มั้ย จะบอกว่า ชีวิตคนเราไม่มีบทสรุปตายตัวอีกล่ะสิครับ มุขนี้เค้ารู้ทันหรอกนะ ตัวเอ๊งงงงงงงงงงง

ป้อม : 555555 ต่อมแต๋วแตกเหรอไงครับ
แหม ผมไม่ได้กะว่าจะบอกอย่างนั้นซักหน่อย
คือเพียงแต่จะให้คุณช่วยลองบอกหน่อยซิว่า พ่อๆแม่ๆเรามีหน้าที่อะไร

ฉิก : ก้อเลี้ยงดูปูเสื่อ เอ้ย!ไม่ใช่ เลี้ยงดูลูกไงล่ะครับ แล้วจะถามไปทำไมล่ะครับ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับcasesที่พูดไปเลย

ป้อม : เกี่ยวมากๆเลยครับ ถ้าไม่เข้าใจหน้าที่ที่แท้จริงของพ่อแม่ เราก็จะพลาดประเด็นสำคัญเกี่ยวกับปัญหาของน้องทั้งสองไปเลย

ที่คุณตอบมา ถูกแค่ครึ่งเดียว จริงๆแล้ว หน้าที่พ่อแม่มีอยู่ 2 อย่าง
1 เลี้ยงดู (raising)
2 อบรมสั่งสอน (educating)


การเลี้ยงดูเด็ก ก็อย่างที่ทราบๆกันดี คือ การช่วยเหลือดูแลเด็กตามความต้องการขั้นพื้นฐาน ตามสิทธิของเด็ก (children's rights)

ทั้งทางกายภาพ คือ การปกป้องอันตราย ให้อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ดูแลสุขภาพ กระตุ้นพัฒนาการ และ รักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย

และ ทางด้านจิตวิญญาณ คือ การให้ความรัก ความอบอุ่น ความเอาใจใส่ สัมผัสที่อ่อนโยน การโอบกอด การสร้างความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก เป็นต้น

ส่วนหน้าที่อีกอันที่สำคัญไม่แพ้กันเลย คือ การอบรมสั่งสอน ซึ่งไล่ตั้งแต่ความรู้ทั่วๆไป การฟัง พูด อ่าน เขียน การให้โอกาสทางการศึกษา เช่น เข้ารร. ฝึกทักษะด้านดนตรี กีฬา ศิลปะ เป็นต้น

อีกส่วนนึงที่พ่อแม่มีบทบาทสำคัญในการอบรมสั่งสอนก็คือ "การฝึกทักษะในการใช้ชีวิต" เช่น การฝึกวินัย(discipline) ฝึกทักษะในการเล่น ทักษะในการเข้าสังคม มารยาท ทักษะทางด้านการเงิน รวมไปถึง การปลูกฝังค่านิยม จริยธรรม และ ศีลธรรม โอ๊ย!! เยอะแยะเลย พูดแล้วเหนื่อยจัง

ฉิก : มันก็sameๆ เหมือนที่เรารู้ๆกันอยู่นิครับ ไม่เห็นว่ามันจะเอามาใช้กับcasesทั้งสองนั้นได้เลยง่ะ

ป้อม : ใจคอคุณนี่จะให้ผมพูดสรุปcasesอย่างเดียวเลยนะ
เอ้า! ก็ได้ caseแรก น้องวิน กับ case ที่2 น้องเก่ง นี่มีที่มาคล้ายๆกัน
คือ "พ่อแม่ไม่สั่งสอน" เอ้ย! ไม่ใช่ พูดงั้นมันแรงไป
เอาเป็นว่า พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลา หรือ ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของการอบรมสั่งสอน น่าจะฟังดูดีกว่า

ฉิก : ไม่สอน??? รายของน้องวินยังพอว่า แต่รายของน้องเก่งนี่อ่ะนะ"ไม่สอน" ผมได้ยินคุณบอกว่าเด็กเขาโดนเตรียมความพร้อมซะเยอะแยะขนาดนั้น ยังบอกอีกเหรอว่า พ่อแม่ไม่ได้สอน

ป้อม : ถ้าคุณฟังผมพูดดีๆตั้งแต่ตอนต้น คุณคงจะไม่สงสัยประเด็นนี้หรอกครับ ที่บอกว่าพ่อแม่ไม่ได้สอน คือ "ทักษะการใช้ชีวิต"ไงล่ะครับ

น้องวินนี่ค่อนข้างชัดเจนเลยว่า ไม่ได้ฝึกเรื่อง"วินัย" ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เด็กเขาได้รับการตามใจตั้งแต่เด็ก และ เขาก็ไม่รู้ด้วยว่าสิ่งที่เขาทำอยู่แต่ละอย่างควรต้องปรับปรุง เพราะ ไม่มีใครกล้าว่า กล้าสอน เช่น ไม่ยอมอาบน้ำ ไม่ยอมแต่งตัว ไม่ยอมกินข้าวที่โต๊ะกินข้าว ทุกคนก็พยายามมาช่วยทำให้ ไม่ต้องฝึกทำอะไรๆเองเลย

ซึ่งพวกนี้ดูเหมือนเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่เด็กที่เขาเคยชินกับการทำอะไรตามใจตัวเองทุกอย่าง มักจะ"ควบคุมตนเอง"ไม่ค่อยได้ ถ้าไม่มีผู้ใหญ่มาช่วยสอนเขาให้ทำตามกรอบ กติกา ระเบียบของบ้านบ้าง เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร พอไปรร.เขาก็เลยไม่ยอมเชื่อฟังครู ไปแกล้งเพื่อนบ่อยๆ

พออยู่บ้านก็ดูโทรทัศน์ไม่เลิก จนไม่ค่อยได้กินข้าว ทางบ้านก็กังวลใจแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรเด็ก เด็กเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง พวกนี้หากไม่ปรับปรุงเรื่อง"วินัย" ต่อไปภายภาคหน้าก็มีแนวโน้มที่จะหลงทำอะไรไปตามสิ่งยั่วยุที่น่ากลัวกว่า เช่น ติดเน็ต ติดเกมออนไลน์ ไปจนถึง ยาเสพติด เซ็กส์ และ อาชญากรรม ผมถึงบอกคุณไงว่า โทรทัศน์น่ะเรื่องเด็กๆ




ฉิก : แล้วน้องเก่งล่ะครับ ผมว่าเขาก็มี"วินัย"ในการเรียนยอดเยี่ยมมากเลยนา ไหงถึงไปมีพฤติกรรมแบบนั้นได้ล่ะ <

ป้อม : สำหรับน้องเก่ง ปัญหามันดูจะซับซ้อนกว่านิดหน่อย
ช่วงแรกๆที่แม่เขาพยายามกระตุ้นพัฒนาการเด็กตามตำราก็ยัง okอยู่นะ
แม้บางทีผมก็รู้สึกเหมือนกันว่าจะรีบไปไหน จะเว่อร์ไปถึงไหน จะสร้างเด็กให้เป็นSupermanกันเลยรึไง ถึงต้อง"อัด"กันซะขนาดนั้น

เคยได้ยิน" Hurried child syndrome" ไหมครับ ผมเรียกง่ายๆว่า "เด็กเร่ง" น่ะครับ ฟังดูคล้ายๆ "เด็กแว้น" หรือ "เด็กสก๊อยซ์" แต่ไม่ใช่
พวกนี้มักเจอบ่อยตอนเริ่มเข้าอนุบาล 3 (ที่จะเตรียมสอบเข้าป.1) หรือ ตอนชั้นประถมที่เนื้อหาการเรียน และ การแข่งขันที่หนักหน่วง ตามหลักสูตรการศึกษาบ้านเรา เฮ้อ! พูดแล้วก็เหนื่อยใจ เห็นว่าตอนนี้มีเรียนฟรี 15 ปีด้วยนะ ไม่รู้คุณภาพจะสวนทางกันเหมือนโครงการ 30 บาทอ๊ะปล่าว อ๊ะ!โทษที ชักนอกเรื่องไปไกล

อีกอย่างผมไม่รู้ว่า แม่เขาได้สอน"ทักษะในการใช้ชีวิต"อื่นๆ นอกจากความรู้ที่เด็กเขาได้ไปตั้งแต่เล็กๆหรือเปล่า

เอาง่ายๆ ผมมองว่าน้องเก่งเขา"เล่น"ไม่เป็นน่ะครับ

ฉิก : เฮ้ย!!!! มีด้วยเหรอครับ เด็กที่"เล่น" ไม่เป็นเนี่ยนะ

ป้อม : ครับ แม่ของเขาคงลืมไปว่า เด็ก น่ะไม่ใช่"ผู้ใหญ่"ตัวน้อยๆนะครับ
เลยอัดความรู้ทุกอย่างเข้าไปเต็มที่ แต่ลืมไปว่าเด็กน่ะมีพัฒนาการที่เติบโตไปพร้อมๆกับ"การเล่น" หากเขาขาดทักษะทางการเล่นไปก็จะทำให้ขาดทักษะอื่นๆไปด้วยอย่างน่าเสียดาย

คุณลองไปดูที่สนามเด็กเล่นสิครับ เด็กๆจะได้หมดเลยทั้งการปีนป่ายที่ฝึกกล้ามเนื้อมัดต่างๆ การพูดคุยกัน การแบ่งปันกันเล่นของเล่นชิ้นต่างๆ ที่จะฝึกทักษะด้านอารมณ์ สังคม และ ค่านิยมทางสังคม ที่ไม่มีทางสอนกันได้โดยการบอกให้ทำหรอกครับ เป็นการฝึกEQอย่างดีเลยนะครับ

สังเกตการพูดการจาของน้องเก่งมั้ยครับ ดูเป็นหลักเป็นการ ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุมาก แต่เขาพยายามจะหลีกเลี่ยงไม่ยอมเล่นกับเพื่อนๆตลอดเลย ที่พยายามให้เหตุผลต่างๆนานา ผมว่าลึกๆแล้วเป็นเพราะ เขาไม่รู้จะเล่นกับเพื่อนๆยังไงมากกว่า ก็เพราะ"เล่น"ไม่เป็นนั่นแหล่ะครับ

อีกอย่างที่ผมสังเกตคือ น้องเขาไม่ได้ถูกฝึกให้ช่วยงานบ้านอะไรเลย
มีหน้าที่เรียนอย่างเดียวจริงๆ ผมว่าน่าเสียดายนะครับ เรื่องงานบ้านนี่เป็นการฝึกวินัย และ ความรับผิดชอบขั้นพื้นฐานที่สุดเลย ถ้าเขาสามารถทำตรงนี้ได้ด้วยตัวเอง จะเป็นการฝึกการควบคุมตัวเองได้ดีมาก ถ้าน้องเก่งมีวินัยในการทำสิ่งเหล่านี้ได้ ก็น่าจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีกว่านี้นะครับ

เรื่องความสัมพันธ์ของคนในบ้านก็เป็นอีกอัน ลองสังเกตคำพูดของน้องสาวเขาไหมล่ะครับ พอบอกอะไรได้หลายๆอย่างว่า บ้านนี้เขาไม่ค่อยเน้นการมีปฏิสัมพันธ์กันซักเท่าไหร่ คุณแม่กลับจากงานก็ให้ลูกๆไปเรียนพิเศษ กลับมาแทนที่จะได้คุยสารทุกข์สุขดิบกัน ก็ดันมาดูละครหลังข่าวเป็นประจำขนาดที่ลูกสาวจำคำพูดในละครได้เป๊ะขนาดนั้น ผมว่าการที่พี่น้องเขาไม่รักกันมันก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะ มันไม่มีอะไรที่จะเชื่อมถึงกันได้เลยน่ะสิครับ





ฉิก : โอ้ววววว......มันลึกซึ้งขนาดนั้นเลยเหรอครับ แล้วเราพอจะมีทางแก้ไขอะไรได้มั่งไหมครับ

ป้อม : ก็อย่างที่บอกไปตั้งแต่คราวที่แล้วว่า เราต้องตระหนักถึงปัญหาตรงนี้ก่อน และ อย่าโทษผู้อื่น แต่ให้กลับมาปรับปรุงตัวเอง

ทั้งนี้ทั้งนั้น บางคนพอเจอปัญหาแบบนี้ ก็เสียใจและคอยแต่โทษตัวเองว่าทำหน้าที่พ่อแม่ได้ไม่ดี เป็นพ่อแม่ที่แย่มาก หมดกำลังใจไปซะอย่างงั้นก็มี

ผมอยากบอกอย่างนี้ครับ Y'a personne de parfait หรือ Nobody's Perfect แปลเป็นไทยอีกทีว่า ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบหรอกครับ

ไม่มีใครเป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีเด็กคนไหนเป็นเด็กสมบูรณ์
และ ไม่มีใครเลยที่จะสมบูรณ์แบบ ผมเองก็ไม่ คุณเองก็ไม่

พ่อแม่ทุกคนต่างก็รักลูกของตน และ อยากจะเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุด
ต้องการให้ลูกตนเองมีความสุขที่สุด
แต่ไม่มีใครหรอกที่จะรู้ว่าควรว่าต้องทำตัวเป็นพ่อแม่ที่ดียังไงตั้งแต่เกิด

ที่เราควรจะทำ คือ ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีที่สุด ศึกษาหาความรู้เรื่อยๆ "เติบโต" และ พัฒนาไปพร้อมๆกับลูกของเรา และ ฟัง"เสียงหัวใจ"ของเราเองบ้าง หากเกิดปัญหาขึ้นมา ก็อย่าเสียใจเกินเหตุ เพราะ เราได้พยายามทำดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ ณ เวลานั้นแล้ว

และ อย่าอายที่จะขอความช่วยเหลือ คำปรึกษาแนะนำจากผู้อื่นเวลาที่เรามีปัญหา เปิดใจให้กว้าง พร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองเสมอ


ฉิก : เริ่มออกทะเลไปเยอะแล้ว กลับมาก่อนครับ กลับมาก่อน

ป้อม : เรื่องทางแก้ไข ผมขอพูดรวมๆไปทั้ง 2 คนเลยนะครับ ในรายละเอียดอาจจะต่างกันบ้าง แต่หลักๆก็คือ การฝึกวินัย และ ฝึกการเล่นน่ะครับ และ ที่ผมคงต้องขอความร่วมมือกันจริงๆ ก็คือ ขอได้มั้ยครับ ขอเวลาคุณพ่อคุณแม่ให้กับลูกมากขึ้นกว่านี้น่ะครับ ถึงเป็นเวลาคุณภาพแต่น้อยเกินไปแบบอาทิตย์ละ 1-2 วันก็คงไม่ไหวนะครับ

เรื่อง"วินัย" นี่ผมไม่อยากให้มองว่าเป็นการควบคุม บังคับจากภายนอก คือ จากพ่อแม่เด็ก หรือ ครูนะครับ แต่อยากให้เป็นการควบคุมจากภายในตัวเด็กเอง คือ ฝึกจนเด็กคิดเองได้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ ถ้าไม่ทำจะมีผลอะไรตามมา นานๆไปก็จะเป็นการฝึกควบคุมตัวเองจากสิ่งยั่วยุต่างๆด้วย

ซึ่งแรกๆพ่อแม่ก็ต้องช่วยกันดูแล ง่ายที่สุดเลย คือ พ่อแม่ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กดู ใช้คำสั่งกับเด็กด้วยท่าทีที่เอาจริงเอาจัง สั้นๆ ง่ายๆ แต่ชัดเจน ชมเชยเด็กทุกครั้งที่เขาทำดี อาจให้รางวัล เช่น Star chart เก็บสะสมดาวได้ 7 ดวง จะพาไปเที่ยวรอบโลกอะไรแบบนี้ (อันนี้ก็เว่อร์ไป)

และ มีบทลงโทษที่เหมาะสม เช่น การตักเตือนที่ใช้น้ำเสียงเอาจริง แต่ไม่บ่น และ ไม่ดุด่าด้วยอารมณ์โกรธ ตัดสิทธิ์ รวมไปถึงTime out
และ ต้องพร้อมใจกันทำทั้งบ้าน และ ทำอย่างสม่ำเสมอด้วย
อย่าเข้มงวดเกินไป แต่ก็ต้องกำหนด"กรอบ"ให้ชัด
อันไหนที่พออนุโลมได้ก็ปล่อยๆบ้าง แต่อันไหนที่เราเห็นว่าสำคัญจริงๆ ก็ต้องใจแข็ง และ ต้องทำให้ชัดเจน

วิธีฝึกวินัยและความรับผิดชอบที่ดีมากก็คือ การมอบหมายหน้าที่ให้ช่วยงานบ้าน แรกๆเราก้ทำให้ดู ต่อมาก็ลองช่วยๆกันทำ และ สุดท้าย ให้เขาทำเองทุกวัน โดยที่ไม่ต้องสั่ง ต่อมาก็ดูแลไปถึงวินัยในรร. และ สังคมด้วย

ซึ่งอันนี้แหล่ะครับ คือ "วินัยเริ่มที่บ้าน" และ "วินัยสร้างชาติ"

ส่วนเรื่องทักษะการเล่น ขอพูดสั้นๆว่า ของเล่นที่ดีที่สุด ไม่ใช่ใครอื่น ก็คุณพ่อคุณแม่นั่นแหล่ะครับ มาเล่นคลุกคลีกับเด็กตั้งแต่เล็กๆเลย ของเล่นไม่ต้องซื้อที่ราคาแพงนักหรอก ให้เน้นวิธีการเล่นแบบ"สร้างสรรค์"น่าจะดีกว่า และ ควรส่งเสริมให้เด็กมีเวลาได้เล่นกับเพื่อนๆตามธรรมชาติของเด็กด้วย

สุดท้ายนี้อยากฝากเอาไว้ว่า
พ่อแม่ทุกคนคงจะอยากให้ลูก"เรียนเก่ง"กันอยู่แล้ว
แต่อย่าลืมนะครับว่า "เรียนเก่งอย่างเดียวไม่พอ"

ฉิก : OKครับ วันนี้คงพอได้ideaกันพอสมควรแล้ว ไว้พบกันใหม่คราวหน้านะครับ








pomjom.bloggang.com
Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2552

Views: 64

Comment

You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!

Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service